10 ดอกไม้ญี่ปุ่น ความหมายดีๆ ที่ไม่ใช่แค่ศิลปะการสื่อสาร แต่ยังให้แนวคิดพัฒนาตัวเรา !

มีใครชอบดอกไม้บ้างคะ ? ว่ากันว่า ดอกไม้กับหญิงสาวเป็นของคู่กัน ผู้หญิงหลายๆ คนชอบดอกไม้เพราะว่ามีความสวยงาม มองแล้วรู้สึกสดชื่นสดใส สบายตา บางคนก็ชอบซื้อดอกไม้มาใส่แจกันในบ้าน ช่วยให้บ้านมีบรรยากาศที่สดใสมีชีวิตชีวามากขึ้น บางคนก็ซื้อเป็นของขวัญให้กับเพื่อนๆ หรือคนรอบข้าง เพราะว่าดอกไม้สื่อความหมายแตกต่างกันไปแต่ละชนิด อย่างที่เค้าเรียกกันว่า “ภาษาดอกไม้” นั่นเอง ซึ่งในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะชวนผู้อ่านมารู้จัก ดอกไม้ญี่ปุ่น ความหมายดีๆ เพื่อเอาไว้ใช้สื่อสารกันแบบมีศิลปะ เรียกว่าเป็นการสื่อสารที่น่าสนใจเลยทีเดียวใช่มั้ยหล่ะคะ หากใครสนใจ ตามมาดูกันในบทความนี้เลยค่ะ

รวม ดอกไม้ญี่ปุ่น ความหมายดีๆ 10 ชนิด เอาไว้ส่งสารบอกความในใจ

บางคนอาจจะพอรู้ความหมายของดอกไม้กันมาบ้าง อย่างความหมายของดอกกุหลาบ แน่นอนว่าสื่อถึงความรักในรูปแบบต่างๆ ตามแต่ละสีที่แตกต่างกันไป ดอกกล้วยไม้ ความหมายแสดงถึงความสง่างาม ดอกทานตะวันแสดงถึงความเชื่อมั่น รักเดียวใจเดียว ดอกเดซี่แสดงถึงความไว้ใจซึ่งกันและกัน อันเป็นความหมายของดอกไม้ในแบบสากล ทั้งนี้ ในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นนั้น ดอกไม้ญี่ปุ่นแต่ละชนิดก็มีความหมายดีๆ ด้วยเหมือนกัน เรามาดูกันดีกว่าว่า ทั้ง 10 ชนิด ที่เราเลือกมาแนะนำนั้นจะมีความหมายอะไรซ่อนอยู่บ้าง

วัฒนธรรมดอกไม้ ในประเทศญี่ปุ่น

วัฒนธรรมดอกไม้ในญี่ปุ่นมีความลึกซึ้ง และเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน สะท้อนถึงความเคารพและชื่นชมในธรรมชาติ ตลอดจนปรัชญาการดำเนินชีวิตของชาวญี่ปุ่น ดอกไม้ไม่เพียงแต่เป็นส่วนประดับตกแต่ง แต่ยังมีความหมายลึกซึ้งในด้านวัฒนธรรม ศิลปะ และจิตวิญญาณ ตั้งแต่การชมดอกไม้ตามฤดูกาล ไปจนถึงศิลปะการจัดดอกไม้อันประณีต เราลองมาดูรายละเอียดในเรื่องนี้กันค่ะ

