ภาพยนตร์ไทยน่าดู, ภาพยนตร์ไทย

รวม 10 ภาพยนตร์ไทยน่าดู สร้างแรงบันดาลใจ เล่าเรื่องดี ไม่แพ้ชาติใดในโลก !

วงการภาพยนตร์ไทยนั้น เป็นอีกหนึ่งวงการที่ทำเงินให้กับอุตสาหกรรมบันเทิงในไทย ด้วยเพราะคนทำภาพยนตร์ไทยก็มีชื่อเสียงและมีความสามารถสูง ทั้งนักแสดง ผู้กำกับ คนเขียนบท ฝ่ายผลิต รวมถึงทีมงายฝ่ายอื่นๆ ซึ่งภาพยนตร์ไทยหลายๆ เรื่องก็มีชื่อเสียงในระดับโลก อาทิ ต้มยำกุ้ง องค์บาก สุริโยทัย ร่างทรง One for the Road และอื่นๆ อีกมากมาย เนื่องในโอกาสวันภาพยนตร์ไทย ซึ่งตรงกับวันที่ 4 เมษายน ของทุกปี เราเลยอยากจะแนะนำ ภาพยนตร์ไทยน่าดู 10 เรื่อง ที่อาจสร้างแรงบันดาลใจดีๆ หลังรับชมได้ จะมีเรื่องไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

แจกลิสต์ ภาพยนตร์ไทยน่าดู 10 เรื่อง โครงเรื่องดี ชวนจุดประกายหลังรับชม

ถ้าพูดถึงภาพยนตร์ไทย หลายๆ คนอาจจะคิดถึงหนังตลก Comedy หรือหนังแนว Horror หนังผีสยองขวัญ แต่ความจริงแล้ว ภาพยนตร์ไทยก็มีอยู่หลากหลายแนวด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแนวโรแมนติก แนวดราม่า หนังครอบครัว หรือหนัง Feelgood ที่ช่วยทำให้เรารู้สึกดีและสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราได้ จะมีเรื่องไหนที่ห้ามพลาดและต้องดูให้ได้สักครั้ง ไปดูกันเลยค่ะ

1. แฟนฉัน (2546)

ภาพยนตร์ไทยน่าดู, ภาพยนตร์ไทย
Image Credit : fapot.or.th

ถ้าพูดถึงภาพยนตร์ไทยน่าดูในตำนาน “แฟนฉัน” จะต้องถูกพูดถึงเป็นอันดับต้นๆ แฟนฉันเป็นหนังไทยแนวโรแมนติก – คอมเมดี้ ดราม่า ว่าด้วยเรื่องราวความรักในวัยเด็กที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของเจี๊ยบ (ชาลี ไตรรัตน์) กับ น้อยหน่า (โฟกัส จีระกุล) ตัวเอกของเรื่อง พร้อมแก๊งเพื่อนๆ ในสมัยนั้น เชื่อว่าวัยรุ่นยุค 80 – 90 จะต้องอินกับเรื่องนี้ เพราะบรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายย้อนวัย ทั้งการโดดหนังยาง ดีดลูกแก้ว เล่นหมากเก็บ ปั่นจักรยานเล่นกับเพื่อน ไปจนถึงความรู้สึกแอบชอบเพื่อนในวัยเดียวกัน ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นรักครั้งแรกก็ยังคงติดอยู่ในใจไปอีกนาน

นักแสดงนำ : ชาลี ไตรรัตน์, โฟกัส จีระกุล, เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์, ชวิน จิตสมบูรณ์

แรงบันดาลใจที่ได้รับ : ความรักในวัยเด็กนั้น อาจเป็นรักที่เราในตอนนั้นไม่สามารถเข้าใจมันได้มากพอ รู้เพียงแต่ว่าเป็นความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน ทั้งยังแสดงออกที่อาจเป็นการฝืนใจตัวเองและทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียใจ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อเติบโตขึ้น ความรักที่มีก็กลายเป็นความปราถนาดีต่อกัน และยินดีที่อีกฝ่ายมีความสุข

ช่องทางการรับชม : Netflix

2. โหมโรง (2547)

