ชวนอ่านรีวิวภูเก็ตเที่ยวไหนดี ฉบับตกตะกอนความคิดและผ่อนคลายจิตใจ

สวัสดีทุกคน มีใครเหนื่อยบ้างไหม ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ บางครั้งมันก็เกิดขึ้นเอง โดยที่เราก็หาคำตอบไม่ได้ ซึ่งเราคิดว่าหนทางที่จะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าอีกทางคือการมองหาสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายนั่นเอง ดังนั้นวันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปภูเก็ตกัน หลายคนอาจคิดว่าไป ภูเก็ตเที่ยวไหนดี นอกจากออกทะเล แต่เราคิดว่าภูเก็ตมีมากกว่านั้น ถึงแม้จะมีสถานการณ์ โควิดที่ทำให้เราต้องหยุดชะงักกับอะไรหลายๆ อย่าง แต่อย่างน้อยขอให้การเดินทางไปภูเก็ตครั้งนี้ ได้ความรู้สึกและจินตนาการเหมือนเราไปด้วยกันจริงๆ นะ ถ้าพร้อมแล้วก็แพ็คกระเป๋าตามมากันเลย

ภูเก็ตเที่ยวไหนดี กับรีวิวทริปภูเก็ตที่ได้อะไรกลับมามากกว่ารูปถ่าย

       “ชีวิตเป็นเรื่องน่าเศร้า สำหรับความรู้สึก

                                    แต่เป็นเรื่องน่าสนุก สำหรับความช่างคิด ช่างฝัน”

Day 1 :

เราออกเดินทางด้วยเครื่องบินของสายการบินหนึ่ง เพื่อบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังสนามบินนานาชาติภูเก็ต ระหว่างนั่งบนเครื่อง เราเห็นท้องมหาสมุทรกว้างใหญ่ สีฟ้าครามและแสงอาทิตย์ที่สาดกระทบผิวน้ำระยิบระยับสวยงามมาก ทำให้เรานึกขึ้นได้ว่าจริงๆ แล้ว ตัวเรานั้นเล็กปะติ๋วเดียวเอง จากโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ ทำไมเราต้องมัวกังวลกับบางสิ่งมากเกินไปหล่ะ ออกไปใช้ชีวิตกันเถอะ

หลังจากลงเครื่อง เรานั่งรถบัสส้มของสนามบินเพื่อต่อรถเข้าเมือง ผู้คนแล้ว ผู้คนเล่า ขึ้นรถและลงยังปลายทางของตัวเอง ส่วนเราลงสถานีสุดท้ายเพราะคิดว่าเดินไปยังโฮสเทลคงไม่ไกลแต่แผนในหัวพังหมดเพราะความจริงแล้วมันไกลมาก ในแผนที่พังยังมีความโชคดีเพราะการเดินเท้าไปยังโฮลเทลครั้งนี้ มันทำให้เราได้ชมตัวเมืองภูเก็ตแบบเก็บรายละเอียดได้เยอะขึ้น อีกหนึ่งอย่างคือเมื่อเดินมาถึงโฮลเทลที่เราจองไว้ เรารู้สึกเหมือนได้เข้าเส้นชัยอย่างไง อย่างงั้น จากที่เหนื่อยกลับสนุกขึ้นมาแทน

“ความพยายามของมนุษย์นั้นมันแรงกว่าอะไรทั้งหมด”

Day 2 :

เช้าวันที่สอง เราเดินเท้าไปยังย่านเมืองเก่า ซึ่งเป็นที่เที่ยวในเมืองภูเก็ตสุดคลาสสิกและยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยว เราแนะนำให้ไปช่วงเช้าเพราะสามารถเก็บภาพตึกชิโนโปรตุเกสที่ไม่มีผู้คนได้อย่างสวยงาม