1. ฮานามิ (花見 – Hanami) เป็นประเพณีที่มีมาตั้งแต่สมัยเฮอัน โดยเริ่มจากชนชั้นสูงก่อนจะแพร่หลายสู่ประชาชนทั่วไป ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ชาวญี่ปุ่นจะรวมตัวกันใต้ต้นซากุระที่กำลังบาน จัดปิกนิก ดื่มสาเก และสังสรรค์กัน การชมดอกซากุระนี้สะท้อนถึงแนวคิดของชาวญี่ปุ่นเรื่องความงามที่ไม่จีรังและการเฉลิมฉลองการเริ่มต้นใหม่
2. อิเคบานะ (生け花 – Ikebana) เป็นศิลปะการจัดดอกไม้ที่มีประวัติยาวนานกว่า 600 ปี มีรากฐานมาจากการถวายดอกไม้แด่พระพุทธเจ้า อิเคบานะเน้นความเรียบง่าย ความสมดุล และการสร้างพื้นที่ว่างที่มีความหมาย การจัดดอกไม้แบบนี้ไม่เพียงแต่สร้างความสวยงาม แต่ยังเป็นวิธีฝึกสมาธิและการตระหนักรู้
3. ดอกไม้ประจำฤดูกาลในญี่ปุ่นมีความสำคัญอย่างมากในวัฒนธรรมและชีวิตประจำวัน นอกจากดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิแล้ว ยังมีดอกบ๊วยในฤดูหนาว ดอกไอริสในต้นฤดูร้อน ดอกทานตะวันในกลางฤดูร้อน และใบเมเปิ้ลแดงในฤดูใบไม้ร่วง ดอกไม้เหล่านี้ปรากฏในงานศิลปะ วรรณกรรม และเทศกาลต่างๆ ตลอดทั้งปี
4. ภาษาดอกไม้ (花言葉 – Hanakotoba) เป็นการใช้ดอกไม้สื่อความหมายและอารมณ์ต่างๆ ซึ่งมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมตะวันตกแต่ได้รับการพัฒนาให้เข้ากับวัฒนธรรมญี่ปุ่น เช่น ดอกซากุระสื่อถึงความบริสุทธิ์และการเริ่มต้นใหม่ ดอกทิวลิปสีแดงสื่อถึงความรักที่สมบูรณ์แบบ ภาษาดอกไม้นี้ใช้กันอย่างแพร่หลายในการเลือกดอกไม้สำหรับโอกาสต่างๆ
5. ในพิธีชงชาของญี่ปุ่น ดอกไม้มีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศและสื่อถึงฤดูกาล โดยจะมีการจัดดอกไม้อย่างเรียบง่ายในห้องชงชา เรียกว่า “茶花 – Chabana” ดอกไม้ที่เลือกใช้จะสอดคล้องกับฤดูกาลและสร้างความรู้สึกสงบ เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ทางสุนทรียะในพิธีชงชา
6. สวนญี่ปุ่นเป็นการจัดสวนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยใช้ดอกไม้ ต้นไม้ หิน และน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญ สวนญี่ปุ่นมักจะออกแบบให้สวยงามในทุกฤดูกาล โดยเลือกพืชที่เปลี่ยนแปลงตามฤดู เช่น ต้นเมเปิ้ลที่เปลี่ยนสีใบในฤดูใบไม้ร่วง หรือต้นซากุระที่ออกดอกในฤดูใบไม้ผลิ สวนเหล่านี้ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังเป็นสถานที่สำหรับการทำสมาธิและการชื่นชมธรรมชาติ

ดอกไม้ญี่ปุ่น ความหมายดีๆ 10 ชนิด มีอะไรบ้าง ?

ดอกไม้มีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดยแต่ละชนิดมีความหมายและสัญลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนถึงความงดงามของธรรมชาติและปรัชญาชีวิต ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับดอกไม้ในเทศกาล พิธีกรรม และชีวิตประจำวัน ซึ่งแสดงถึงความละเอียดอ่อนในการชื่นชมความงามและการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล เรามาดูดอกไม้ญี่ปุ่น ความหมายดีๆ 10 ชนิด ที่เราเลือกมาแนะนำกันค่ะ

1. ดอกซากุระ (Sakura : 桜)

ซากุระมีมากกว่า 200 สายพันธุ์ในญี่ปุ่น โดยสายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุดคือ “โซเมโยชิโนะ” ดอกซากุระไม่เพียงแต่มีความสำคัญทางวัฒนธรรม แต่ยังมีบทบาทในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ในสมัยเอโดะ โชกุนโทคุกาวะ เยยาสุ ได้ส่งเสริมการปลูกต้นซากุระทั่วประเทศเพื่อสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันของชาติ ซากุระยังปรากฏในงานศิลปะ วรรณกรรม และแม้แต่ในการออกแบบเหรียญ 100 เยน (ใครสนใจไปเที่ยวชมซากุระที่ญี่ปุ่น ลองดูจุดชมซากุระเพิ่มเติมได้อีกนะคะ)

ซากุระในวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความงามที่บอบบาง สะท้อนแนวคิดโมโนโนอาวาเระหรือความงามของความไม่จีรัง ดอกซากุระยังแสดงถึงการเริ่มต้นใหม่ การเปลี่ยนแปลง และเป็นสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจของชาติ รวมถึงจิตวิญญาณซามูไร ชาวญี่ปุ่นมองว่าซากุระเป็นการเตือนให้ชื่นชมความงามของปัจจุบันขณะนั่นเองค่ะ

