วันฮาโลวีน ประวัติ เริ่มมาจากอะไร ? ทำไมใครๆ ก็ชอบเทศกาลนี้ รู้จักให้มากขึ้นก่อนไปสนุกกัน !
ต้นกำเนิด วันฮาโลวีน ประวัติ ความเป็นมาคืออะไร กิจกรรมที่ทำกันในเทศกาลนี้คืออะไร ไฮไลท์คืออะไรบ้าง ชวนรู้จักก่อนไปสนุกให้เต็มที่กัน
ผลการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา สร้างความประหลาดใจให้กับหลายคนเป็นอย่างมาก เนื่องจากคะแนนโหวตจากประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ ต่างโหวตให้กับพรรคกล้าวไกล ส่งผลให้คะแนนเสียงของพรรคก้าวไกลมาเป็นอันดับ 1 และชนะการเลือกตั้งในที่สุด ทำให้คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก้าวเข้าสู่การเป็น “ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย” ไปโดยปริยาย ซึ่งจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นภายในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 นี้ แม้ว่าคุณพิธาจะเข้ามาดำรงตำแหน่งนักการเมืองได้ไม่นาน แต่ก็ได้รับความนิยมและเป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก จึงอยากจะชวนมาเปิด ประวัติพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เรามารู้จักว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยใหม่มากขึ้นกันค่ะ
เราได้เห็นหน้าค่าตาคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์กันมากขึ้นในบทบาทการเป็นนักการเมือง เมื่อคราวที่คุณพิธาได้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคอนาคตใหม่จากการเลือกตั้งทั่วไปในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งคราวนั้นได้มีคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจเป็นหัวหน้าพรรค ก่อนหน้านี้ คุณพิธาเป็นนักธุรกิจและเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจมาหลายปี อย่างไรก็ตาม เมื่อคราวที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรคไปเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม คุณพิธาได้ย้ายไปสังกัดที่พรรคก้าวไกลร่วมกับอดีตสมาชิคพรรคอีก 54 คน โดยดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค
หลังจากวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง คุณพิธาได้ประกาศว่า ตนเองพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย หลังจากที่พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ ร่วมกับอีก 8 พรรคคือ พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคใหม่ ก่อนจะได้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ เรามาทำความรู้จักกับคุณทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทยกันค่ะ
ประวัติพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในวัยเด็ก คุณทิมเกิดวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2523 เป็นบุตรของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ และนางลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ มีน้องชาย 1 คนคือ คุณภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ภูมิลำเนาเป็นคนกรุงเทพ ฯ ซึ่งคุณพ่อของคุณทิม เคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกด้วย และคุณลุงของคุณทิม นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ ก็เคยดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วยเช่นกันกล่าวได้ว่าคุณทิมมีความเกี่ยวข้องกับการเมืองตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้ค่ะ
คุณพิธา เข้าเรียนที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น และได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่ออายุ 11 ปี ณ เมืองฮามิลตัน ซึ่งอาศัยอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ และด้วยความที่อยู่กับสมาชิกบ้านนั้นมักรับชมการอภิปรายสภาอยู่ตลอด ทำให้คุณพิธาเริ่มสนใจการเมืองตั้งแต่นั้น
ระหว่างที่เรียนหนังสืออยู่ที่นิวซีแลนด์นั้น คุณพิธาได้ทำงานพิเศษเพื่อหารายได้เสริมจากการปั่นจักรยานส่งหนังสือพิมพ์ เก็บสตรอว์เบอร์รี่ ส่งนม รับจ้างพาสุนัขเดินเล่น จนกระทั่งจบชั้นมัธยมปลายที่นิวซีแลนด์ และกลับมาศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย
