NEWS : Eucerin วิจัยพบ EPICELLINE® เปิดสวิตซ์ความอ่อนเยาว์ให้ผิว ดูอ่อนเยาว์ลงถึง 5 ปีใน 4 สัปดาห์
ท้าให้ลอง eucerin epicelline serum ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวคุณดูอ่อนเยาว์ขึ้น 5 ปี ในเวลาเพียงแค่ 4 สัปดาห์ มาพิสูจิน์ไปด้วยกันเถอะ
ในเดือนมกราคมนี้ มีวันสำคัญอยู่วันหนึ่งก็คือ วันครูแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 16 มกราคมของทุกปี ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้นักเรียนได้ระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ ที่เปรียบเสมือนเป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ ได้อบรมสั่งสอนลูกศิษย์มาตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งนี้ ยังมีวันสำคัญที่เกี่ยวกับครูบาอาจารย์อีกวันหนึ่งก็คือ วันไหว้ครู ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน บางคนอาจเกิดความสงสัยว่า วันครูกับวันไหว้ครู ต่างกันอย่างไร มีความสำคัญเหมือนกันหรือไม่ มีกิจกรรมอย่างไรกันบ้าง มาคลายข้อสงสัยกันเลยค่ะ
ก่อนที่เราจะได้คำตอบว่าวันครูกับวันไหว้ครู ต่างกันอย่างไรนั้น เรามาดูรายละเอียดของละวันกันก่อนเลยค่ะ ถ้าเข้าใจว่าวันครูกับวันไหว้ครู มีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกันอย่างไร รับรองว่ามองเห็นความแตกต่างทั้งสองวันนี้อย่างแน่นอน มาเริ่มจากวันครูกันก่อนเลยค่ะ
สำหรับวันครูแห่งชาตินั้น เป็นวันที่กำหนดโดยกฎหมาย โดยกำหนดจากวันประกาศพระราชบัญญัติครูฉบับแรกในปี พ.ศ. 2488 ลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2488 ซึ่งจอมพล ป. พิบูลสงคราม คือผู้กำหนดให้วันที่ 16 มกราคม ของทุกปีเป็นวันครูแห่งชาติ และมีการจัดงานวันครูแห่งชาติครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 ณ กรีฑาสถานแห่งชาติ มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการจัดงานวันครูได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูแก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญ ได้แก่
นอกจากนี้ วัตถุประสงค์อีกอย่างหนึ่งที่กำหนดให้มีวันครูแห่งชาติก็คือ เพื่อส่งเสริมความสามัคคีและความเข้าใจอันดีของครูและประชาชน โดยจัดกิจกรรมในวันที่ 16 มกราคมของทุกปี ในวันนี้จะเป็นวันที่เหล่าบรรดาครูได้มาพบปะแลกเปลี่ยนเพื่อถ่ายทอดชีวิตของการเรียนการสอนเด็กๆ ในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นวิชาการ ศิลปะ หรือดนตรี รวมถึงสวัสดิภาพของครูในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้วันครูยังได้จัดขึ้นเพื่อประกอบพิธีระลึกถึงพระคุณครูบาอาจารย์ของตน ส่งเสริมสามัคคีระหว่างครู และความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน โดยการจัดงานวันครูได้มีการกำหนดให้จัดพร้อมกันทั่วประเทศ
วันครูกับวันไหว้ครู ต่างกันอย่างไร ? อีกหนึ่งประการที่วันครูกับวันไหว้ครูแตกต่างกันก็คือ สัญลักษณ์ เพราะสัญลักษณ์วันครูคือดอกกล้วยไม้ ซึ่งถูกประกาศให้เป็นดอกไม้ประจำวันครูขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 เนื่องจากดอกกล้วยไม้ความหมายคือ เป็นดอกไม้ที่ต้องให้ความสำคัญในการดูแลเอาใจใส่เป็นเวลานาน เพื่อให้ผลิดอกสวยงาม เปรียบเสมือนที่ครูต้องใช้เวลาอบรมสั่งสอนลูกศิษย์เพื่อบ่มเพาะทั้งวิชาความรู้และวิชาชีวิต เพื่อให้ศิษย์เติบโตไปเป็นอนาคตที่ดีของประเทศชาตินั่นเองค่ะ
อีกสิ่งหนึ่งที่วันครูกับวันไหว้ครูมีความแตกต่างกันก็คือ กิจกรรมที่ทำในวันนั้นๆ ค่ะ โดยตัวอย่างกิจกรรมวันครูแห่งชาติที่จัดขึ้นในวันที่ 16 มกราคมของทุกปี จะมีดังนี้
นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวปฏิญาณตนของครูที่เข้าร่วมพิธีในวันครูแห่งชาติอีกด้วย โดยมีคำปฏิญาณดังนี้
ได้ทราบถึงรายละเอียดวันครูแห่งชาติกันไปแล้ว คราวนี้เรามาดูกิจกรรมของวันไหว้ครูบ้างค่ะ จะได้เห็นความแตกต่างระหว่างวันครูกับวันไหว้ครูชัดเจนยิ่งขึ้น วันไหว้ครูนั้นจะตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือนมิถุนายนทุกๆ ปี โดยจะตรงกับช่วงเปิดภาคเรียนการศึกษาที่ 1 ของโรงเรียนส่วนใหญ่ อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสถานศึกษาที่จัดให้วันนี้เป็นวันไหว้ครู เพื่อให้นักเรียนได้ระลึกถึงครู และได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ทั้งนี้ วันไหว้ครูก็เป็นธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2499 สมัย จอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ด้วย โดยได้กล่าวปราศัยว่า
“ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณ เป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมี สักวันหนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพ สักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย”
การไหว้ครูจึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติให้ลูกศิษย์ได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อครูผู้สอนวิชาความรู้ เปรียบเหมือนเรือที่พายไปส่งผู้โดยสารให้ถึงฝั่งฝัน ครูถือว่าเป็นอาชีพหนึ่งที่ได้รับการยกย่องจากสังคม เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกศิษย์ ซึ่งเด็กๆ เหล่านี้จะกลายเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะมาพัฒนาประเทศต่อไป ในสถาบันศึกษาตั้งแต่ชั้นปฐมวัยไปจนถึงระดับอุดมศึกษาจึงมักจัดงานไหว้ครูเพื่อให้ครูและศิษย์ได้พบปะกัน นอกจากจะมีพิธีไหว้ครูและมีการมอบพานไหว้ครูแล้ว ยังถือเป็นโอกาสอันดีที่นักเรียนได้พูดคุยและทำกิจกรรมดีๆ ร่วมกับครูอาจารย์อีกด้วย
วันไหว้ครูนั้น จะเป็นวันที่ลูกศิษย์พร้อมใจกันทำพิธีไหว้หรือบูชาครูเพื่อระลึกถึงพระคุณของครู ซึ่งการทำพิธีกรรมไหว้ครูนั้นนับว่าเป็นการแสดงความกตัญญูต่อครูอย่างหนึ่ง หรืออีกนัยหนึ่งคือการแสดงตนว่าขอเป็นลูกศิษย์ โดยมักจะมีการจัดงานและกิจกรรมในสถานศึกษาเป็นประจำทุกปี ซึ่งกิจกรรมหลักๆ ในวันไหว้ครูก็คือ พิธีไหว้ครูนั่นเองค่ะ โดยจะมีลำดับกิจกรรมดังนี้
ในขณะที่สัญลักษณ์ของวันไหว้ครูนั้นคือ พานไหว้ครูและกรวยไหว้ครู ที่ประกอบด้วยดอกไม้ที่มีสัญลักษณ์ ดังนี้
ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องมีดอกไม้เพื่อใช้ในวันไหว้ครู เพราะนอกจากจะเป็นการระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนอบรมเรามาแล้วนั้น ดอกไม้เหล่านี้ยังเป็นเสมือนตัวแทนของเราที่บอกถึงความสำเร็จของชีวิตที่มีครูคอยอยู่เบื้องหลัง และในวันไหว้ครูก็มักจะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ได้สนุกร่วมกัน เป็นการเสริมสร้างความรักความสามัคคีอีกอย่างหนึ่งของครูด้วยกันและครูกับลูกศิษย์ด้วยค่ะ
Inspire Now ! : แม้ว่าวันครูกับวันไหว้ครูจะมีความแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของช่วงเวลาและกิจกรรมที่ทำในวันนั้นๆ แต่ทั้งสองวันนี้ล้วนมีวัตถุประสงค์เดียวกันคือ เพื่อให้ระลึกถึงความสำคัญของครูบาอาจารย์ที่ถือว่าเป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ โดยเฉพาะครูในอุดมคติที่ถือว่าเป็นเบ้าหลอมอันสมบูรณ์ของศิษย์ เป็นผู้ขัดเกลาให้ศิษย์มีทั้งวิชาความรู้และมีทั้งวิชาชีวิต เมื่อครูได้เห็นว่าศิษย์ของตนประสบความสำเร็จ ก็เปรียบเสมือนว่าได้ส่งผู้โดยสารถึงฝั่งฝันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากมีเวลาว่าง ก็อย่าลืมไปเที่ยวหาครูบาอาจารย์ของตนเองบ้างนะคะ เพื่อที่จะได้คลายความคิดถึงต่อกัน และทำให้ท่านเกิดความภาคภูมิใจในตัวเรา และภาคภูมิใจในตนเองที่ได้หล่อหลอมศิษย์ของตนให้เป็นผู้มีความรู้และเป็นคนดีของสังคมนั่นเองค่ะ |
---|
DIY INSPIRE NOW คือแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? ได้ทราบแล้วว่า วันครูกับวันไหว้ครู ต่างกันอย่างไร ในวันครูและวันไหว้ครูปีนี้ ถ้าใครพอมีโอกาสก็อย่าลืมกลับไปเที่ยวหาครูอาจารย์ของตัวเองบ้างนะคะ ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : thairath.co.th, thaipbs.or.th
Featured Image Credit : freepik.com/stockking
ท้าให้ลอง eucerin epicelline serum ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวคุณดูอ่อนเยาว์ขึ้น 5 ปี ในเวลาเพียงแค่ 4 สัปดาห์ มาพิสูจิน์ไปด้วยกันเถอะ
ชวนเข้าใจ ตรุษจีน คือ อะไร เตรียมฉลองเทศกาลปีใหม่จีนแบบเข้าใจกว่าเดิม ความเป็นมาคืออะไร ทำอะไรบ้างในวันนี้ ปีใหม่จีนในต่างประเทศ และไทยต่างกันยังไง
สุขภาพแข็งแรง ภาษาจีน อวยพรว่าอย่างไร แจก 30 ไอเดีย ไม่ว่าจะด้านสุขภาพ ความสำเร็จ ความร่ำรวย ให้เอาไปใช้ส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้เกิดสิ่งดีๆ กัน