ภาพยนตร์ไทยน่าดู, ภาพยนตร์ไทย
Image Credit : sahamongkolfilm.com

โหมโรงเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไทยน่าดูที่เรียกได้ว่าเป็นหนังขึ้นหิ้งแห่งวงการหนังไทย เป็นการบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยหลวงประดิษฐ์ไพเราะ บุคคลสำคัญของเรื่องผู้มีบทบาทสำคัญต่อวงการดนตรีไทย ที่ต้องนำพามรดกตกทอดทางวัฒนธรรมอย่างดนตรีไทยให้อยู่รอดภายใต้การเปลี่ยนผ่านวัฒนธรรมและยุคสมัย ณ ขณะนั้น สิ่งที่โดดเด่นคืองานด้าน Production ที่สามารถนำเสนองานทั้งภาพและเสียงออกมาได้อย่างงดงามบรรจง รวมถึงบทประพันธ์ การเล่าเรื่อง หรือการแสดง ถ้าใครชอบเรื่องราวเกี่ยวกับดนตรีไทยโดยเฉพาะระนาดเอก เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาดค่ะ

นักแสดงนำ : อนุชิต สพันธ์ุพงษ์, อดุลย์ ดุลยรัตน์, พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, ณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า

แรงบันดาลใจที่ได้รับ : ภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่อดูจบแล้ว ชวนให้เกิดความรู้สึกหวงแหนมรดกวัฒนธรรมไทยอันดีงามอย่างดนตรีไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะการที่จะต่อสู้เพื่อให้สามารถรักษาเอาไว้ได้นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลย อีกทั้งยังก่อให้เกิดความรู้สึกชื่นชมในผู้ที่มีความสามารถที่ทั้งรักและหลงใหลในสิ่งที่ตัวเองทำอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นศิลปินแห่งชาติหรือศิลปินคนไหน ต่างก็รักและเห็นคุณค่าในผลงานศิลปะไม่ว่าจะแขนงไหนก็ตาม

ช่องทางการรับชม : MONOMAX

3. The Letter จดหมายรัก (2548)

ภาพยนตร์ไทยน่าดู, ภาพยนตร์ไทย
Image Credit : sahamongkolfilm.com

ภาพยนตร์ไทยน่าดูอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องขอบอกก่อนว่า เป็นแนวโรแมนติกดราม่าบีบหัวใจชวนให้น้ำตาซึม แต่ในแง่ของโครงเรื่องและบทนั้น ควรค่าแก่การดูสักครั้ง เป็นเรื่องราวของดิว (แอน ทองประสม) โปรแกรมเมอร์สาวจากเมืองกรุง ได้สูญเสียเพื่อนสนิทไป จึงตัดสินใจไปใช้ชีวิตในจังหวัดเชียงใหม่ และได้พบรักกับต้น (อรรถพร ธีมากร) นักวิจัยหนุ่มประจำสถานีเกษตรที่เชียงใหม่ และตัดสินใจใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน ชีวิตคู่ของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นที่ทั้งคู่ต่างมาเติมเต็มกันและกัน และแล้วก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อต้นป่วยหนักและได้จากดิวไปในที่สุด ทิ้งไว้แต่เพียงจดหมายรักที่ต้นเขียนถึงดิว ที่ทำให้ดิวได้รับการปลอบประโลมและมีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่ออีกครั้ง

นักแสดงนำ : แอน ทองประสม, อรรถพร ธีมากร, สุพิชญา จุลวัฒฑะกะ

แรงบันดาลใจที่ได้รับ : แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะชวนเรียกน้ำตาขนาดไหน แต่ก็เป็นภาพตร์น้ำดีที่ตรึงตาตรึงใจของใครหลายๆ คน ทำให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของความรักที่มีอยู่ข้างกายเรา และในวันใดวันหนึ่งอาจถูกพรากจากไปได้เช่นกัน อยู่ที่ว่าเราจะทำอย่างไร จะจมอยู่กับความเศร้าโศกเสียใจ หรือเก็บมันไว้เป็นความทรงจำดีๆ ที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิต และใช้ชีวิตต่อไปเพื่อให้ได้ระลึกถึงความรักที่เคยมีต่อกัน

ช่องทางการรับชม : trueID Movie

4. มหา’ลัยเหมืองแร่ (2548)

