ทารกคว่ำกี่เดือน ? แนะนำวิธีการนอนที่ถูกต้องสำหรับเด็กทารก

เมื่อไหร่ที่ทารกจะนอนคว่ำ ? คำถามนี้คุณแม่มือใหม่หลายคนคงอยากรู้ นอกเหนือไปจากที่ต้องรู้ว่าวิธีล้างขวดนมที่ถูกต้องควรทำอย่างไร เพื่อที่จะได้เตรียมตัวในการดูแลการนอนของลูกน้อย รวมถึงรู้ถึงการนอนที่ถูกวิธีและการนอนที่ปลอดภัยด้วย เพราะหนึ่งของกลุ่มอาการเสียชีวิตในทารกอย่างกะทันหันก็คือ การนอนคว่ำ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงได้โดยการสร้างสภาวะการนอนหลับที่ปลอดภัย และเรียนรู้ถึงว่า ทารกคว่ำกี่เดือน กันค่ะ

ทารกคว่ำกี่เดือน ถึงจะปลอดภัย ?

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าลูกน้อยของคุณนอนคว่ำก่อนอายุครบ 1 ขวบ ? และทารกคว่ำกี่เดือน ? จริงๆ แล้วแนะนำให้ทารกนอนหงายต่อไปจนถึงอายุ 1 ขวบ แม้ว่าช่วงอายุประมาณ 6 เดือนหรือก่อนหน้านั้นพวกเขาจะสามารถพลิกตัวได้เองตามธรรมชาติ แต่จะยังคงมีความเสี่ยงกับการขาดอากาศหายใจอยู่บ้าง นอกเสียจากว่าเด็กจะสามารถขยับได้บ้างก็จะสามารถนอนคว่ำได้ก่อนอายุครบขวบปี และหากทารกแรกเกิดนอนไม่หลับถ้าไม่ได้นอนคว่ำนั้น ทางกุมารแพทย์และผู้เขียนหนังสือ “Happiest Baby on the Block” ได้บอกถึงการนอนหลับที่ปลอดภัยของเด็กทารกคือ ให้ใช้การห่อตัวด้วยผ้าเพื่อเลียนแบบการอยู่ในครรภ์ และวิธีนี้อาจช่วยป้องกันไม่ให้ทารกตื่นขึ้นมาในระหว่างการนอนหลับอีกด้วย

[affegg id=516]

อันตรายไหมถ้าทารกนอนคว่ำเองตอนกลางคืน ?

คุณแม่มือใหม่ควรเรียนรู้เบื้องต้นของการนอนหลับของทารกอย่างปลอดภัย และให้ลูกน้อยนอนหงายเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคทารกเสียชีวิตอย่างกะทันหัน (SIDS) แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าลูกน้อยของคุณนอนกลิ้งและนอนคว่ำเองในตอนกลางคืน จะปลอดภัยไหมที่ลูกของเราจะนอนคว่ำ ซึ่งการนอนคว่ำของทารกเป็นเรื่องปกติถ้าลูกน้อยของคุณเข้าสู่ท่านั้นได้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยค่ะ

และทารกคว่ำกี่เดือนนั้น เมื่อทารกเรียนรู้ที่จะนอนเกลือกกลิ้งบนท้องของพวกเขา เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นระหว่าง 4-6 เดือน แต่อาจเร็วถึง 3 เดือนได้ และโดยปกติถ้าไม่มีการพลิกตัวกลับมานอนหงายจึงอาจเป็นอันตรายได้ ส่วนทารกที่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งการนอนได้ง่ายมักจะมีความคล่องตัวในการป้องกันตัวเองจากการนอนคว่ำได้มากกว่า นอกจากนี้อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำในการนอนของทารกอย่างปลอดภัยอื่นๆ เสมอ รวมถึงควรวางลูกน้อยลงบนพื้นผิวการนอนที่มั่นคงและเก็บสิ่งของอื่นๆ ทั้งหมดออกจากเปล เช่น หมอน ผ้าห่ม และของเล่นตุ๊กตา เป็นต้น

