10 สิ่งน่ารู้ เกี่ยวกับคริสต์มาส ! ชวนอ่านเกร็ดความรู้วันคริสต์มาส อินกับเทศกาลให้ได้มากกว่าเดิม

เข้าสู่ช่วงสิ้นปีแล้ว เทศกาลโปรดของใครหลายคนกำลังจะมาถึง ใช่แล้วค่ะ! เรากำลังพูดถึงเทศกาลคริสต์มาส แม้จะเป็นวันสำคัญทางศาสนาคริสต์ แต่ในประเทศไทยเองก็มีการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส – ปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่ ถ้าพูดถึงวันคริสต์มาส หลายๆ คนก็พอจะทราบว่า เป็นวันเกิดของพระเยซูคริสต์ ศาสดาของศาสนาคริสต์ แต่คริสต์มาสยังมีอะไรมากกว่านั้น มาดูสิ่งน่ารู้ เกี่ยวกับคริสต์มาส ให้มากขึ้นกันเลยค่ะ

10 สิ่งน่ารู้ เกี่ยวกับคริสต์มาส บางอย่างอาจไม่เคยรู้มาก่อน !

ถ้าพูดถึงสิ่งที่เกี่ยวกับวันคริสต์มาส ภาพจำของแต่ละคนมีอะไรบ้างคะ ? นึกถึงการประสูติของพระเยซู นึกถึงซานตาคลอส กวางเรนเดียร์ การแลกของขวัญ ต้นคริสต์มาส เพลงคริสต์มาส การประดับตกแต่งห้างร้านอย่างสวยงาม นึกถึงขนมวันคริสต์มาส อย่างเค้กขอนไม้ ฟรุตเค้ก ลูกอม Candy cane สีขาวแดง หรือช็อกโกแล็ตต่างๆ ทั้งนี้ คริสต์มาสมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่มากกว่านั้น ในบทความนี้ จะพาไปเจาะลึกเกร็ดความรู้เกี่ยวกับคริสต์มาส หลายๆ เรื่องอาจเป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยค่ะ

1. วันที่ 25 ธันวาคม ไม่ใช่วันเกิดของพระเยซูคริสต์

เกร็ดความรู้วันคริสต์มาสที่น่าสนใจมากๆ คือ ความจริงแล้ว ในคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้มีการระบุเอาไว้ว่าพระเยซูประสูติวันไหน เดือนอะไร แต่ใน ค.ศ. 274 จักพรรดิออเรเลียนแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันตกกำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันเฉลิมฉลองของสุริยเทพ ทั้งนี้ ชาวคริสต์ในจักรวรรดิโรมันจึงถือเอาวันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซูด้วย ต่อมาในปี ค.ศ. 336 จึงถูกกำหนดเป็นวันคริสต์มาสตั้งแต่นั้นมา

2. ความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาส

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับคริสต์มาสอย่างหนึ่งก็คือ ความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาส “Christmas” ประกอบไปด้วยคำว่า Christ หมายถึงศาสนาคริสต์ นอกจากนี้ คำว่าคริสต์มาส Christmas มาจากคำว่า Christes Maesse (คริสต์มิสซา) ที่หมายถึง พิธีมิสซาของพระคริสต์ ซึ่งจะเป็นวันที่คริสต์ศาสนิกชนจะทำพิธีมิสซาเพื่อขอบคุณพระเยซูในฐานะผู้ไถ่บาป ทั้งนี้ คำว่า “Christes Maesse” เป็นภาษาอังกฤษโบราณ ถูกพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1038 และได้เปลี่ยนเป็น “Christmas” ในภายหลัง นอกจากนี้ คำว่า “Merry” ที่มักใช้อวยพรกันว่า “Merry Christmas” ยังแปลว่า “ความสงบทางใจ และสันติสุข” ในภาษาอังกฤษโบราณอีกด้วย

3. ความหมายที่แท้จริงของ Christmas Eve

ในวันที่ 24 ธันวาคมนั้น จะเรียกกันว่า คริสต์มาสอีฟ ซึ่งคำว่า “อีฟ” นี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอดีม – อีฟ มนุษย์คู่แรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นตามที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์ แต่มาจากคำว่า Evening ที่หมายถึงตอนเย็น เนื่องจากวันคริสต์มาสจะเริ่มต้นขึ้นในตอนเย็นที่ 24 ธันวาคมนั่นเอง เป็นเกร็ดความรู้วันคริสต์มาสที่บางคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน ในวันคริสต์มาสอีฟนั้น จะมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองมากมาย ทั้งการรับประทานอาหารร่วมกันภายในครอบครัว การแลกของขวัญในโบสถ์ การอธิษฐานและร้องเพลงคริสต์มาสสรรเสริญพระเจ้าในโบสถ์ เป็นต้น