หลังจากเดินชมเมืองสักพัก เราจึงนัดเจอกับเพื่อนเก่าเจ้าถิ่น ให้พาทัวร์โดยเราไม่ต้องคิดมากว่ามาภูเก็ตเที่ยวไหนดีและที่สำคัญคือการให้เพื่อนเสนอร้านอาหารอร่อยๆ ซึ่งร้านที่เรากำลังจะพาทุกคนไปนั้น ได้ตามรอยซีรีย์ดังอย่าง ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ กับร้านบะหมี่ฮกเกี้ยนเจ้าเก่า ที่เพื่อนคอนเฟิร์มมาแล้วว่า เปิดมานานและอร่อยจริง เรากับเพื่อนสั่งมาลองสองเมนูด้วยกัน เป็นเส้นหมี่เหลืองและเส้นหมี่ฮกเกี้ยนแบบดั้งเดิม เมื่อลองกินแล้วรู้สึกว่ารสชาติกลมกล่อมมาก เข้ากันได้ดีกับน้ำซุปที่เสิร์ฟพร้อมพริกไทยหอมๆ ขอบอกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ ทุกคนสามารถไปลองกินกันได้นะ ถ้าแวะไปย่านเมืองเก่าภูเก็ตกับร้าน ‘โกยูร หมี่ฮกเกี้ยน’

‘ยิ่งคาดหวัง ยิ่งผิดหวัง’ ประโยคนี้ใช้ได้ทุกสถานการณ์จริงๆ เพราะการเดินทางทุกครั้ง เราพยายามที่จะไม่แบกความคาดหวังไปด้วย ซึ่งทริปนี้คงเป็นโชคดีเล็กๆ ของเรา เพราะพี่สาวของเพื่อนอาสาพาทัวร์ จากที่เราคิดว่าจะได้ไปแค่ที่เที่ยวในเมืองภูเก็ตแต่ตอนนี้เราจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาเพิ่มขึ้นแล้ว

วัดฉลอง หรือวัดไชยธาราราม คือที่แรกที่พาเราออกจากตัวเมือง มีชื่อเสียงของหลวงพ่อแช่ม เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองชาวภูเก็ตและเป็นวัดที่สวยงามทั้งเชิงสถาปัตยกรรมและเชิงธรรมชาติ บรรยากาศของวัดให้ความรู้สึกสงบจิตสงบใจขึ้นมากและเราเพิ่งรู้ด้วยว่า ผู้คนมักจะมาขอพรกันที่วัดนี้และมักจะมีการแก้บนด้วยการจุดประทัด เพราะตลอดเวลาที่เราเดินชมวัด จะได้ยินเสียงประทัดไม่ขาดสายเลย

ภูเก็ตเที่ยวไหนดี? หลังจากกลับจากวัดฉลอง เราแวะนั่งเล่นที่หาดราไวย์สักพักและไปต่อยังสถานที่สุดท้ายของวันที่เราอยากไปมานานมาก นั่นก็คือ แหลมพรหมเทพ จุดชมพระอาทิตย์ตกที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในประเทศ นับเป็นโชคดีของเราอีกหนึ่งเรื่องคือ ฝนฟ้าอากาศเป็นใจต้อนรับชาวเหนืออย่างเราให้แวะมาเยี่ยมเยียนภาคใต้ เพราะก่อนหน้านั้นภูเก็ตฝนตกตลอด แต่วันนี้ฟ้าเปิดมาก เกือบหกโมงเย็นเราเดินไปยังจุดรอชมพระอาทิตย์ตกและนั่งชมพระอาทิตย์ตกที่ขอบทะเล เป็นภาพที่สวยงามมาก ซึ่งตลอดเวลาที่เราอยู่กับธรรมชาติตรงหน้ามันทำให้เรื่องที่เราแบกไว้อยู่มันเบาลง มันทำให้สมองปลอดโปร่งและทำให้เราอยู่กับโลกโซเชียลในมือถือน้อยลง เราซึมซับบรรยากาศตรงหน้าราวกับว่าพรุ่งนี้เราจะไม่มีโอกาสได้ชมความสวยงามแบบนี้อีกแล้ว

