วันวาเลนไทน์ ประวัติ, ประวัติ วาเลนไทน์

วันวาเลนไทน์ ประวัติ เป็นมาอย่างไร ? ชวนรู้จักที่มาของวันแห่งความรัก ที่มีเบื้องหลังอันแสนเจ็บปวด !

ใกล้จะถึงเดือนกุมภาพันธ์ทีไร สำหรับคนที่มีความรักแล้ว จะต้องรอคอยเดือนนี้กันอย่างใจจดใจจ่อ เพราะวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรักนั่นเอง เราคุ้นเคยกับวันวาเลนไทน์เป็นอย่างดี ในวัยเรียนก็จะเห็นเพื่อนๆ ได้ขนมและดอกไม้กัน มีการติดสติ๊กเกอร์รูปหัวใจให้กัน บางคนก็มีการบอกรักกันและขอเป็นแฟนกันในวันนี้ เรียกเสียงฮือฮาให้กับเพื่อนคนอื่นๆ เป็นสีสันในวันแห่งความรัก และสำหรับคู่รักแต่ละคู่ก็อาจจะเตรียมตัวไปเดท ไปดินเนอร์สุดโรแมนติก พร้อมกับการมอบของขวัญวันวาเลนไทน์ให้กัน แล้ววันวาเลนไทน์มีความเป็นมายังไง ทำไมถึงต้องเป็นวันแห่งความรัก วันวาเลนไทน์ ประวัติ คืออะไร ? ทำไมถึงได้มีการเฉลิมฉลองให้กับความรักกันทั่วโลก ถ้าใครอยากรู้ประวัติความเป็นมา รวมถึงตำนานเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ ก็ไปอ่านกันได้เลยค่ะ

วันวาเลนไทน์ ประวัติ ความเป็นมา ตำนานของวันแห่งความรัก

วันวาเลนไทน์ ประวัติ, ประวัติ วาเลนไทน์
Image Credit : freepik.com

วันวาเลนไทน์ ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ทุกคนทราบกันดีว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรัก เป็นวันที่หนุ่มสาวนิยมแสดงความรักแก่กัน และกลายเป็นวันสำคัญที่คู่รักทั่วโลกนิยมเฉลิมฉลองและให้ความสำคัญกับวันนี้ ซึ่งวันวาเลนไทน์ หรือ Valentine’s Day มีความเป็นมายาวนานมากกว่าพันปี วันวาเลนไทน์ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 496 และไม่ได้เป็นวันที่เกี่ยวข้องกับความรักโรแมนติกแต่อย่างใด แต่เป็นวันเฉลิมฉลองให้กับนักบุญของศาสนาคริสต์ และในภายหลังก็ถูกนิยามความหมายใหม่ กลายเป็นวันแห่งความรักนั่นเอง

วันวาเลนไทน์ ประวัติ ความเป็นมา เริ่มต้นตั้งแต่ในยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ วันวาเลนไทน์ได้ถูกกำหนดขึ้น ซึ่งในขณะนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกๆ ปี จะถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแก่เทพเจ้าจูโน ผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน และกำหนดให้วันที่ 15 กุมภาพันธ์ซึ่งเป็นวันอภิเษกสมรสของพระองค์เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลเฉลิมฉลองที่ชื่อว่า “ลูเปอร์คาเลีย” เป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวโรมันที่เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มและหญิงสาวได้มาพบปะทำความรู้จักกัน ซึ่งนั่นก็คือเทศกาลเฉลิมฉลองและบูชาเทพเจ้าแห่งความรักในยุคนั้น

ต่อมาในรัชสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม ในช่วงนั้นมีการทำสงครามอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็ได้มีการเกณฑ์ชายหนุ่มออกไปรบ แต่ปรากฎว่าในขณะนั้น ผู้ชายหลายคนก็แต่งงานมีครอบครัวกันแล้ว และมีคนรัก มีลูกต้องดูแล ไม่อยากทิ้งครอบครัวเพื่อไปเสี่ยงชีวิตในสนามรบ จักพรรดิคลอดิอัสที่ 2 จึงมีคำสั่งห้ามไม่ให้จัดพิธีหมั้นและแต่งงานขึ้นในกรุงโรมโดยเด็ดขาด