4. แท้จริงแล้วซานตาคลอสเป็นนักบวช

ประวัติของซานตาคลอสจริงๆ นั้น มาจากนักบุญที่ชื่อว่า นักบุญนิโคลัส (Saint Nicholas) นักบวชชาวตุรกีที่มีความใจดี ชอบแจกจ่ายของให้กับสาธุชน โดยเฉพาะกับเด็กๆ ซึ่งต่อมาได้รู้จักเป็นวงกว้างอย่างมากทั่วทั้งประเทศเนเธอร์แลนด์ในนาม ‘ซินเตอร์คลาส’ ในช่วง ค.ศ. 1870  ก่อนที่ชาวอเมริกันจะเรียกเพี้ยนเป็นซานตาคออส (Santa Claus) ในเวลาต่อมา

5. ซานตาคลอสไม่ได้สวมชุดสีแดงเพราะโฆษณาของ Coca – Cola

มีเรื่องเล่าลือกันว่า สาเหตุที่ซานตาคลอสสวมชุดสีแดงก็เพราะแคมเปญของบริษัทน้ำอัดลม Coca – Cola ทั้งนี้ มีข้อมูลบอกว่า ภาพลักษณ์ของซานตาคลอสที่เป็นชายเคราขาวร่างท้วมผู้ร่าเริงสนุกสนาน สวมโค้ทสีแดงกับคอเสื้อสีขาว กางเกงขายาวสีแดง เข็มขัดและรองเท้าหนังสีดำ ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เนื่องจากอิทธิพลของกวี “การมาเยี่ยมจากนักบุญนิโคลัส” ของคลีเมนต์ คลาร์ก มัวร์ ใน ค.ศ.1823 และของนักเขียนภาพล้อเลียนและนักวาดการ์ตูนการเมือง โทมัส แนสต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะมีบริษัท Coca – Cola เสียอีก อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1930 เป็นต้นมา Coca – Cola ได้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ซานต้าเป็นชายชราที่ดูใจดี มีความร่าเริงสนุกสนาน ซึ่งเป็นภาพจำจนถึงปัจจุบัน เป็นข้อมูลเกี่ยวกับคริสต์มาสที่ชวนว้าวมากๆ เลยใช่มั้ยคะ ?

6. ทำไมคริสต์มาสต้องสีเขียว – แดง

ถ้าพูดถึงคริสต์มาส เชื่อว่าทุกคนจะนึกถึงสีเขียวแดง สาเหตุที่สองสีนี้เป็นสีประจำเทศกาลคริสต์มาสก็เพราะว่า สีแดง เป็นสีของผลฮอลลี่ สื่อถึงเลือดของพระเยซูที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเสียสละที่พระองค์ทรงไถ่บาปแทนมนุษย์และแสดงถึงหัวใจที่ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า และสีแดงยังหมายถึงไฟที่โอบอ้อมอารี พร้อมให้ความอบอุ่นกับทุกคน  ส่วนสีเขียวนั้น เป็นสีของต้นสน ตามความเชื่อของชาวคริสต์โบราณแล้ว เชื่อว่าเป็นตัวแทนของต้นไม้แห่งสวรรค์ และสีเขียวยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความอ่อนเยาว์ และหมายถึงความหวังใหม่ของมนุษย์ทุกคนด้วย นอกจากนี้ สีเกี่ยวกับคริสต์มาสยังมีอีก 2 สีคือ สีขาวและสีทอง สีขาวหมายถึงแสงสว่าง ความสุข และความบริสุทธิ์ของพระเยซู ทั้งยังสื่อถึงหิมะอีกด้วย และสีทองสื่อถึงความสว่างไสว แสงทองแห่งความหวัง โดยในอดีตมีความเชื่อว่า ในวันที่พระเยซูเกิดนั้นมีดาวสว่างบนท้องฟ้า ดวงดาวเหล่านั้นได้นำทางให้นักปราชญ์พบกับพระเยซูที่นอนอยู่ในรางหญ้านั่นเอง

7. Mince pies เคยทำมาจากเนื้อสัตว์จริงๆ

เกร็ดความรู้วันคริสต์มาสที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องราวของ Mince Pies ซึ่งเป็นเมนูขนมช่วงคริสต์มาสในวัฒนธรรมอังกฤษ เช่นเดียวกับ Christmas Pudding คำว่า Mince นั้น แปลว่าเนื้อสับ แต่ปัจจุบันขนมชนิดนี้ เป็นพายที่สอดไส้ผลไม้อบแห้งต่างๆ เช่น ลูกเกด พลัม แครนเบอร์รี่ ส้ม และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ในสมัยก่อนราวๆ ยุคกลางในช่วงศตวรรษที่ 16 มีการใส่ไส้เนื้อสับจริงๆ เรียกว่า Christmas Pyes โดยจะใช้เนื้อสัตว์หลายชนิด ตั้งแต่กระต่ายไปจนถึงเนื้อแกะ เนื้อนกพิราบ เนื้อไก่ฟ้า เป็นต้น และทำเป็นรูปวงรี ซึ่งว่ากันว่าสื่อถึงเปลของพระเยซูในวันประสูติ และได้เปลี่ยนเป็นไส้ผลไม้ในภายหลัง มีความเชื่อกันว่าก่อนกิน Mince Pies คำแรกในปีนั้นๆ ให้อธิษฐานก่อนกัดคำแรก แล้วจะพบกับโชคดีในปีหน้าตลอดทั้งปีค่ะ