2. ดอกบ๊วย (Ume : 梅 )

ดอกบ๊วยถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่นจากจีนในสมัยนาระ (710-794) ก่อนที่ซากุระจะได้รับความนิยม บ๊วยเคยเป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในญี่ปุ่น นอกจากความงามแล้ว ผลบ๊วยยังใช้ในการทำอาหาร เช่น อุเมะบอชิ (บ๊วยดอง) และอุเมะชุ (เหล้าบ๊วย) ซึ่งเชื่อว่ามีสรรพคุณทางยา ในศิลปะการจัดดอกไม้อิเคบานะ และกิ่งบ๊วยยังมักถูกใช้เพื่อแสดงถึงฤดูหนาวอีกด้วย

ดอกบ๊วยสื่อถึงความอดทนและความเข้มแข็ง เนื่องจากบานในช่วงอากาศหนาวเย็น จึงเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและการฟื้นคืนชีพ แสดงถึงความงามที่เบ่งบานท่ามกลางความยากลำบาก นอกจากนี้ยังสื่อถึงปัญญา ความซื่อสัตย์ และเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านจากฤดูหนาวสู่ฤดูใบไม้ผลิอีกด้วยค่ะ

3. ดอกเบญจมาศ (Kiku : 菊)

เบญจมาศเป็นดอกไม้ประจำชาติญี่ปุ่นอย่างไม่เป็นทางการ และปรากฏบนตราประทับของจักรพรรดิญี่ปุ่น ในญี่ปุ่นมีสายพันธุ์เบญจมาศมากกว่า 350 สายพันธุ์ มีการจัดแสดงเบญจมาศประจำปีที่สวนชินจุกุเกียวเอ็นในโตเกียว ซึ่งจัดมาตั้งแต่ปี 1904 นอกจากนี้ ดอกเบญจมาศยังใช้ในการชงชาและทำอาหาร โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง

เบญจมาศในญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์ของอายุยืนและความเป็นอมตะ แสดงถึงความสง่างามและความสมบูรณ์แบบ เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความจงรักภักดีและเกียรติยศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิและราชวงศ์ญี่ปุ่น ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น เบญจมาศยังเชื่อมโยงกับการไตร่ตรองและการทำสมาธิอีกด้วย

4. ดอกคามิลเลีย (Tsubaki : つばき)

คามิลเลียมีประวัติยาวนานในญี่ปุ่น โดยมีการปลูกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 น้ำมันจากเมล็ดคามิลเลียใช้ในการดูแลผมและผิวมาเป็นเวลานาน ในศิลปะการจัดดอกไม้ คามิลเลียมักใช้เป็นดอกไม้หลักในการจัดแบบริกกะ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของอิเคบานะ ในวรรณกรรมญี่ปุ่น คามิลเลียมักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ลึกซึ้งแต่ไม่แสดงออกมากเท่าไหร่นัก ซึ่งเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น

ดอกคามิลเลียสื่อถึงความรักที่สมบูรณ์แบบและลึกซึ้ง เป็นสัญลักษณ์ของความภักดีและความอดทน ความงามของคามิลเลียแสดงถึงความสง่างามและความเรียบง่ายในเวลาเดียวกัน ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ดอกนี้ยังเชื่อมโยงกับความเป็นผู้หญิงและความงาม รวมถึงเชื่อว่ามีพลังในการปกป้องและนำโชคดีมาสู่ผู้ปลูก

5. ดอกไอริส (Ayame : 菖蒲)

ไอริสญี่ปุ่น มีความสำคัญในเทศกาลทานาบาตะและวันเด็กผู้ชาย ในสมัยโบราณ รากของไอริสถูกใช้ในการทำยาและเครื่องสำอาง ในสวนญี่ปุ่น ไอริสมักปลูกริมน้ำเพื่อสร้างภาพสะท้อนที่สวยงาม มีสวนไอริสที่มีชื่อเสียงหลายแห่งในญี่ปุ่น เช่น Okayama Korakuen Garden จังหวัดโอะคะยะมะ

ดอกไอริสในญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความเข้มแข็ง สื่อถึงปัญญาและความเชื่อ มีความหมายเกี่ยวกับการชำระล้างและการป้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสัญลักษณ์ของเด็กผู้ชายและความเป็นชาย ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น และดอกไอริสยังแสดงถึงความหวังและการมาถึงของข่าวดีอีกด้วย