[affegg id=4476]

วันวาเลนไทน์ ประวัติ, ประวัติ วาเลนไทน์
Image Credit : www.history.com

แต่ในขณะนั้น นักบุญรูปหนึ่งที่ชื่อว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนติอัส ได้แอบลักลอบจัดพิธีแต่งงานให้กับหนุ่มสาวชาวคริสต์หลายคู่ ทำให้เรื่องไปถึงจักรพรรดิคลอดิอีสที่ 2 และได้สั่งจับเซนต์วาเลนไทน์ไปขังคุกเพื่อรอวันประหารชีวิต แต่ในระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่นั้น วาเลนไทน์ก็ได้ตกหลุมรักลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อว่า “จูเลีย” ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะถูกประหารชีวิต จูเลียได้มาเยี่ยมเขาที่ห้องคุมขัง เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย ลงท้ายว่า “From your Valentine” ซึ่งนักบุญวาเลนไทน์ถูกประหารด้วยการศีรษะในวันที่ 14 กุมภาพันธ์พอดี หลักจากเสียชีวิตแล้ว จูเลียก็ได้ปลูกต้นอามันต์ หรือต้นอัลมอนด์สีชมพูไว้ใกล้ๆ หลุมศพของนักบุญวาเลนไทน์ผู้เป็นที่รักของเธอ และต้นอามันต์สีชมพูก็ได้กลายเป็นตัวแทนแห่งความรักนิรันดร์และมิตรภาพอันสวยงามนับตั้งแต่นั้นมา และได้มีการกำหนดให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวัน”วาเลนไทน์” เพื่อเป็นการระลึกและยกย่องความรักอันบริสุทธิ์ของนักบุญวาเลนไทน์ผู้ล่วงลับ วันวาเลนไทน์ ประวัติความเป็นมานั้น กำเนิดจากความรักความรักความปราถนาดี ความเมตตา ความกล้าหาญ และการอุทิศตนเพื่อความรัก จึงกลายเป็นวันแห่งความรักนับตั้งนั้นเป็นต้นมา

ทั้งนี้ วันวาเลนไลน์ ประวัติในการถูกตีความให้เป็นความรักในเชิงโรแมนติกนั้น เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในแวดวงสังคมของเจฟฟรีย์ ชอเชอร์ (Geoffrey Chaucer) ซึ่งเป็นนักเขียนและกวีเลื่องชื่อที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งกวีนิพนธ์อังกฤษ ในช่วงสมัยยุคกลาง (High Middle Ages) ที่ได้มีการนิพนธ์เรื่องราวเกี่ยวกับความรักเข้ากับวันวาเลนไลน์ และในคริสต์ศตวรรษที่ 15 วันวาเลนไทน์ก็ได้กลายมาเป็นโอกาสอันเหมาะสมที่คู่รักจะได้แสดงความรักให้แก่กันด้วยการมอบดอกไม้ ขนม ช็อกโกแลต รวมไปถึงการส่งการ์ดอวยพรให้แก่กันด้วย และได้กลายเป็นธรรมปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงยุคปัจจุบัน

เปิดตำนานเทพเจ้าคิวปิด อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์

วันวาเลนไทน์ ประวัติ, ประวัติ วาเลนไทน์
Image credit : www.brandeis.edu

นอกจากเรื่องเล่าประวัติ วาเลนไทน์ นักบุญในศาสนาคริสต์แล้ว ยังมีเรื่องเล่าของคิวปิด เทพเจ้าแห่งความรักของชาวกรีกโรมัน อีกหนึ่งตำนานที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ คิวปิดเป็นบุตรชายของเทพมาร์ส หรือเทพเจ้าสงคราม กับเทพีวีนัส เทพีแห่งความงาม คิวปิดถูกวีนัสส่งมายังโลกมนุษย์เนื่องจากไม่พอใจที่ ไซคี บุตรสาวของกษัตริย์พระองค์หนึ่งมีรูปโฉมงดงามกว่าตน เทพีวีนัสจึงสั่งให้คิวปิดแผลงศรดลบันดาลให้ไซคีมีความรักกับชายหนุ่มรูปโฉมอัปลักษณ์และมีนิสัยโหดร้าย แต่ทว่า เมื่อคิวปิดได้เห็นไซคี ก็กลับตกตะลึงในความงามและเผลอทำลูกศรเฉี่ยวเข้าตัวเองและตกหลุมรักไซคีเสียเอง คิวปิดลักลอบอยู่ด้วยกันกับไซคีโดยการมาหาเฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น เพื่อไม่ให้ไซคีเห็นหน้าของตน และกำชับว่าห้ามไม่ให้ไซคีเห็นหน้าตัวเองเป็นอันขาด ทั้งนี้ ไซคีได้รับคำยั่วยุจากพี่สาวว่า ทำไมคิวปิดถึงได้สั่งไว้แบบนั้น เป็นเพราะว่าคิวปิดมีรูปโฉมอัปลักษณ์หรือเปล่า ด้วยความสงสัยจนทนไม่ไหว วันหนึ่งไซคีก็ได้แอบจุดตะเกียงขึ้นในขณะที่คิวปิดกำลังนอนหลับอยู่ และพบว่าคิวปิดเป็นเทพเจ้ารูปงาม แต่แล้วคิวปิดก็สะดุ้งตื่นและเห็นว่าไซคีขัดคำสั่งของตัวเอง จึงหนีไปทันที

ไซคีได้ออกตามหาคิวปิดไปทั่วดินแดน ในระหว่างนั้นก็ถูกเทพีวีนัสกลั่นแกล้งต่างๆ นาๆ และหลอกให้ทำภารกิจต่างๆ ที่เสี่ยงต่อชีวิต แต่ด้วยความพยายามของนางและการได้รับความช่วยเหลือจากเทพองค์อื่นๆ ทำให้ไซคีเอาชีวิตรอดจากภารกิจต่างๆ มาได้ และสุดท้ายก็ได้ครองรักกับคิวปิดอีกครั้ง และอยู่คู่กันไปตลอดกาล นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตำนานที่เกี่ยวข้องกับประวัติ วาเลนไทน์อีกตำนานหนึ่ง ที่เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับความรักระหว่างไซคีกับคิวปิด เทพเจ้าแห่งการตกหลุมรักนั่นเอง

[affegg id=4477]

กิจกรรมวันวาเลนไทน์ในประเทศต่างๆ ในแต่ละประเทศมีการเฉลิมฉลองเทศกาลวาเลนไทน์อย่างไรบ้าง ?

ตอนนี้เราก็ทราบกันแล้วว่า วันวาเลนไทน์ ประวัติความเป็นมา มีจุดเริ่มต้นอย่างไร และก็เป็นธรรมเนียมสากลที่ปฏิบัติกันทั่วโลกว่าวันวาเลนไทน์ จะต้องมีการแสดงความรักต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นความรักระหว่างคู่รักที่เป็นรักในเชิงโรแมนติก หรือจะเป็นการแสดงความรักระหว่างเพื่อน คนในครอบครัว หรือแม้กระทั่งแสดงความรักให้กับตัวเองก็ได้เหมือนกัน มาดูกันว่า ประเทศต่างๆ นั้น มีการเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์อย่างไรบ้าง

1. ฝรั่งเศส

วันวาเลนไทน์ ประวัติ, ประวัติ วาเลนไทน์
Image Credit : freepik.com

ถ้าพูดถึงวันวาเลนไทน์ ประวัติความโรแมนติก จะไม่พูดถึงกรุงปารีสก็ไม่ได้ ประเทศฝรั่งเศส ขึ้นชื่อได้ว่าเป็น “The city of love” หรือเมืองแห่งความรัก และได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดอีกด้วย ว่ากันว่าการ์ดวาเลนไทน์ใบแรกนั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส โดย Charles ดยุกแห่งออร์ลีนส์ได้ส่งจดหมายรักให้กับภรรยาของเขา และลงชื่อว่า “Your Valentine” คล้ายกับตำนานของประวัติ  วาเลนไทน์เลยทีเดียว ซึ่งก็ได้กลายเป็นธรรมเนียมส่งการ์ดแสดงความรักให้แก่กันอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 12 – 14 กุมภาพันธ์ ภายในเมืองจะเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความรัก มีการปลูกดอกไม้ จัดสวนสวยงาม ตามห้างร้านมีการตกแต่งด้วยดอกกุหลาบและหัวใจ และจะต้องเห็นบรรยากาศการขอแต่งงานทั่วกรุงปารีสอย่างแน่นอน โดยเฉพาะบริเวณหอไอเฟล อาจเรียกได้ว่าการเฉลิมฉลองเทศกาลวาเลนไทน์ในกรุงปารีส เป็นเทศกาลวาเลนไทน์ที่งดงามที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