ภาพยนตร์ไทยน่าดู, ภาพยนตร์ไทย
Image Credit : fapot.or.th

มหา’ลัยเหมืองแร่ เป็นภาพยนตร์ไทยแนวดราม่า คัมมิ่งออฟเอจ เล่าเรื่องราวเมื่อสมัยปี 2492 โดยมีตัวละครที่ชื่อว่า อาจินต์ (พิชญะ วัชจิตพันธ์) นักศึกษาวิศกรรมปี 2 ที่โดนรีไทร์จากมหาวิทยาลัย จึงเดินทางไปใต้และมีโอกาสได้ไปทำงานในเหมืองแร่แห่งหนึ่งที่จังหวัดพังงา และทำให้ไดพบกับ ไอ้ไข่ ( สนธยา ชิตมณี) ชายหนุ่มคนใต้ที่ทำงานอยู่ในเมืองแร่ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเพื่อนรักกัน การทำงานในเหมืองแร่นั้นมีทั้งความเหนื่อย ความยากลำบากและอุปสรรคมากมายที่อาจินต์จะต้องผ่านมันไปให้ได้

นักแสดงนำ : พิชญะ วัชจิตพันธ์, ดลยา หมัชชา, สนธยา ชิตมณี, นิรันต์ ชัตตาร์, แอนโทนี โฮวาร์ด กูลด์

แรงบันดาลใจที่ได้รับ : หนังเรื่องนี้ ถูกจัดให้เป็นหนังสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คน ผ่านการเล่าเรื่องของอาจินต์ที่ต้องไปทำงานในเหมืองแร่ สถานที่ที่มีความลำบาก ต้องใช้ความอดทน ความพยายาม ความมานุอุตสาหะเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นการนำเสนอการเติบโตของตัวละคร จากนักศึกษาที่ถูกรีไทร์สู่การก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่มีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเลยและแปลกใหม่ จิตใจที่เข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ของเราเท่านั้นที่จะทำให้เราก้าวผ่านเรื่องยากๆ ในชีวิตไปได้

ช่องทางการรับชม : Netflix

5. รักแห่งสยาม (2550)

ภาพยนตร์ไทยน่าดู, ภาพยนตร์ไทย
Image Credit : sahamongkolfilm.com

ภาพยนตร์ไทยน่าดูอีกเรื่องหนึ่งคือ รักแห่งสยาม ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ผู้กำกับบอกว่า ตั้งใจทำออกมาเพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสกับความรักในหลากหลายรูปแบบ ทั้งความรักของวัยรุ่น ความรักระหว่างภายในครอบครัว ทั้งยังเป็นการตั้งชวนคำถามเกี่ยวกับ “ความรัก” ว่า ความรักควรเป็นแบบไหน รักสามารถเป็นในรูปแบบใดได้บ้าง ความรักที่ดีและเหมาะสมคืออะไร และความรักก็อยู่รอบตัวเราเสมอ ทั้งยังปฏิเสธไม่ได้ว่า ความรัก เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเรามีความสุขได้

นักแสดงนำ : มาริโอ้ เมาเร่อ, เฌอมาลย์ บุญศักดิ์, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, สินจัย เปล่งพานิช

แรงบันดาลใจที่ได้รับ : ความรักเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เรามีชีวิตชีวาและมีความสุข และอยากจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นความรักในรูปแบบไหนก็ตาม การมีรักที่ดีเป็นกำลังใจและเป็นแรงใจให้เราสามารถก้าวต่อไปได้ และอย่าคิดว่าเรานั้นอยู่โดดเดี่ยวคนเดียวในโลก เพราะความรักนั้นล้อมรอบตัวเราอยู่เสมอ

ช่องทางการรับชม : Netflix

6. รถไฟฟ้า มาหานะเธอ (2552)

ภาพยนตร์ไทยน่าดู, ภาพยนตร์ไทย
Image Credit : Netflix.com

เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะจดจำวลี “หล่อทะลุแป้ง” ของเหม่ยลี่ (คริส หอวัง) ได้ รถไฟฟ้า มาหานะเธอ เป็นภาพยนตร์ไทยน่าดูที่ไม่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเชิงโรแมนติก – คอมเมดี้เท่านั้น แต่ยังถ่ายเรื่องราวของความรักความสัมพันธ์ รวมถึงค่านิยมในครอบครัวคนจีนที่ว่าสาวโสดในวัย 30 ปีเป็นเรื่องที่น่าอาย ซึ่งสร้างความกดดันในกับเหมยลี่ นางเอกเรื่องของเรื่องที่ยังคงสถานะโสดอยู่ ชวนให้สงสัยว่า ทำไมผู้หญิงจะโสดอย่างมีความสุขไม่ได้ แต่แล้วจู่ๆ เธอก็ได้พบรักกับ “ลุง” วิศวกรรถไฟฟ้าของรถไฟฟ้า BTS ซึ่งการที่จะคบกันนั้นก็พบเจอทั้งอุปสรรคเรื่องของเวลาและระยะทาง แต่ด้วยความรู้สึกดีๆ ที่ทั้งคู่มีต่อกันพร้อมกับการตกตะกอนความรู้สึกของทั้งสอง ทำให้พวกเขาได้มีโอกาสสานสัมพันธ์กันอีกครั้ง