คุณพิธา เข้าศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สาขาการเงิน (ภาคภาษาอังกฤษ) แถมยังจบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับ1 จากนั้นได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่คณะการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งคุณพิธา ถือได้ว่าเป็นนักเรียนไทยคนแรกที่ได้ทุนการศึกษา International Student ของ Kennedy School of Government พ่วงด้วยปริญญาโทใบที่ 2 จากคณะบริการธุรกิจที่ Massachusetts Institute of Technology (M.I.T.) หรือสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เรียกได้ว่า ประวัติพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ในด้านการศึกษานั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ทั้งได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1 ในระดับปริญญาตรี และศึกษาต่อในระดับปริญญาโทจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลกทั้ง 2 แห่ง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เรียนปริญาโทอยู่นั้น คุณพ่อได้เสียชีวิตกระทันหัน ทำให้คุณพิธาต้องดรอปเรียนและกลับไปบริหารธุรกิจต่อจากคุณพ่อ และกลับมาเรียนปริญญาโททั้งสองใบอีกครั้งจนจบการศึกษาค่ะ
หลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน ด้วยความที่เป็นลูกชายคนโตของบ้าน จึงต้องกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรำข้าว มีชื่อว่าบริษัทซีอีโอ อกริฟู้ด โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตน้ำมันรำข้าวดิบและรำข้าวสกัดไขมัน คุณพิธาได้ฟื้นฟูธุรกิจตัวเองจนกลายเป็นบริษัทผลิตน้ำมันรำข้าวดิบที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในประเทศไทย และติดอันดับ 5 ของโลก ณ ขณะนั้น โดยใช้เวลาฟื้นฟูธุรกิจเพียง 5 เดือนเท่านั้น
ณ ตอนนั้นแม้ว่าบริษัทจะเป็นหนี้อยู่ร่วมร้อยล้านบาท แต่เพื่อให้ธุรกิจสามารถไปต่อได้ คุณพิธาต้องทำการกู้เงินธนาคารเพิ่มอีก 70 ล้านบาท โดยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับตัวเองด้วยข้อมูลตัวเลขต่างๆ ซึ่งทำให้สามารถกู้เงินได้ และบริหารธุรกิจจนพ้นวิกฤต สามารถทำยอดขายและสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คุณพิธาเคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทยรัฐเรื่องการแก้ไขปัญหาธุรกิจเอาไว้ว่า ต้องมีสติก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงค่อยๆ ทำการแก้ปัญหาของบริษัทไปทีละปม เป็นขั้นเป็นตอน ทั้งเรื่องแก้ไขปัญหาเครื่องจักร การหาลูกค้า ไปจนถึงขั้นการบริหารคนที่ต้องใช้ความใจเย็นและอดทน เพื่อให้คนสามารถบริหารงานได้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นมา มีผู้ถือหุ้นต่างชาติสิงคโปร์เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 49% ร่วมกับน้องชายคุณพิธา (ภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์) และนายประสพโชค สุขสมบูรณ์ ทั้งยังชื่อบริษัทเป็น “ออยล์ฟอร์ไลฟ์” เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2563 โดยคุณทิม พิธา ธุรกิจนี้ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและผู้บริหารตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 – 2560
คุณพิธาได้สมรสกับ ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ นักแสดงหญิงที่โด่งดังจากภาพยนตร์ชื่อดัง Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อปี พ.ศ. 2555 มีบุตรสาวด้วยกัน 1 คนคือ เด็กหญิงพิพิม ลิ้มเจริญรัตน์ ปัจจุบันอายุ 7 ปี ทั้งนี้ ทั้งคู่ได้หย่าร้างกันเมื่อปี พ.ศ. 2561 บางคนอาจจะเคยได้ยินข่าวเชิงลบของคุณทิมและคุณต่ายกันมาบ้าง แต่ปัจจุบันทั้งคู่เลือกที่จะอยู่ในสถานะคุณพ่อคุณแม่ที่ดีให้กับพิพิม ลูกสาวของทั้งคู่ รู้หรือไม่ว่า คุณพิธา ได้หยิบยกเอานิทานเรื่อง The only philosophy of marriage : the crocodile and giraffe story หรือ “ความรักอันยิ่งใหญ่ของคุณจระเข้กับคุณยีราฟ” ในการสอนน้องพิพิมให้เข้าใจถึงสถานะของครอบครัว ยีราฟที่ใช้ชีวิตแนวตั้งและจระเข้ที่ใช้ชีวิตแนวราบ ดูเหมือนจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่ด้วยความรักที่มีต่อกัน ความแตกต่างในการใช้ชีวิตของทั้งสองก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ในที่สุด
ประวัติพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก่อนเข้าสู่เส้นทางนักการเมืองนั้น คุณพิธาเคยเป็นที่ปรึกษาธุรกิจมาก่อน โดยทำงานที่บริษัท Boston Consulting Group และได้รับโอกาสเข้าไปเป็นที่ปรึกษาภาครัฐในการสร้างยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวหลังเหตุการณ์สึนามิในปี พ.ศ. 2547 การเข้ามาทำงานในภาครัฐทำให้คุณพิธาได้เจอกับ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร คุณพิธาได้รับการเชิญชวนให้ไปเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี ประจำกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง นับเป็นการเข้าสู่แวดวงการเมืองอย่างเต็มตัวในตำแหน่งข้าราชการ
หลังจากนั้น คุณพิธาได้กลับเข้าสู่เส้นทางนักธุรกิจอีกครั้ง บทบาทของคุณทิม พิธา ธุรกิจ ดำรงตำแหน่งผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารบริษัทของครอบครัว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 – 2559 จากนั้นได้ทำงานในตำแหน่ง Executive Director ในบริษัท Grab Thailand แต่ทำได้เพียง 1 ปีเท่านั้น
ในปี พ.ศ. 2562 คุณพิธาได้สมัครเป็นสมาชิกของพรรคอนาคตใหม่ โดยมีคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวหน้าพรรค ณ ขณะนั้น ซึ่งเป็นการกลับสู่วงการการเมืองในรอบ 13 ปี และได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคในลำดับที่ 4 ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงรับสมัครเลือกตั้งเลยทีเดียว โดยคุณพิธาได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 คุณพิธาได้เปิดอภิปรายครั้งแรกในสภาเกี่ยวกับนโยบายทางการเกษตรของรัฐบาลประยุทธ จันทร์โอชา ในประเด็น “ปัญหากระดุม 5 เม็ด” โดยคุณพิธาได้เสนอการแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกรไทยด้วยการติดกระดุม 5 เม็ด ได้แก่เรื่องที่ดิน หนี้การเกษตร สารเคมีและการประกันราคาพืชผล การแปรรูปและนวัตกรรม และการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ซึ่งได้การตอบรับที่ดีจากประชาชนและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่านอื่นๆ ซึ่งการอภิปรายในประเด็นดังกล่าวนั้น พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวชื่นชมการอภิปรายของคุณพิธาว่า มีการพูดถึงปัญหากลุ่มชาติพันธ์ุ คนชายขอบ และเรื่องที่ดินได้อย่างตรงประเด็น ทำให้คุณพิธาได้รับความสนใจในวงการการเมืองมากขึ้น
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ และในวันที่ 8 มีนาคม คุณพิธาได้ย้ายไปสังกัดพรรคก้าวไกลร่วมกับอดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่อีก 54 คน โดยรับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรค และในปี พ.ศ. 2566 เมื่อถึงคราวเลือกตั้งครั้งใหม่ตามวาระ ผู้คนก็ได้เห็นหน้าค่าตาของคุณทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์กันมากขึ้นในระหว่างช่วงหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งในช่วงหาเสียงนั้น ต้องยอมรับว่าพรรคก้าวไกลได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก เมื่อไปอภิปรายเวทีไหน จังหวัดใด ผู้คนต่างก็ให้ความสนใจและเข้ามาฟังการอภิปรายอย่างล้นหลามเลยทีเดียวค่ะ
หลังจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา ปรากฎว่า พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด และชนะการเลือกตั้งไปโดยปริยาย คุณพิธาได้ประกาศว่า ตนเองพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย หลังจากที่พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด พร้อมกับเชิญพรรคเพื่อไทย ที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 ร่วมกับพรรคอื่นๆ จัดตั้งรัฐบาลผสมต่อไป
“กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” หลายๆ คนคงเคยได้ยินประโยคนี้กันบ่อยในช่วงหาเสียงจากพรรคก้าวไกล ซึ่งนโยบายของพรรคก้าวไกลมุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศในทิศทางที่ดีขึ้น ตามคอนเสปต์ “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” อย่างการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับเพื่อป้องกันการทำรัฐประหาร มีการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร แต่เปลี่ยนเป็นการเกณฑ์ทหารด้วยความสมัครใจ รัฐมีความโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลรัฐให้ประชาชนรับรู้ ไปจนถึงการกระจายอำนาจอย่างการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เพื่อกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิรูปการเมืองที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยก็ว่าได้
ในส่วนของนโยบายเรื่องปากท้อง พรรคก้าวไกลมีจุดมุ่งหมายในการปลดหนี้ให้กับเกษตรกรสูงวัย มีการขึ้นค่าแรงทุกปี และปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาท/ วัน ทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หากเกินกว่านั้นต้องได้ OT นอกจากนี้ ยังมีนโยบายสวัสดิการลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มสิทธิลาคลอด และเพิ่มเงินผู้สูงวัยเป็น 3,000 บาท/เดือน ทั้งยังมีนโยบายลดค่าไฟ 70 สตางค์/หน่วย สนับสนุนการติดแผงโซลาร์ ให้ทุกบ้านผลิตไฟฟ้าที่สามารถขายไฟคืนให้กับรัฐได้ เรียกได้ว่า นโยบายเกี่ยวกับปากท้องและสวัสดิการของประชาชนดังกล่าวนี้ อาจมีส่วนให้พรรคก้าวไกลซึ่งมีคุณพิธา เป็นหัวหน้าพรรคได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นจำนวนมาก
นโยบายที่สร้างความน่าสนใจให้กับประชาชนอีกส่วนหนึ่งก็คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน เช่น การยกระดับขนส่งสาธารณะ ให้มีรถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด พัฒนาน้ำประปาให้ดื่มได้ โดยเฉพาะนโยบาย “สร้างงาน ซ่อมประเทศ” พัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมเพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างเงินให้กับประเทศและประชาชน รวมถึงการปฏิวัติการศึกษา ออกแบบหลักสูตรใหม่ที่เน้นความรู้ทักษะอันใช้ได้ในชีวิตจริง เช่น ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และให้ครูได้สอนอย่างเต็มเวลาโดยที่ไม่ต้องไปทำงานธุรการ ซึ่งทำให้สอนนักเรียนได้ไม่เต็มที่ พร้อมทั้งส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพ สนับสนุนการตรวจสุขภาพประจำปี ฟรีทั้งค่าตรวจ ค่าเดินทาง รวมถึงการตรวจสุขภาพจิตและคัดกรองมะเร็ง 6 ชนิดด้วย นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญในเรื่องของสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายใน 2050
เมื่อมองดูนโยบายหลักๆ ของพรรก้าวไกลแล้ว จะเห็นว่า มีความสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมืองที่มุ่งหวังให้มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และปราศจากการรวมอำนาจไว้เพียงจุดเดียว เนื่องจากวิถีปฏิบัติแบบดั้งเดิมอาจไม่ได้รับความนิยมหรือได้รับการยอมรับในยุคปัจจุบันที่โลกกำลังก้าวไปไกล และยังมีนโยบายเรื่องปากท้องและสวัสดิการ ความเป็นอยู่ อันนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน ทั้งการปฏิรูปการศึกษาให้สอดคล้องกับความเป็นไปในโลกปัจจุบัน เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาก้าวทันโลกและมีความรู้ทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน รวมถึงการสร้างงาน ซ่อมประเทศ ซึ่งคุณพิธาเคยเป็นนักธุรกิจและผู้ประกอบการมาก่อน จึงมองเห็นหนทางในการพัฒนากิจของประเทศให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น มีงานทำ อันจะส่งผลให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ คุณพิธายังเป็นบุคคลที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และการศึกษา จึงต้องการที่จะปฏิรูปการศึกษาให้ล้อไปกับความเป็นไปของโลกในทุกวันนี้ และนโยบายพรรคก้าวไกลที่มีคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้นำพรรค มีความสอดคล้องต่อบริบทสังคมโลก และมีความสอดคล้องต่อความต้องการของประชาชนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยในทิศทางที่ดีขึ้น “เลือกก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” เพราะพรรคก้าวไกล จะพาประเทศไทยให้ก้าวไปไกลกว่าเดิม ทำให้ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมากที่สุดอย่างเป็นเอกฉันท์ในที่สุด
