Katherine Johnson นักคณิตศาสตร์โลก ผู้นำนักบินอวกาศไปสำรวจดวงจันทร์

แคเธอรีน จอห์นสัน ชื่อนี้หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างจากหนังเรื่อง Hidden Figures เธอเป็นนักคณิตศาสตร์หญิงอัจฉริยะที่ทำงานให้กับนาซ่า จุดเริ่มต้นมาจากการนับเลขทำให้เธอมีโอกาสพาตัวเองไปไกลกว่าโลกใบเล็กๆ แคเธอรีนเป็น นักคณิตศาสตร์โลก ที่สามารถทำให้สหรัฐชนะการแข่งขันกับสหภาพโซเวียตด้วยความสามารถทางด้านการคำนวณ วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับแคเธอรีน จอห์นสันผู้หญิงผิวสีที่ทำให้นาซ่าไปสู่เส้นทางความสำเร็จในช่วงทศวรรษ1960 กันค่ะ 

แคเธอรีน จอห์นสัน ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จจากการนับเลขจนกลายเป็น นักคณิตศาสตร์โลก

Image credit: scoopnest.com

แคเธอรีนเกิดวันที่ 26 สิงหาคม ปี1918 เธอเติบโตที่ ไวท์ซัลเฟอร์สปริง รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย เมื่อตอนที่แคเธอรีนยังเด็กเธอฉายแววที่จะเป็นนักคณิตศาสตร์โลกมากๆ เพราะเธอชอบตัวเลข แคเธอรีนกล่าวว่า เธอนับทุกอย่าง นับจำนวนก้าวของถนน จำนวนขั้นบันไดที่ขึ้นไปโบสถ์ จำนวนจานและอุปกรณ์ช้อนส้อมที่เธอล้าง…ไม่ว่าอะไรก็ตามเธอนับหมด ทุกอย่างในความคิดของเธอคือตัวเลขซึ่งแน่นอนว่าแคเธอรีนฉลาดกว่าเด็กในวัยเดียวกัน นั่นทำให้เธอได้เข้าเรียนมัธยมปลายตอนอายุ 10 ปี เมื่ออายุ 18 ปี

แคเธอรีนเข้าเรียนหลักสูตรคณิตศาสตร์และภาษาฝรั่งเศส และเธอเป็นผู้หญิงที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมในปี1937 และได้ทำงานเป็นคุณครูในเวสต์เวอร์จิเนีย ต่อมาในปี1939 แคเธอรีนได้ตัดสินใจออกจากการเป็นครู และได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเวสต์เวอร์จิเนียในสาขาคณิตศาสตร์ หลังจากนั้นไม่นานเธอลาออกและไปแต่งงานกับ เจมส์ โกเบิล (James Goble) พวกเขามีลูกด้วยกันสามคน และเมื่อลูกสาวของเธอโต จึงกลับไปสอนหนังสือ 

[affegg id=3446]

Image credit: nasa.gov

จนกระทั่งปี1952 ญาติคนหนึ่งบอกเธอเกี่ยวกับตำแหน่งนักคอมพิวเตอร์ที่เปิดรับสมัครอยู่ในศูนย์วิจัยแลงลีย์ ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยด้านอากาศยานและอวกาศเป็นศูนย์หลัก 1ใน10 ของ National Advisory Committee for Aeronautics (หรือ NASA ในปัจจุบัน) แคเธอรีนตัดสินใจทำงานที่แลงลีย์และได้ทำงานร่วมกับโดโรธี วอห์น (Dorothy Vaughan) ในปี1953 หลังจากเริ่มงานได้เพียงสองอาทิตย์ โดโรธีได้มอบหมายให้เธอเข้าร่วมโครงการในสาขา  Maneuver Loads ของแผนกวิจัยการบิน และต่อมามันกลายเป็นตำแหน่งงานของเธออย่างถาวร นักคณิตศาสตร์โลกคนนี้ใช้เวลาสี่ปีในการวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดสอบการบินและการตรวจสอบเครื่องบินตกที่เกิดจากความปั่นป่วน ในขณะที่เธอใช้เวลาทุ่มเทให้กับการทำงานนั้น ในเดือนธันวาคม ปี1956 ชีวิตของเธอมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เมื่อสามีของเธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง 

[affegg id=3447]