นักแสดงนำ : ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์, คริส หอวัง, อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา, ปาณิสรา อาระกุล, ชาลี ไตรรัตน์

แรงบันดาลใจที่ได้รับ : ในเรื่องนี้การที่นางเอกได้เข้าไปเป็นนักบันทึกเรื่องราว เธอต้องอยู่ในสังคมที่มีแต่ผู้ชายและถูกดูถูกอยู่ตลอด แต่ก็เป็นตัวเธอเองที่ไม่ยอมแพ้และไม่ย่อท้อต่อสิ่งต่างๆ และมุ่งมั่นต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้นอกจากวลี “หล่อทะลุแป้งแล้ว” เชื่อว่าหลายๆ คนคงจำประโยคที่เพื่อนของเหม่ยลี่บอกกับเหม่ยลี่เอาไว้ว่า “แฟนไม่ได้มีไว้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่มีไว้ให้รู้ว่ายังมีใครสักคนที่รักเรา” ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เราได้เห็นมุมมองความรักความสัมพันธ์อีกรูปแบบหนึ่งที่อาจจะไม่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาหรือมีปัญหาเรื่องเวลา – ระยะทาง แต่ถ้าคนสองคนมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันและยินดีที่จะประคับประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ มันก็อาจจะเป็นความรักที่ดีและงดงามได้เช่นกัน

ช่องทางการรับชม : Netflix

7. สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก (2553)

ภาพยนตร์ไทยน่าดู, ภาพยนตร์ไทย
Image Credit : thairath.co.th

น้องน้ำ กับ พี่โชน เป็นตัวละครที่อยู่ในใจของใครหลายๆ คน ภาพยนตร์ไทยน่าดูเรื่องนี้ เป็นแนวโรแมนติกที่ชวนอบอุ่นหัวใจ เชื่อว่าใครหลายๆ คนจะต้องมีประสบการณ์แอบรักรุ่นพี่ตัวท็อปของโรงเรียน เช่นเดียวกับน้ำ (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) สาวน้อย ม.1 หน้าตาธรรมดาๆ ที่ไปตกหลุมรักหนุ่มสุดฮอตของโรงเรียน พี่โชน (มาริโอ เมาเร่อ) น้ำมีคู่แข่งมากมายและพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างเพื่อให้สวยขึ้น โดยหวังว่าพี่โชนจะหันมามองเธอสักครั้ง และในวันที่น้ำกลายเป็นสาวสวยสุดป๊อบของโรงเรียน ก่อนที่พี่โชนจะเรียนจบ น้ำได้ไปสารภาพรักแต่ก็ต้องผิดหวัง ทั้งที่ความจริงแล้ว พี่โชนเป็นคนที่แอบชอบน้ำมาตลอดตั้งแต่น้ำยังเป็นเด็กขี้เหร่ และคอยดูแลช่วยเหลือ ทำสิ่งดีๆ ให้น้ำโดยที่ไม่แสดงตัว และเมื่อเวลาผ่านไปถึง 9 ปี ทั้งคู่ได้มีโอกาสกลับมาพบกันอีกครั้ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร สำหรับใครที่ยังไม่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แนะนำว่าควรดูอย่างมากค่ะ และเพลงประกอบภาพยนตร์อย่างเพลง “สักวันหนึ่ง” ก็เป็นเพลงความหมายดีที่เพราะมากๆ ด้วย

นักแสดงนำ : มาริโอ้ เมาเร่อ, พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์, สุดารัตน์ บุตรพรม, พิจิตตรา สิริเวชชะพันธ์

แรงบันดาลใจที่ได้รับ : เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์โรแมนติกอีกหนึ่งเรื่องที่มีความอบอุ่นหัวใจ และตรงกับประสบการณ์การแอบรักในสมัยมัธยมของใครหลายๆ คน คำกล่าวที่ว่า ถ้าเราจะรักใครสักคน เขาไม่ต้องทำอะไรเลย เราก็รักเขา น่าจะถ่ายทอดความเป็นหนังเรื่องนี้ได้ดี เพียงแค่เราเป็นตัวของตัวเอง มีความน่ารักสดใส มีจิตใจดี เช่นเดียวกับที่พี่โชนนั้นชอบน้ำตั้งแต่น้ำยังหน้าตาธรรมดาๆ แต่นั่นเป็นเพราะว่าพี่โชนตกหลุมรักในตัวตนของน้ำ ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอกแต่อย่างใด