แม้ว่านโยบายของพรรคอาจจะทำให้บางคนรู้สึกไม่เห็นด้วยหรือไม่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คุณพิธาเคยกล่าวในการสัมภาษณ์กับ CNN เอาไว้ว่า ตนเองมุ่งมั่นที่จะสื่อสารให้มากขึ้น และสื่อสารไปยังวงกว้างมากขึ้นว่าต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงเพราะอะไร และมีเจตนาที่ดีโดยให้ความสำคัญกับประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนย่อมคิดเห็นอย่างแตกต่างกัน ไม่ได้มีใครเห็นด้วยในทิศทางเดียวกันทั้งหมด แต่จะอยู่กับความแตกต่างนั้นอย่างไรเพื่อให้เกิดการประนีประนอมและอยู่ร่วมกันได้ นี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งในการสร้างความเข้าใจให้กับคนวงกว้าง ทำให้ได้รับการยอมรับและได้รับความนิยมมากขึ้นนั่นเองค่ะ
อีกสิ่งหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เลยก็คือ ทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ หากใครได้ดูข่าวเป็นประจำ จะเห็นว่าคุณพิธาตอบคำถามได้เป็นอย่างดี มีวาทะศิลป์ในการพูดและมีการเตรียมตัวมาอย่างดี ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และตอบได้ตรงประเด็น เข้าใจคำถามได้กระจ่าง ซึ่งทักษะด้านการสื่อสารนั้นเป็นหัวใจสำคัญของการเป็นผู้นำ การที่คุณพิธาตอบคำถามนักข่าวทั้งสื่อไทยและสื่อต่างชาติได้อย่างไหลลื่นครอบคลุม ตอบได้ทุกคำถาม จึงสร้างความประทับใจให้กับหลายๆ คนได้ไม่น้อยเลยค่ะ นั่นอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณพิธาได้รับความนิยมในฐานะว่าที่ผู้นำคนต่อไปได้ด้วยเช่นกัน
Inspire Now ! : ในโลกที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านความเชื่อ ความคิด ทัศนคติ วิถีชีวิต และพฤติกรรมของมนุษย์ หากยังคงยึดติดอยู่กับสิ่งเดิมๆ สุดท้ายแล้วก็อาจก้าวตามโลกไม่ทัน หรือถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และแน่นอนว่าคนเราต้องการความเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่าเดิม ซึ่งประวัติพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า คุณพิธาเป็นคนที่มีวิศัยทัศน์กว้างไกล มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคมที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงมุ่งหวังให้ประเทศไทยก้าวไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ด้วยเช่นกัน ทั้งยังเพรียบพร้อมไปด้วยทักษะผู้นำ การมองการณ์ไกลและปรับตัวให้เข้ากับโลกในปัจจุบันที่กำลังหมุนไปนั้น เป็นคุณสมบัติอันสำคัญยิ่งทั้งในบทบาทนักธุรกิจ หรือบทบาทของนักการเมืองในฐานะว่าที่ผู้นำของประเทศ หรือแม้แต่บทบาทของการเป็นพลเมืองของโลกด้วยเช่นกัน และสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือทักษะการสื่อสารที่ดี เพื่อสื่อสารให้คนอื่นๆ เข้าใจในจุดมุ่งหวังของเรา ก็จะทำให้เราประสบความสำเร็จตามต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จเล็กๆ หรือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อย่างการชนะการเลือกตั้งก็ตาม |
---|
DIY INSPIRE NOW เป็นแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? ได้อ่านประวัติพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกฯ คนใหม่ของประเทศไทยแล้ว คิดเห็นอย่างไรกันบ้างคะ ? เราสามารถนำเอาแนวคิดบางอย่างของคุณพิธามาปรับใช้กับตัวเองได้เหมือนกันนะคะ ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : edition.cnn.com, election66.moveforwardparty.org, dailynews.co.th, tnnthailand.com, prachachat.net, pptvhd36.com, thairath.co.th, hris.parliament.go.th, thaipbs.or.th
ต้นกำเนิด วันฮาโลวีน ประวัติ ความเป็นมาคืออะไร กิจกรรมที่ทำกันในเทศกาลนี้คืออะไร ไฮไลท์คืออะไรบ้าง ชวนรู้จักก่อนไปสนุกให้เต็มที่กัน
ชวนเช็กพลังงาน และ ดูดวง พฤศจิกายน 2567 เดือนนี้ดวงดาวบอกอะไรกับคุณบ้าง มาเช็กเป็นแนวทาง แล้วเดินหน้าใช้ชีวิตให้ดีกัน
อาโป-ณัฐวิญญ์ร่วมฉลอง ครบรอบ 77 ปี เซ็นทรัลชิดลมจัดทุกสเปซในห้างด้วยมวลดอกไม้สวยงามมีเอกลักษณ์ภายใต้คอนเซปต์ อาวองก์ การ์ดีน่า ชวนช้อปพร้อมชมดอกไม้สวย