6. ดอกโบตั๋น (Botan : 牡丹)

โบตั๋นจากจีนถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 8 ในฐานะพืชสมุนไพร ต่อมาได้รับความนิยมในฐานะไม้ประดับ โดยเฉพาะในสมัยเอโดะ ในศิลปะญี่ปุ่นนั้น โบตั๋นมักปรากฏอยู่คู่กับสิงโต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและอำนาจ มีการจัดเทศกาลชมดอกโบตั๋นทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่วัด Ueno Toshogu ในโตเกียว

ดอกโบตั๋นในญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและความรุ่งเรือง สื่อถึงเกียรติยศและตำแหน่งทางสังคม นอกจากนี้ยังแสดงถึงความรักที่โรแมนติกและความงามของสตรี ความใหญ่โตของดอกโบตั๋นยังสื่อถึงความกล้าหาญและความสง่างาม ในความเชื่อของญี่ปุ่น โบตั๋นยังเชื่อมโยงกับสุขภาพที่ดีและอายุยืน

7. ดอกวิสทีเรีย (Fuji : 藤 )

ต้นฟูจิที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นอยู่ที่ศาลเจ้าคาซานากิ ฟุกุโอกะ อายุมากกว่า 1,200 ปี ในวรรณคดีญี่ปุ่นโบราณ เช่น เรื่องเกนจิโมโนกาตาริ ดอกฟูจิถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งในฐานะสัญลักษณ์ของความรักและความโรแมนติก และในการจัดสวนญี่ปุ่น ต้นฟูจิมักถูกปลูกให้เลื้อยบนซุ้มไม้เพื่อสร้างพื้นที่ร่มรื่น

ดอกฟูจิในวัฒนธรรมญี่ปุ่นสื่อถึงมิตรภาพที่ยั่งยืนและความผูกพัน ความอ่อนช้อยของดอกฟูจิแสดงถึงความอ่อนโยนและความสง่างาม เป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ลึกซึ้งและโรแมนติก นอกจากนี้ยังสื่อถึงการต้อนรับและความเอื้อเฟื้อ รวมถึงความยืดหยุ่นในชีวิตอีกด้วย

8. ดอกทานตะวัน (Himawari : ひまわり)

แม้ไม่ใช่พืชพื้นเมืองของญี่ปุ่น แต่ทานตะวันได้รับความนิยมอย่างมากหลังเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะในปี 2011 โดยนิยมปลูกไว้เพื่อดูดซับสารกัมมันตรังสีในดิน ซึ่งที่จังหวัดมิยากิมีงานจัดเทศกาลทานตะวันประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยปลูกทานตะวันกว่า 1 ล้านต้นในพื้นที่ 15 เฮกตาร์

ดอกทานตะวันในญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์ของความร่าเริงและความสุข สื่อถึงความซื่อสัตย์ แสดงถึงความหวังและการฟื้นฟู โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์ภัยพิบัติ ดอกทานตะวันยังเชื่อมโยงกับพลังงานบวกและความกระตือรือร้น รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่งอีกด้วย

9. ดอกลิลลี่ (Yuri : ユリ)

ลิลลี่มีความสำคัญในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาช้านาน โดยเฉพาะสายพันธุ์ยามะยุริหรือลิลลี่ทิเบต ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดนากาโนะ ซึ่งในอดีตมีการนำหัวลิลลี่มาใช้เป็นอาหารและยาสมุนไพร ส่วนในศิลปะญี่ปุ่นนั้นลิลลี่มักถูกวาดคู่กับนกกระเรียน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอายุยืนและความโชคดี ในพิธีแต่งงานแบบชินโต ดอกลิลลี่มักถูกใช้ในการตกแต่งเพื่อสื่อถึงความบริสุทธิ์และความหวัง

ดอกลิลลี่ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความไร้เดียงสา สื่อถึงการฟื้นฟูและการเกิดใหม่ แสดงถึงความรักบริสุทธิ์และความซื่อสัตย์ นอกจากนี้ความสวยงามของดอกลิลลี่ยังสื่อถึงความสง่างามและความประณีตซึ่งเชื่อมโยงกับความหวังและการเติบโตทางจิตวิญญาณ

10. ดอกไฮเดรนเยีย (Ajisai : 紫陽花)