2. ประเทศญี่ปุ่น

วันวาเลนไทน์ ประวัติ, ประวัติ วาเลนไทน์
Image Credit : freepik.com

สำหรับกิจกรรมวันวาเลนไลน์ในประเทศญี่ปุ่นนั้น ผู้หญิงจะมีการมอบช็อกโกแลตให้กับหนุ่มๆ ซึ่งจะมีช็อกโกแลตอยู่ 2 แบบคือ “Giri Choco” หรือช็อกโกแลตแห่งมิตรภาพ ซึ่งเป็นช็อกโกแลตที่จะมอบให้กับเพื่อน เพื่อนร่วมงาน รวมถึงเจ้านายด้วย ซึ่งเป็นการมอบช็อกโกแลตที่ไม่ได้มีความหมายในเชิงโรแมนติกแต่อย่างใด แต่สำหรับการมอบช็อกโกแลตให้กับคนที่แอบชอบนั้น จะเป็นช็อกโกแลตที่เรียกว่า “Honmei Choco” หรือช็อกโกแลตบอกรัก ซึ่งเป็นช็อกโกแลตที่ทำเอง หรืออาจเป็นช็อกโกแลตที่มีราคาแพง โดยจะมอบให้ชายหนุ่มเพื่อเป็นการบอกความในใจให้กับอีกฝ่าย และในวันที่ 14 มีนาคม หรือเรียกกันว่า White day หนุ่มๆ ก็จะตอบรับคำบอกรักจากหญิงสาวด้วยการมอบช็อกโกแลตกลับไป

3. เกาหลีใต้

ในประเทศเกาหลีใต้ก็มีการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักในวันที่ 14 กุมภาพันธ์คล้ายๆ กับประเทศอื่นๆ ตามหลักสากล แต่ประเทศเกาหลีใต้ วันวาเลนไทน์ ประวัติการเฉลิมฉลองนั้นจะแตกต่างกับประเทศอื่นๆ อยู่บ้าง โดยจะมีการเฉลิมฉลองความรักในวันที่ 14 ของทุกเดือนเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมี “วันแห่งดอกกุหลาบ” ในเดือนพฤษภาคม มีการเฉลิมฉลอง “วันแห่งจูบ” ในเดือนมิถุนายน และมี “วันแห่งกอด” ในเดือนธันวาคม ทั้งนี้ ก็ได้มีการจัดกิจกรรมให้กับคนโสดอีกด้วย โดยถือเอาวันที่ 14 เมษายนเป็น “วันสีดำ” หรือ Black Day โดยบรรดาคนโสดจะแต่งกายด้วยชุดสีดำ และมารวมตัวกันเพื่อกินบะหมี่จาจังมยอนสีดำ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่มีความเป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนกับประเทศไหนเลยค่ะ

4. ไต้หวัน

วันวาเลนไทน์ ประวัติ, ประวัติ วาเลนไทน์
Image Credit : freepik.com

ในประเทศไต้หวันมีการเฉลิมฉลองเทศกาลวันวาเลนไทน์ที่ขึ้นชื่อว่าโรแมนติกอีกประเทศหนึ่งในโลก โดยจะมีการเฉลิมฉลองปีละ 2 ครั้ง คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ตามธรรมเนียมวันวาเลนไทน์ ประวัติความเป็นมาแบบดั้งเดิม และอีกครั้งคือวันที่ 7 กรกฎาคม โดยวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ เรียกว่าวันเทศกาลชีซี (Qixi Festival) รู้จักกันดีในวันทานาบาตะของญี่ปุ่น และวันชิลซอกของเกาหลี ที่เป็นการเล่าขานตำนานเกี่ยวกับหญิงสาวทอผ้าและหนุ่มเลี้ยงวัว ทั้งนี้ ในวันที่ 7 กรกฎาคม ฝ่ายชายจะมีการมอบดอกไม้สื่อควาหมายให้กับฝ่ายหญิง โดยจำนวนของดอกไม้ที่มอบให้นั้นก็จะสื่อถึงข้อความต่างๆ โดยดอกกุหลาบสีแดง 1 ดอกหมายถึง “รักเพียง 1 เดียว” ดอกกุหลาบ 99 ดอกหมายถึง “รักตลอดไป” และดอกกุหลาบจำนวน 108 ดอกมีความหมายว่า “คุณจะแต่งงานกับฉันไหม ? ” ถ้าผู้หญิงคนไหนได้ดอกกุหลาบแดงถึง 108 ดอกละก็ เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวได้เลยค่ะ

5. อิตาลี

ชาวอิตาลีนั้นมีการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักในสไตล์คลาสสิกร่วมกับการเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ในวันวาเลนไทน์ คู่รักจะมารวมตัวกันเพื่อเพลิดเพลินกับเทศกาลดนตรี กวีนิพนธ์ และมอบของขวัญให้แก่กัน นิยมให้ช็อกโกแลตที่สอดไส้เฮเซลนัทที่เรียกว่า “baci perugina” (คำว่า baci มีความหมายว่าจูบในภาษาอิตาลี) และมีข้อความบอกรักอยู่ด้านในกล่อง ตามประเพณีเก่าแก่นั้น มีความเชื่อว่า ผู้ชายคนแรกที่หญิงสาวเห็นในวันนั้นจะกลายมาเป็นสามีของเธอ และทั่งคู่จะแต่งงานกันภายในหนึ่งปี! ความเชื่อนี้จะเป็นจริงหรือไม่ ต้องลองไปถามชาวอิตาลีดูนะคะ

[affegg id=4478]

Inspire Now ! : แม้วันวาเลนไทน์ ประวัติความเป็นมาจะเกิดขึ้นจากการที่นักบุญเซนต์วาเลนไทน์ถูกประหารชีวิต เนื่องจากฝ่าฝืนจัดพิธีแต่งงานให้กับคู่รัก แต่นั่นก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับความรัก และอยากจะให้คู่รักได้ครองคู่กัน เป็นความกล้าหาญ ความมีเมตตาให้กับคนอื่นๆ ทั้งยังเป็นการอุทิศตนให้กับความรักอีกด้วย และแม้ว่าตัวเองจะถูกจับขังก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วความรักก็ยังบังเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง แม้จะไม่ได้ครองคู่กัน แต่ก็เป็นความรักที่เป็นนิรันดร์ ทั้งนี้ ใช่ว่าวันวาเลนไทน์จะเป็นวันแห่งความรักสำหรับคนหนุ่มสาวและเป็นความรักเชิงโรแมนติกเท่านั้น เราสามารถมีความรักความปรากถนาดีให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนในครอบครัว เพื่อนสนิท คนรอบกาย และที่สำคัญคือ ต้องไม่ลืมวิธีรักตัวเองและเคารพในคุณค่าของตัวเองให้มากๆ เมื่อเรามีความรักให้กับตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว ความรักจะเผื่อแผ่ออกมาสู่คนรอบข้างได้เองโดยที่ไม่ต้องพยายามเลยค่ะ

DIY INSPIRE NOW คือแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? ประวัติ วาเลนไทน์ แม้อาจไม่ได้สวยงาม แต่ก็เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจ วันวาเลนไทน์ยังเป็นโอกาสดีๆ ที่ทำให้เราได้แสดงความรักให้กับคนรอบข้างด้วยนะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : bl.uk, internationalteflacademy.com, traveltriangle.com, history.com

Featured Image Credit : vecteezy.com/Елена Рудьо

Facebook Comments

หาข้อมูล-ลงมือเขียนและเรียบเรียงโดยทีมกองบรรณาธิการเว็บไซต์ DIY INSPIRE NOW