8. ก่อนที่จะมีไก่งวงในวันคริสต์มาส เคยกินนกยูงกันมาก่อน

ไก่งวงอบถือเป็นเมนูคริสต์มาสที่ต้องมีทุกบ้าน โดยเฉพาะวัฒนธรรมอังกฤษ แต่ทราบมั้ยคะว่า 500 ปีก่อนการกินไก่งวงอบในวันคริสต์มาสนั้น ผู้คนมักจะกินห่าน หัวหมูป่า และแม้แต่นกยูงในช่วงเทศกาล ทั้งนี้ พระเจ้าเฮนรีที่ 8 ทรงเป็นกษัตริย์อังกฤษองค์แรกที่รับประทานไก่งวงในวันคริสต์มาส และนกยูงยังคงได้รับการยกย่องว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยเรื่อยมาจนถึงปี ค.ศ. 1950 โดยมีหลายคนเลือกกินห่านแทน ทั้งนี้ ได้เปลี่ยนมาเป็นการกินไก่งวงในภายหลังค่ะ เป็นเกร็ดความรู้วันคริสต์มาสที่หลายคนนึกไม่ถึงเลยใช่มั้ยคะ

9. การ์ดคริสต์มาสมีมานานกว่าที่เราคิด

กิจกรรม เกี่ยวกับคริสต์มาส อย่างหนึ่งที่นิยมทำกันเป็นธรรมเนียมเลยก็คือ การส่งการ์ดคริสต์มาสให้กับคนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว คนรัก เพื่อนสนิท เพื่อนที่ทำงาน แม้กระทั่งเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ การ์ดคริสต์มาสนั้นมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1611 ซึ่งเขียนลงไปในผ้าผืนใหญ่ และถูกส่งไปยังพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษโดยไมเคิล ไมเออร์ ผู้เป็นทั้งแพทย์และนักเล่นแร่แปรธาตุชาวเยอรมันบนผ้าใบมีข้อความว่า ‘A greeting on the birthday of the Sacred King, to the most worshipful and energetic lord and most eminent James, King of Great Britain and Ireland, and Defender of the true faith, with a gesture of joyful celebration of the Birthday of the Lord.’ ซึ่งถือว่าเป็นการ์ดคริสต์มาสอันแรกเลยก็ว่าได้

10. มิสเซิลโทมีความศักดิ์สิทธิ์มานับพันปี

กิ่งมิสเซิลโทเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับคริสต์มาสอันมีประวัติมานานนับพันปี ตั้งแต่ชาวกรีกโบราณจนถึงตำนานนอร์ส มิสเซิลโทเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับความรัก ความอุดมสมบูรณ์ และชีวิตใหม่ ซึ่งความเชื่อเหล่านี้นำไปสู่ธรรมเนียมการจูบกันใต้กิ่งมิสเซิลโทในช่วงคริสต์มาสนั่นเองค่ะ ประเพณีนี้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอังกฤษช่วงยุคสมัยวิกตอเรีย โดยสุภาพบุรุษจะถือโอกาสขอจูบสุภาพสตรีที่ยืนอยู่ใต้กิ่งมิสเซิลโท แต่ถ้าหากถูกปฏิเสธ จะถือว่าเป็นโชคร้ายอีกด้วยนะคะ

Inspire Now ! : การทราบถึงเกร็ดความรู้วันคริสต์มาส ก็จะทำให้เราได้รู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทศกาลมากขึ้น รู้ธรรมเนียมปฏิบัติมากขึ้น และสนุกกับเทศกาลได้มากขึ้นนั่นเอง วันคริสต์มาสไม่ใช่วันแห่งการเฉลิมฉลองหรือการมีปาร์ตี้รื่นเริงเท่านั้น แต่ยังเป็นวันสำคัญทางศาสนาคริสต์ เป็นวันระลึกถึงการประสูติของพระเยซู เพื่อตระหนักถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ แต่ยังเป็นวันแห่งการให้ การส่งมอบความรัก – ความสุขให้แก่กันอีกด้วยค่ะ ใครที่นับถือศาสนาพุทธก็สามารถเฉลิมฉลองกับเทศกาลนี้ด้วยการให้ของขวัญกับคนที่เรารัก หรือการเขียนการ์ดอวยพรให้ก็ได้นะคะ และถ้าอินกับเทศกาลได้มากขึ้น แนะนำหนัง หนังคริสต์มาส Netflix ดูยาวๆ ตลอดเดือนธันวาคมไปเลยค่ะ

DIY INSPIRE NOW คือแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? ถ้าพูดถึงคริสต์มาส แต่ละคนนึกถึงอะไร ชอบอะไรเกี่ยวกับวันคริสต์มาสบ้าง มาคอมเมนต์แชร์กันได้นะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : goodhousekeeping.com, history.co.uk

Featured Image Credit : freepik.com