บึงกาฬ ที่เที่ยว น่าสนใจแค่ไหน ? มาดู 8 ที่เที่ยวไม่ไปถือว่าพลาดกัน !

บึงกาฬเป็นอีกหนึ่งจังหวัดทางภาคอีสานที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามทางธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แลนมาร์คที่ใครหลายคนรู้จักก็คือ หินสามวาฬ นอกจากหินสามวาฬแล้ว บึงกาฬยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกมากมาย มีวัดสวยๆ อีกหายแห่ง และถ้าใครอยากจะลิ้มลองอาหารท้องถิ่นทางภาคอีสาน บึงกาฬก็ตอบโจทย์อีกเช่นกัน มารู้จักจังหวัดนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม บึงกาฬ ที่เที่ยว มีที่ไหนต้องไปบ้าง มาตามรอยกันได้เลยค่ะ

บึงกาฬ ที่เที่ยว แนะนำ น่าไปขนาดไหน ? มาตามรอยกันได้เลย

บึงกาฬเป็นจังหวัดใหม่ล่าสุดในประเทศไทย ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2554 แยกออกจากจังหวัดหนองคายและเป็นจังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย (อ่านเพิ่มเติม ประเทศไทยมีจังหวัดอะไรบ้าง) อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าภาคอีสาน แต่ถึงแม้จะเป็นจังหวัดน้องใหม่ บึงกาฬ ที่เที่ยวก็มีมากมาย และมีความน่าสนใจหลายแห่ง มาสำรวจจังหวัดนี้ไปพร้อมๆ กันค่ะ

1. วัดภูทอก

ในจังหวัดบึงกาฬ ที่เที่ยวแห่งแรกที่อยากจะแนะนำคือ วัดภูทอก หรือวัดเจติยาคีรีวิหาร เป็นวัดที่สวยงามและมีชื่อเสียงในจังหวัดบึงกาฬ มีความพิเศษคือ เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สามารถมองเห็นทิวทัศน์มุมกว้างได้โดยรอบ แนะนำว่าคนที่ไปวัดแห่งนี้จะต้องไม่กลัวความสูงและมีความกล้าพอสมควร เพราะทางเดินนั้นอยู่ริมหน้าผาเลยทีเดียว ซึ่งเป็นสะพานไม้และบันไดรอบๆ ภูทอก มีทั้งหมด 7 ชั้น เชื่อกันว่าในระหว่างที่เดินขึ้นบันได จะต้องสำรวมกาย วาจา หรือจะสวดมนต์ไปด้วยก็ได้ เพราะจะทำให้ได้บุญนั่นเอง ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจะเห็นทัศนียภาพที่แตกต่างกันไปในการเดินขึ้นแต่ละชั้น ในช่วงฤดูหนาวอาจได้ทะเลหมอกโดยรอบ มีความสวยงามและเป็นธรรมชาติมากๆ วัดภูทอกจึงขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธรักษ์ หรือการท่องเที่ยวเชิงแสวงบุญนั่นเอง นอกจากจะได้ชื่นชมความงามของธรรมชาติแล้ว ยังได้ศึกษาศาสนาไปด้วยพร้อมๆ กัน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : โทร 087 771 8621 หรือ วัดภูทอก

แผนที่ : 

2. วัดอาฮงศิลาวาส

วัดอาฮงศิลาวาส ป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาไว้พระทำบุญพร้อมชมวิวทิวทัศน์แม่น้ำโขงบริเวณแก่งอาฮง แอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีเขตแดนติดกับทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว นอกจากจะมีทิวทัศน์สวยงามแล้ว บริเวณนี้ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพญานาคสืบต่อกันมา ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาเยือนยังวัดแห่งนี้อยู่เป็นประจำ และยังมีความเชื่อกันว่า บริเวณหน้าวัดเป็นสะดือแม่น้ำโขง และในช่วงมีนาคม- พฤษภาคมของทุกปี จะสามารถมองเห็นแก่งอาฮง แก่งหินกลางน้ำรูปร่างแปลกตา ใครอยากมาทำบุญไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลพร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็อย่าลืมมาแวะที่วัดอาฮงศิลาวาสแห่งนี้นะคะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : วัดอาฮงศิลาวาส

แผนที่ : 