ช่องทางการรับชม : Netflix

8. คิดถึงวิทยา (2557)

ภาพยนตร์ไทยน่าดู, ภาพยนตร์ไทย
Image Credit : Netflix.com

ภาพยนตร์ไทยที่ควรค่าแก่การดูอีกเรื่องหนึ่งก็คือ คิดถึงวิทยา ทั้งยังเป็นตัวแทนภาพยนตร์ไทยที่เข้าชิงรางวัลออสการ์อีกด้วย หนังเรื่องนี้ บอกเล่าเรื่องราวของ “สอง” (สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) จำต้องมาเป็นครูในโรงเรียนห่างไกลที่ตั้งอยู่กลางน้ำ “โรงเรียนบ้านแก่งวิทยา สาขาเรือนแพ” ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เด็กๆ ลูกชาวประมงได้มีโอกาสเรียนหนังสือ สองได้พบกับไดอารี่ของ “ครูแอน” (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ครูคนเก่าที่เพิ่งย้ายออกไป เพียงแค่การอ่านไดอารี่เล่มนี้ สองก็รู้สึกว่าตนเองมีเพื่อนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน และกลายเป็นความผูกพันผ่านตัวหนังสือ จนสองมีความรู้สึกอยากจะเจอแอนสักครั้ง นอกจากพล็อตเรื่องที่น่าสนใจและมีกลิ่นอายความอบอุ่นอบอวลไปทั้งเรื่องแล้ว งานภาพและเพลงประกอบภาพยนตร์ก็ทำได้ดีมากๆ เลยค่ะ

นักแสดงนำ : เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว, ศุกลวัฒ์ คณารศ, ชุติมา ทีปะนาถ

แรงบันดาลใจที่ได้รับ : ท่ามกลางความเหงาและความโดดเดี่ยว ไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รับรู้เรื่องราวของใครอีกคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันจะทำให้เกิดความรู้สึกผูกพัน เพราะเข้าใจถึงหัวอกเดียวกัน และเกิดเป็นความคิดถึงได้ แม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม และสิ่งที่เชื่อมโยงหัวใจของคนสองคนให้จูนติดกันได้ก็คือ การแบ่งปันเรื่องราวทุกข์สุขให้แก่กันและกันนั่นเองค่ะ

ช่องทางการรับชม : trueID Movie

9. ฉลาดแกมโกง Bad Genius (2560)

ภาพยนตร์ไทยน่าดู, ภาพยนตร์ไทย
Image Credit : gdh559.com

ภาพยนตร์ไทยแนวตื่นเต้น จารกรรม – ระทึกขวัญที่มีตัวละครเป็นเด็ก ม.ปลาย ตีแผ่วงการการศึกษาของไทย ว่าด้วยเรื่องราวของนักเรียนชั้นมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งที่คิดหารายได้จากการโกงข้อสอบระดับนานาชาติ โดยอ้างอิงเหตุการณ์โกงข้อสอบ “การทดสอบการใช้เหตุผลเอสเอที” ที่เกิดขึ้นในประเทศจีนเป็นเค้าโครงต้นแบบ เนื้อหาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกลโกงของเด็กฉลาดที่ใช้ความฉลาดของตนเองในทางที่อาจไม่ถูกต้องนัก แต่นั่นก็เพราะเหตุผลด้านการแข่งขันเรื่องการศึกษาในประเทศไทย ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์จากไทยที่ทำรายได้สูงสุดในต่างประเทศ ทำลายสถิติเรื่อง องค์บาก และ ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ทั้งยังเป็นภาพยนตร์ไทยที่สามารถคว้ารางวัลได้มากที่สุดบนเวทีสุพรรณหงส์อีกด้วย

นักแสดงนำ : ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, ชานน สันตินธรกุล, อิษยา ฮอสุวรรณ, ธีรดนย์ ศุภพันธ์ุภิญโญ