Image credit : britannica.com

ในปี1957 สหภาพโซเวียตได้มีการส่งยานดาวเทียมลำแรกที่มีชื่อว่า Sputnik ขึ้นสู่วงโคจร มันกลายเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงอย่างมากในขณะนั้น ต่อมาในปี1958 แคเธอรีนได้เข้าร่วมการบรรยายสรุปเกี่ยวกับเทคโนโลยีอวกาศซึ่งเป็นเนื้อหาสรุปการบรรยายจากวิศวกรในแผนกวิจัยการบินและแผนกวิจัยอากาศยานไร้คนขับ (Pilotless Aircraft Research Division, PARD) นั่นทำให้เธอได้ร่วมทำงานกับคนในทีมมากขึ้นจนกลายเป็นที่รู้จัก และคนในทีมได้ยอมรับการทำงานของนักคณิตศาสตร์หญิงคนนี้ ในเดือนพฤษภาคมปี1961 แคเธอรีนทำการคำนวณวิถีการเดินทางในอวกาศสำหรับภารกิจของ อลัน เชพเพิร์ด (Alan Shepard) เขาเป็นหนึ่งในทีมนักบินอวกาศ ฟรีดอม 7 และเป็นนักบินอวกาศคนแรกของสหรัฐอเมริกา ในตอนนั้นนับว่าเป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกาเลยก็ว่าได้ แคเธอรีนและวิศวกร เท็ด สโกพินสกี (Ted Skopinski) ร่วมกันทำการตรวจสอบการกําหนดมุมแอสซิมัสหรือมุมทิศสําหรับการวางดาวเทียมเหนือตําแหน่งโลก เธอเขียนรายงานการวางสมการที่อธิบายการบินในอวกาศของวงโคจร ที่มีการระบุตําแหน่งเชื่อมโยงไปยังยานอวกาศ นี่นับว่าเป็นครั้งแรกของนักคณิตศาสตร์โลกที่เป็นผู้หญิงในแผนกวิจัยการบินได้รับเครดิตในฐานะผู้เขียนรายงานการวิจัย 

[affegg id=3448]

Image credit: https://www.theguardian.com

ต่อมาในปี1962 แคเธอรีนและทีมได้ศึกษาการคำนวณเส้นทางที่อวกาศจะสามารถโคจรไปรอบๆโลกได้ ในภารกิจของ จอห์น เกล็น (John Glenn) ซึ่งก็ได้ประสบความสําเร็จอย่างมาก นี่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในการแข่งขันระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ต่อมาในปี1969 นาซ่าก็ได้ส่งยาน Apollo11 ไปลงจอดบนดวงจันทร์และกลับมายังโลกโดยใช้การคำนวณทางคณิตศาสตร์ของเธอเช่นกัน หลังจากที่เธอทำงานที่ศูนย์วิจัยแลงลีย์มาได้ 33ปี เธอก็เกษียณ นักคณิตศาสตร์หญิงคนนี้ได้รับรางวัลมากมายได้แก่ รางวัล NASA Lunar Orbiter Award และ NASA Special Achievement Awards อีกสามรางวัล แคเธอรีนได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนักคณิตศาสตร์แห่งปีในปี1997 โดย National Technical Association ในปี1986 หลังจากที่เธอเกษียณก็ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบรัวและเพื่อน ในปี2010 นักคณิตศาสตร์โลกคนนี้เข้าไปพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องของเธอเองและมักจะบอกให้ทุกคนทำตามความฝัน เธอบอกให้พวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ให้มากๆ แคเธอรีนกล่าวว่า วิทยาศาสตร์ วิศวกรรม เทคโนโลยีและคณิตศาสตร์จะคงอยู่เสมอ ทุกอย่างคือคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ 

Image credit : time.com

ในปี 2015 เมื่อแคเธอรีนมีอายุ 97 ปี ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้มอบรางวัล Presidential Medal of Freedom ให้กับเธอซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุดของพลเรือนของอเมริกา และสุดท้ายในตอนเช้าของวันที่ 24 ภุมภาพันธ์ 2020 เธอได้เสียชีวิตด้วยวัย 101 ปี

จากการศึกษาประวัติคร่าวๆ ของนักคณิตศาสตร์โลกคนนี้ ทำให้เรารู้ว่าในยุคนั้นเป็นที่ยุคผู้หญิงต้องดิ้นรนเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเองว่า เธอเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชายเลย และกว่าเธอจะมาอยู่ในจุดนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลยกับการที่เธอต้องผ่านสังคมที่อคติกับเรื่องเพศสภาพและสีผิว แคเธอรีนทำให้เรารู้ว่าเรื่องนี้เป็นแค่สิ่งเล็กๆที่ไม่มีผลอะไรกับเธอเลย การที่เธอประสบผลสำเร็จอย่างทุกวันนี้นั้นได้มาจากความตั้งใจในการศึกษา ความใส่ใจที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ความมุ่งมั่นในการทำงาน และการร่วมงานกับคนอื่นๆ ในทีม เราหวังว่าประวัติของ Katherine Johnson นักคณิตศาสตร์โลกคนนี้จะสามารถช่วยเป็นแรงกระตุ้นให้ทุกคนได้พัฒนาตัวเอง มองหาโอกาสให้ที่กำลังจะเข้ามา ทำตามความฝันที่ตัวเองอยากจะทำนะคะ 

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีกว่า อ่านแล้วได้แรงบันดาลใจในการทำตามความฝันบ้างไหมคะ? ถ้าคุณประสบความสำเร็จในการทำตามความฝันแล้วลองแชร์มาเล่ากันได้นะคะ 

อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมจาก: nasa.gov/ who was Katherine johnson, Katherine johnson biography, A lifetime of stem