3. บึงโขงหลง

บึงโขงหลงเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำขังตลอดทั้งปี ลักษณะเหมือนแม่น้ำโขง จึงได้ชื่อว่า “บึงโขงหลง” บึงโขงหลงเป็นแหล่งน้ำสำคัญของเหล่าเกษตรกรโดยรอบ และยังเป็นแหล่งจับปลาอีกด้วย ที่นี่เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำและพืชน้ำนานาชนิด มีปลาประมาณ 80 ชนิด มีปลาหายากก็คือ ปลาบู่แคระ และยังมีนกอีกกว่า 100 ชนิด เรียกได้ว่าเป็นแหล่งน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากๆ นักเที่ยวสามารถมานั่งเรือชื่นชมทัศนียภาพโดยรอบ หรือจะมาดูนกก็ได้เช่นกัน ใครที่ชอบความเป็นธรรมชาติ อยากล่องเรือสบายๆ กินลมชมวิว พักกายพักใจท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ที่เที่ยวบึงกาฒอย่างบึงโขงหลงตอบโจทย์มากๆ ค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : บึงโขงหลง

แผนที่ : 

4. ภูสิงห์ (หินสามวาฬ)

ภูสิงห์ เป็นส่วนหนึ่งของป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู อยู่ในความดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับภูทอก มีแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นคือ หินสามวาฬ ซึ่งเป็นหน้าผาหินทรายขนาดใหญ่ นับว่าเป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงามและสามาถชมทะเลหมอกยามเช้าในฤดูหนาวได้ ว่ากันว่าหินสามวาฬมีอายุกว่า 75 ล้านปี ลักษณะเป็นก้อนหินขนาดมหึมาวางเรียงกัน 3 ก้อน เมื่อมองจากที่ไกลหรือมองจากภาพถ่ายทางอากาศ จะมีรูปร่างคล้ายปลาวาฬ พ่อ แม่ ลูก จึงเรียกกันว่า”หินสามวาฬ” นั่นเองค่ะ นอกจากนี้ ยังเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์และหลากหลาย ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวที่ภูสิงห์เป็นจำนวนมาก ถ้ามาจังหวัดบึงกาฬ ที่เที่ยวที่เป็นจุดหมายของทุกคนก็คงจะเป็นที่นี่อย่างแน่นอน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : ภูสิงห์ (หินสามวาฬ)

แผนที่ : 

5. ถ้ำนาคา

ในบึงกาฬ ที่เที่ยวสำคัญของจังหวัดอีกแห่งหนึ่งก็คือ ถ้ำนาคา ซึ่งเป็นถ้ำที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติภูลังกา อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ลักษณะหินบริเวณถ้ำเกินจากการกัดกร่อนทางธรรมชาติ และมีลวดลายคล้ายกับเกล็ดงู จึงเรียกว่าถ้ำนาคานั่นเอง ถูกค้นพบเมื่อราวๆ ปี 2563 ด้วยความที่หินขนาดยักษ์มีลวดลายคล้ายกับเกล็ดปลาหรือเกล็ดงู และมีรูปร่างโค้งตัว ทำให้ดูคล้ายกับการขดตัวของงูใหญ่หรือพญานาค จึงเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่มีความเชื่อในเรื่องของพญานาคมาเยือนที่ถ้ำนาคาอย่างล้นหลาม ที่เที่ยวบึงกาฬแห่งนี้มีความเชื่อกันว่า หินรูปงูอาจเป็นงูยักษ์ที่ตายแล้วกลายเป็นหินเมื่อประมาณหลายร้อยล้านปีมาแล้ว และยังผูกเข้ากับตำนานท้องถิ่นที่ว่า องค์อือลือเคยอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นราชาผู้ถูกสาปให้เป็นพญานาค ทำให้เมืองล่มสลายกลายเป็นบึงโขงหลง องค์อือลือจะพ้นคำสาปก็ต่อเมื่อบังเกิดเมืองขึ้นใหม ที่ปัจจุบันเชื่อกันว่า เมืองที่ว่านี้อยู่ที่บึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬนั่นเองค่ะ

ทั้งนี้ การเดินทางไปยังถ้ำนาคานั้นมีระยะทางไกลพอสมควร และมีความท้าทาย ใครที่อยากจะไปเยือนยังถ้ำต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม สวมชุดที่เคลื่อนไหวร่างกายสะดวก ที่สำคัญคือ ต้องสวมรองเท้าที่เหมาะกับการเดินทางไกล การไปยังถ้ำนาคาต้องเดินขึ้นเขาจากวัดถ้ำชัยมงคลขึ้นไปตามบันไดที่ชันมากหลายช่วง ประมาณไม่ต่ำกว่า 600 ขั้น ใช้เวลาเดินขึ้นจนไปถึงถ้ำประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แนะนำว่าให้ฟิตร่างกายมาให้พร้อม จะได้ไม่เหนื่อยนะคะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : ถ้ำนาคา บึงกาฬ