แรงบันดาลใจที่ได้รับ : แม้ความฉลาดจะเป็นคุณสมบัติที่ดีเลิศสำหรับใครหลายคน แต่ความฉลาดแกมโกงนั้น อาจทำให้ผู้ที่มีความฉลาดแบบนี้ใช้ความฉลาดของตนเองในทางที่ผิด และก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงตามมาได้ อย่างที่เคยมีคำกล่าวว่า ของดีที่มีอยู่กับตัวนั้น จะกลายเป็นสิ่งที่สร้างหายนะหรือสร้างคุณอนันต์ ก็อยู่ที่ตัวของผู้ใช้นั่นเอง

ช่องทางการรับชม : Netflix

10. สุขสันต์วันโสด Low season (2563)

ภาพยนตร์ไทยน่าดู, ภาพยนตร์ไทย
Image Credit : majorcineplex.com

ภาพยนตร์ไทยน่าดู เรื่องสุดท้ายที่อยากจะแนะนำคือ สุขสันต์วันโสด ภาพยนตร์รักที่มีครบทุกรสชาติทั้งหวาน ซึ้ง เหงา เศร้า ซึม ตลก สนุกสนาน ไปจนถึงน่ากลัว แอบบอกไว้ก่อนว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนที่กลัวผีหรือไม่ชอบดูหลังผีที่มีฉาก Jump scare เพราะนางเอกของเรื่องมีความสามารถพิเศษ สามารถมองเห็นผีได้ เรื่องราวเกิดขึ้นเพราะ หลิน (พลอยไพลิน ตั้งประภาพร) อกหัก โดนเท จึงอยากจะพักใจด้วยการขึ้นเหนือไปนอนโฮมสเตย์บนดอยเชียงใหม่ และได้พบกับเพื่อนใหม่ที่มาพักใจ ณ โฮมสเตย์แห่งนี้เช่นกัน และได้พบกับ พุธ (มาริโอ้ เมาเร่อ) นักเขียนบทที่ต้องหาแรงบันดาลใจเขียนบทหนังผี การพบกันของสองคนก่อให้เกิดเรื่องราววุ่นๆ และความรู้สึกแปลกๆ ก็ได้ก่อตัวขึ้น เปลี่ยนจากความเหงาความเศร้าให้กลายเป็นความรัก ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำที่เชียงใหม่ ซึ่งมีโลเคชั่นที่สวยงามมาก ทำให้ภาพออกมาสวยมากๆ และเพลงประกอบหนังก็เพราะหลายเพลง เรียกได้ว่าดีงามครบทุกองค์ประกอบเลยค่ะ

นักแสดงนำ : พลอยไพลิน ตั้งประภาพร, มาริโอ้ เมาเร่อ, อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ, ณฉัตร จันทพันธ์, ศกลรัตน์ วรอุไร, ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์

แรงบันดาลใจที่ได้รับ : จุดจบของสิ่งหนึ่ง อาจนำพาไปสู่จุดเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ก็ได้ เหมือนที่นางเอกของเรื่องอยากจะพักใจจากการอกหัก ด้วยเพราะคนรักไม่ยอมรับตัวตนของเธอ และการพักใจครั้งนี้ก็ทำให้หลินได้เจอคนใหม่ๆ ได้เจอเพื่อนใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ที่ทำให้เธอรู้สึกมีความสุข และมีคนที่ไม่รังเกียจในตัวตนของเธอ

ช่องทางการรับชม : Netflix

Inspire Now! : ภาพยนตร์ไทยที่ควรค่าแก่การดูนั้นยังมีอีกหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบและรสนิยมของผู้ชมว่าชอบดูหนังประเภทไหน แม้จะเป็นหนังตลกก็สามารถมอบเสียงเสียงหัวเราะและความผ่อนคลายให้กับผู้ชมได้ หรือถ้าเป็นดราม่า หนังชีวิต หรือหนังโรแมนติก ก็อาจมอบข้อคิดหรือสิ่งดีๆ ที่ช่วยให้ผู้ชมเกิดความอิ่มเอมใจหรือมีแรงบันตาลใจในชีวิตได้อีกเช่นกัน และภาพยนตร์ไทยนั้นก็มีแนวทางของตัวเองและนับเป็นสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้ด้วย

DIY INSPIRE NOW คือแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? หนังก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถจุดประกายอะไรบางอย่างให้กับเรา ใครที่หนังไทยในดวงใจที่ชอบมากๆ สามารถมาคอมเมนต์บอกกันได้เลยนะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : bestreview.asia, sahamongkolfilm.com

Featured Image Credit : freepik.com/master1305

Facebook Comments

หาข้อมูล-ลงมือเขียนและเรียบเรียงโดยทีมกองบรรณาธิการเว็บไซต์ DIY INSPIRE NOW