ซึ่งการวางลูกน้อยของคุณให้นอนคว่ำเป็นเรื่องปกติหรือไม่ ? การที่ทารกคว่ำกี่เดือนนั้น จะเป็นช่วง 4-6 เดือนแรกเขาจะเริ่มคว่ำได้เองแล้วตามธรรมชาติ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จะต้องช่วยกันคอยดูแลในขณะที่นอนหลับว่ามีการพลิกตัวเองตามธรรมชาติไปนอนคว่ำหรือไม่ หากเขาสามารถนอนคว่ำได้อย่างปลอดภัยคือมีการหันตะแคงใบหน้า จมูกไม่จมลงไปบนหมอนหรือที่นอน หากเป็นแบบนี้ก็ยังสามารถนอนคว่ำได้อย่างปลอดภัย แต่หากทารกนอนคว่ำโดยที่ไม่สามารถเอียงหน้าได้เองให้จับพลิกนอนหงายจะปลอดภัยกว่า การทำเช่นนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของโรค SIDS ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในช่วงปีแรกของชีวิตทารกได้ค่ะ

[affegg id=515]

ท่านอนที่เหมาะสมในแต่ละช่วงอายุ

หลังจากรู้ไปแล้วว่าทารกคว่ำกี่เดือน เรามารู้ถึงท่านอนของทารกในแต่ละช่วงอายุที่เหมาะสมกัน ดังนี้

1. ทารกแรกเกิด – 3 เดือน

เป็นช่วงที่กระดูกคอและกระดูกสันหลังของลูกยังไม่แข็งแรงพอ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องระวังเป็นพิเศษ ควรให้ทารกนอนหงายสลับกับการนอนตะแคงเพื่อให้หายใจได้สะดวก เป็นช่วงวัยที่ยังไม่ควรให้นอนคว่ำ เพื่อป้องกันการเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในขณะนอนหลับจากภาวะ SIDS

2. ทารกอายุ 4 – 6 เดือน

เมื่อกระดูกช่วงคอของทารกเริ่มแข็งแรงขึ้นและขยับได้บ้าง สามารถยกคอได้เล็กน้อย เราสามารถปรับท่าทางการนอนของทารกได้ สามารถจับลูกนอนคว่ำ และวางแขนขาให้อยู่ในท่าสบายตัว และควรให้เอียงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่งเพื่อป้องกันใบหน้าซุกกับหมอนที่จะเป็นอันตราย แต่ก็ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะในเด็กบางคนยังคงมีความเสี่ยงในการเกิดอันตรายอยู่ และแนะนำว่าหมอนต้องไม่นิ่มเกินไป เพราะอาจทำให้ทารกขาดอากาศหายใจได้เมื่อมีการคว่ำหน้าลง

[affegg id=514]

3. ทารกอายุ 7 – 12 เดือน

ทารกในช่วงวัยนี้ร่างกายและกระดูกช่วงคอค่อนข้างแข็งแรง สามารถขยับร่างกายและพลิกตัวเองได้ จึงสามารถเริ่มที่จะนอนคว่ำได้แล้ว แต่ต้องเลือกที่นอนให้เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยด้วย เพราะเด็กเริ่มมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น ควรมีราวและซี่กันเด็กตก เบาะและที่นอนควรพอดีกันกับเตียง นอกจากนี้ควรสังเกตการหายใจและท่าทางของทารกในระหว่างการนอนหลับด้วยนะคะ

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันพร้อมที่จะเป็นคุณแม่ใช่หรือไม่ ? คุณแม่มือใหม่อาจจะต้องเหนื่อยในการดูแลทารกแรกเกิด แต่เพื่อความปลอดภัยควรดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมงนะคะ และในขณะที่ตั้งท้องอยู่นั้นอย่าลืมเลือกใช้ครีมสำหรับคนท้องเพื่อความปลอดภัยสำหรับแม่และเด็กด้วยค่ะ

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : healthline.com, whattoexpect.com, babimild.com, babyhillsthailand.com