แผนที่ : 

6. น้ำตกกินรี

น้ำตกกินรีเป็นน้ำตกขึ้นชื่อของจังหวัดบึงกาฬ ที่เที่ยวทางธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติภูลังกา น้ำตกสวยงามที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้เขียวขจี สามารถมาเล่นน้ำคลายร้อนได้ ที่สำคัญคือ น้ำตกมีจำนวนชั้นไม่มาก ไม่ต้องเดินไกล ทำให้เที่ยวง่าย เดินสบายๆ ระหว่างทางเดินไปน้ำตกชั้นที่ 3 และ 4 นักท่องเที่ยวจะได้เห็น “หินโลมา” เป็นหินรูปทรงแปลกตา มีลักษณะคล้ายกับหัวของปลาโลมา น้ำตกกินนรีเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนและเพลิดเพลินกับความงามตามธรรมชาติของพื้นที่ หากใครมาเที่ยวบึงกาฬ น้ำตกกินรีก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ควรค่าแก่การไปเยือนค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : น้ำตกกินรี

แผนที่ : 

7. จุดชมวิวส้างร้อยบ่อ

จุดชมวิวสร้างร้อยบ่อแห่งนี้ อยู่ในภูสิงห์ บึงกาฬ สาเหตุที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะว่า บริเวณนั้นมีหลุมบ่อหินรูปร่างแปลกตาอยู่มากมาย คล้ายกับสามพันโบก อุบลราชธานี แต่เป็นลานหินเล็กๆ ขนาดไม่ใหญ่มาก บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นศาลากลางจังหวัดได้อย่างชัดเจน และถ้าหากมาในช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะตก ก็จะได้เห็นทัศนียภาพของเมืองที่อาบแสงสีทอง ใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพวิวสวยๆ ที่เที่ยวบึงกาฬแห่งนี้เหมาะมากๆ ค่ะ

แผนที่ : 

8. พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต

ปิดท้ายกันด้วยที่เที่ยวบึงกาฬแบบฮิปๆ เอาใจสายอาร์ต นักท่องเที่ยวจะต้องประทับใจกับศิลปะสตรีทอาร์ตที่ได้นำเอาความเชื่อ ความศรัทธาในเรื่องของพญานาคมาผสมผสานกับศิลปะ กลายเป็นภาพวาดพญานาคบนผนังบ้านของแต่ละคน มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิตยังมีการจัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานของชุมชนท้องถิ่น อันเป็นการอนุรักษ์และส่งเสริมวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบึงกาฬ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน ทั้งการเกษตรในท้องถิ่น เทคนิคการจับปลา งานฝีมือ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิม อาคารบ้านเรือน และเทศกาลประเพณีต่างๆ ของท้องถิ่น ใครที่อยากรู้จักจังหวัดบึงกาฬอย่างถ่องแท้ ต้องมาที่นี่เลยค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ :  พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต

แผนที่ : 

Inspire Now ! : จังหวัดบึงกาฬ ที่เที่ยวมีหลากหลาย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แม้จะเป็นจังหวัดน้องใหม่แต่ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ เลยค่ะ ถ้าใครชอบเที่ยวทางธรรมชาติ ต้องไม่พลาดหินสามวาฬ ถ้ำนาคา น้ำตกกินรี ถ้าใครเป็นสายบุญและชอบความท้าทาย ต้องไปวัดภูทอกให้ได้ หรือถ้าใครเป็นสายชิลล์ชอบเที่ยวสบายๆ อยากไปถ่ายรูปเก๋ๆ ต้องไปที่พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิตเลยค่ะ ให้จังหวัดบึงกาฬเป็นตัวเลือกที่เที่ยวภาคอีสานของคุณ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ

DIY INSPIRE NOW ช่วยเติมเต็มทริปการเดินทางของฉันใช่ไหม ? ใครชอบที่เที่ยวในบึงกาฬที่ไหนบ้าง คอมเมนต์มาบอกกันได้นะคะ ♡

Featured Image Credit : thai.tourismthailand.org