ไฮเดรนเยียในวัฒนธรรมญี่ปุ่น มีความสำคัญและเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ชาวญี่ปุ่นเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า “อาจิไซ” (あじさい) ซึ่งมักจะบานสะพรั่งในเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม ในประเทศญี่ปุ่นมีสถานที่ชมดอกไฮเดรนเยียที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น วัดเมกุโระ ในโตเกียว และสวนมิกาตะในเมืองฮาโกเนะ นอกจากนี้ ไฮเดรนเยียยังปรากฏในวรรณกรรมและศิลปะญี่ปุ่นอยู่บ่อยครั้ง

ในด้านความหมาย ไฮเดรนเยียมีความหมายที่หลากหลายในวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดยทั่วไปมักสื่อถึงความจริงใจ ความกตัญญู และความเข้าใจ อย่างไรก็ตาม ความหมายอาจแตกต่างกันไปตามสีของดอก เช่น ดอกสีชมพูอาจหมายถึงความรัก ดอกสีขาวอาจสื่อถึงความบริสุทธิ์ และดอกสีน้ำเงินอาจแสดงถึงการขอโทษหรือความเสียใจ ในบางครั้ง ไฮเดรนเยียยังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัว เนื่องจากสีของดอกสามารถเปลี่ยนไปตามสภาพดินที่ปลูกนั่นเองค่ะ

แนวคิดที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องวัฒนธรรมดอกไม้ในญี่ปุ่น

1. การชื่นชมความงามชั่วคราว : ซากุระเป็นสัญลักษณ์ของแนวคิดนี้ ดอกซากุระบานเพียงสั้นๆ แต่งดงามอย่างยิ่ง สอนให้เราเห็นคุณค่าของช่วงเวลาปัจจุบัน และความงามที่ไม่จีรัง แนวคิดนี้ส่งเสริมให้เราใช้ชีวิตอย่างมีสติ ชื่นชมทุกขณะ และยอมรับการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมชาติของชีวิต
2. ความอดทนและความหวัง : ดอกบ๊วยที่บานในฤดูหนาวท่ามกลางหิมะ แสดงถึงความเข้มแข็งและการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค สอนให้เรามีความหวังและพลังใจแม้ในยามยากลำบาก เป็นสัญลักษณ์ของการอดทนรอคอยฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง
3. การปรับตัว : ไฮเดรนเยียที่เปลี่ยนสีตามสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม สอนให้เรายืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม แต่พร้อมที่จะเติบโตและเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์
4. ความสุภาพและความเรียบง่าย : ดอกเบญจมาศที่มักใช้ในพิธีการสำคัญ สื่อถึงคุณค่าของความสุภาพและความเรียบง่ายในชีวิต แนวคิดนี้สะท้อนในศิลปะการจัดดอกไม้อิเคบานะ ที่เน้นความเรียบง่าย ความสมดุล และการใช้พื้นที่ว่างอย่างมีความหมาย สอนให้เราเห็นคุณค่าของความพอเพียงและความงามในความเรียบง่าย
5. การเคารพธรรมชาติ : วัฒนธรรมการชมดอกไม้ เช่น ฮานามิ (การชมซากุระ) หรือ อุเมะมิ (การชมดอกบ๊วย) สอนให้เราเห็นคุณค่าและเคารพธรรมชาติ แนวคิดนี้ส่งเสริมการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม

แนวคิดเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนในวัฒนธรรมดอกไม้เท่านั้น แต่ยังแทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิต ศิลปะ และปรัชญาของชาวญี่ปุ่น ซึ่งเราสามารถนำไปปรับใช้กับวิธีคิด และการใช้ชีวิตของเราได้เช่นกันค่ะ

Inspire Now ! : ดอกไม้ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง สะท้อนถึงคุณค่าและปรัชญาชีวิต เช่น ซากุระสื่อถึงความงดงามที่ไม่จีรัง เตือนให้ชื่นชมปัจจุบันขณะ ส่วนบ๊วยสื่อถึงความอดทนและความหวัง ในการสื่อสาร ไฮเดรนเยีย สอนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นความหมายดีๆ ให้เรานำไปใช้สื่อสารเท่านั้น แต่ว่ายังให้เราได้วิธีคิดเพื่อปรับใช้กับการพัฒนาตัวเราซึ่งใช้ได้จริงอีกด้วย

DIYINSPIRENOW คือแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? ชอบดอกไม้ญี่ปุ่น ความหมายดีๆ ชนิดไหน คอมเมนต์คุยกับเรากันได้นะคะ ♡

FI Credit : DIYINSPIRENOW