“ดอกหญ้าข้างทางนี่พาอัศวินไปรบชนะมาไม่รู้เท่าไรแล้ว”

Day 3 :

นอกจากที่เที่ยวในเมืองภูเก็ต เช้านี้ พี่สาวของเพื่อนได้พาเรามายังหาดไม้ขาว ชายหาดที่เรารู้สึกว่าสวยที่สุดตั้งแต่เราเคยไปทะเลมา อาจเพราะนักท่องเที่ยวไม่เยอะ ทำให้รู้สึกว่าเราและเพื่อนเหมือนเป็นเจ้าของชายหาด เรานั่งกินหมูทอดข้าวเหนียวเจ้าดังพร้อมๆ กับฟังเสียงคลื่นซัดทราย รู้สึกสุขใจมาก

หลังท้องอิ่มเราก็เดินไปยังจุดที่เป็นไฮไลต์ ซึ่งทุกการค้นหาว่าภูเก็ตเที่ยวไหนดี จะต้องมีสถานที่นี้อยู่ในรายชื่อเสมอ สถานที่นั้นก็คือชายหาดที่สามารถชมเครื่องบินแลนดิ้งได้ใกล้ๆ โดยห่างจากจุดที่เราอยู่ก่อนหน้าไม่ไกล เรากับเพื่อนผลัดกันถ่ายรูปอย่างสนุกสนานและตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นเครื่องบินกำลังบินลงจอดใกล้กับที่เรายืนอยู่

ช่วงบ่ายเรามีโอกาสไปเยี่ยมชมสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต สถานที่แห่งความทรงจำในวัยเด็กของหลายๆ คน น่าแปลก สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำในความทรงจำของเรามีผู้คนไปเที่ยวชมเยอะ แต่ช่วงหลังมานี้กลับมีคนแวะเวียนไปน้อย ทั้งๆ ที่เจ้าปลาหรือสัตว์น้ำน้อยใหญ่ทั้งหลายน่าสนใจมาก แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับเราแล้ว สถานที่แห่งนี้น่าตื่นเต้นเสมอ 

กลับเข้าเมืองมากันที่พิพิธภัณฑ์ไทยหัว อีกจุดเช็คอินของเหล่านักท่องเที่ยว ที่จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเมืองเก่าภูเก็ตและได้ชมเครื่องมือเครื่องใช้สมัยก่อน แต่ที่เซอร์ไพรส์เรานั่นก็คือ ข้างหลังของตัวพิพิธภัณฑ์ที่เป็นสนามหญ้านั้น เป็นหนึ่งในฉากของเรื่อง ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ เท่ากับว่าเรากำลังพาทุกคนมาตามรอยซีรีย์โดยบังเอิญนั่นเอง

เดินชมภายในพิพิธภัณฑ์กันเหนื่อยแล้ว ก็มาพักกินของหวานจากร้านข้างๆ ซึ่งเป็นร้านในเครือของพิพิธภัณฑ์ไทยหัวที่มีชื่อว่า ‘CAFÉ’IN’ โดยเราและเพื่อนได้สั่งโอ้เอ๋วมากินด้วยกัน เมนูที่สั่งนั้นคือโอ้เอ๋วเลม่อน ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นมากๆ ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งและอีกเช่นเคยเมนูนี้ก็มีในซีรีย์อีกด้วย

ก่อนจะหมดวัน อีกจุดที่เราคิดว่าถ้าค้นหาว่าภูเก็ตเที่ยวไหนดีและจะขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ เสมอ นั่นก็คือการชมพระอาทิตย์ตกที่เขารัง จุดชมพระอาทิตย์อีกจุดหนึ่งที่พี่สาวของเพื่อนบอกกับเราว่า ถ้าไม่มีโควิด คนจะแน่นมาก เราได้ชมพระอาทิตย์ตกพร้อมๆ กับที่ได้ฟังเพลงจากคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ที่กำลังร้องเพลงสุนทราภรณ์เพราะๆ อยู่ มันเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก

Day 4 :

วันนี้เราได้ไปหาดกะมะลา ชายหาดที่เงียบสงบและแทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลย เราปูเสื่อนั่งเงียบๆ คอยสังเกตชาวบ้านที่มาทำกิจกรรมที่ชายหาดแถวนั้นอย่างเพลิดเพลิน แสงอาทิตย์กระทบกับน้ำทะเลของวันสุดท้ายที่จะได้นั่งมองมัน ทำให้รู้สึกใจหายแวบๆ ขึ้นมาเหมือนกัน แต่ก็นะ นี่แหล่ะชีวิต มันต้องไปต่อข้างหน้าเสมอ

จบจากหาดกะมาลาที่สงบและสวยงามแล้วนั้น เราจะพาทุกคนมาจบทริปกันที่หอนาฬิกาใจกลางเมืองเก่าภูเก็ตกัน ซึ่งในตอนกลางคืนจะมีแสงไฟหลากหลายสี สวยงามไปอีกแบบ ตอนที่เรากำลังยืนถ่ายรูปและบอกลาเพื่อนอยู่นั้น เสียงเพลงจากหอนาฬิกาก็ร้องดังขึ้น บอกเวลา 20.00 น. พอดีและเหมือนจะบอกกับเราด้วยว่า ได้เวลากลับไปใช้ชีวิตต่อแล้ว

 “ก้อนหินหรือภูเขาที่แบกไว้ ถ้ามันหนักก็ยกวางกับพื้นเสียบ้าง

                                                                              จะได้ตัวเบาเดินง่ายขึ้น”

จากการได้ไปเที่ยวพักผ่อนทั้งกายและใจที่ภูเก็ตทริปนี้ ทำให้เห็นว่าสถานที่ต่างๆ ที่เราได้แวะเวียนไป มันสวยและสงบมาก หรือการแค่นั่งเฉยๆ มองผู้คนเดินไปมาก็มีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ อีกหนึ่งอย่างคือทำให้เราเข้าใจประโยคที่ว่า ควรใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่า เพราะทุกๆ อย่างมันย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ เราจึงเก็บโมเมนต์ดีๆ ไว้ให้มากที่สุดและสุดท้ายทริปนี้ทำให้เราได้อยู่กับตัวเองและลมหายใจของตัวเองมากขึ้น อีกทั้งยังได้ผ่อนคลายจิตใจ ผ่อนคลายร่างกาย และมองเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้นอีกด้วย 

ขอบคุณนะภูเก็ต มีโอกาสไว้พบกันใหม่แน่นอน ☺

Inspire Now ! : หวังว่าการได้อ่านเรื่องราวของเราจะช่วยให้ทุกคนได้ลิสต์สถานที่ท่องเที่ยวเวลาที่คิดว่าถ้าไปภูเก็ตเที่ยวไหนดีและได้รู้สึกผ่อนคลายบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ และถ้าบทความนี้สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้ เราจะยินดีมากๆ ค่ะ สำหรับใครที่กลัวการเดินทางคนเดียวหรือกลัวการออกไปท่องเที่ยวยังสถานที่ใหม่ๆ แล้วหล่ะก็ ลองเปิดใจดูสักครั้งนะคะ เราเชื่อว่าทุกคนจะต้องติดใจแน่นอน

DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันอยากออกเดินทางใช่หรือไม่ ทุกคนสามารถมาบอกเล่าประสบการณ์การเดินทางให้ฟังกันได้นะคะ

ขอขอบคุณ หนังสือข้อคิดดีๆ และแรงบันดาลใจดีๆ อย่างเรื่อง แสงอาทิตย์ไม่คิดตังค์ ของคุณประภาศ ชลศรานนท์

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : thai.tourismthailand.org, phuket.mots.go.th