จิตวิทยาสีกับความรู้สึก คืออะไร ? เลือกใช้สียังไง ที่ทำให้ธุรกิจปัง !

เวลาเรามองเห็นสีต่างๆ แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างคะ ? เห็นสีแดงแล้วรู้สึกอย่างไร แล้วถ้าเป็นสีเขียวล่ะ เรานึกถึงอะไร นึกถึงธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้าหรือเปล่า แล้วเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนชอบสีเขียว บางคนชอบสีแดง บางคนชอบสีชมพู สีส่งผลอะไรต่อเรา ? ในทางจิตวิทยานั้น สีเป็นตัวแทนที่แสดงถึงอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกต่างๆ นอกจากนี้ การใช้สี ยังมีความสำคัญมากในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโลโก้ การเลือกสีฟ้อนชื่อแบรนด์ หรือแม้กระทั่งการออกแบบแพคเกจจิ้งสินค้า ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาดูกันว่า จิตวิทยาสีกับความรู้สึก มีความสัมพันธ์กันอย่างไร แล้วจะเลือกใช้สียังไงให้ให้ธุรกิจปังยิ่งกว่าเดิม ! ไปดูกันเลย

จิตวิทยาสีกับความรู้สึก เจาลึก! สีให้ความรู้สึกอย่างไรกับเราบ้าง

ได้มีการศึกษาเกี่ยวกับจิตวิทยาสีขึ้น โดยศึกษาว่าสีส่งผลต่อความรู้สึกของมนุษย์เราอย่างไร ก่อให้เกิดภาพลักษณ์แบบใด เพื่อที่จะต่อยอดไปยังการใช้สีกับการออกแบบต่างๆ รวมถึงการสร้างสรรค์ผลงาน หรือการเลือกสีเพื่อใช้ในการออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ ในด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ การเลือกใช้สีกับสินค้า – โลโก้แบรนด์ เป็นการแสดงตัวตนของแบรนด์ออกมาให้ลูกค้าได้รับรู้ เป็นการสร้างภาพจำ และก่อให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้านั้นๆ มาดูกันว่า สีแต่ละสีนั้น ก่อให้เกิดความรู้สึกอย่างไรบ้าง

[affegg id=4491]

• สีแดง

มาเริ่มกันที่สีแดง หนึ่งในแม่สีทางศิลปะ สีแดง มักจะเชื่อมโยงกับอารมณ์ที่รุนแรงเข้มข้น เช่น ความรัก ความหลงใหล ความปราถนา ความโกรธ ความก้าวร้าว หรือทำให้รู้สึกอันตราย เป็นสีที่สะดุดตา เห็นได้จากครื่องหมายจราจร สัญญาณเตือนตามท้องถนนมักจะใช้สีแดงเป็นหลัก สีแดงยังแสดงถึงอำนาจ ความแข็งแกร่ง ความมุ่งมั่น ในสาวๆ บางคน เวลาที่อยากได้ความมั่นใจ หรืออยากได้ลุคที่ดูเป็นทางการ ดูเข้มแข็ง น่าเชื่อถือ ก็มักจะทาลิปสติกสีแดง หรือสวมเสื้อผ้าสีแดง ทั้งนี้ สีแดงยังแสดงถึงความสง่างาม ความหรูหรา จากการใช้พรมสีแดงปูในงานเทศกาลสำคัญต่างๆ เช่น งาน Met Gala หรือเทศกาลหนังฮอลลีวู้ด เป็นต้น

• สีเขียว

สีเขียว เป็นสีที่แสดงถึงความเป็นธรรมชาติ เป็นสีที่มนุษย์คุ้นเคยมาตั้งแต่โบราณกาล ในเชิงจิตวิทยาสีกับความรู้สึก สีเขียวแสดงถึงความบริสุทธิ์ ความสุภาพ ความสดใหม่ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย มีชีวิตชีวา ทำให้มีคำแนะนำว่า ควรมองไปที่ต้นไม้ใบไม้สีเขียวในตอนเครียดๆ เพราะจะทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลายได้นั่นเอง สีเขียวให้ความรู้สึกถึงการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ความสมบูรณ์ และการเติบโตพัฒนา สังเกตได้จากแบรนด์กาแฟดังระดับโลกอย่าง Starbuck หรือแบรนด์กาแฟบ้านเรา Café Amazon ก็ใช้สีเขียวเป็นสีโลโก้แบรนด์เพราะให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา อุดมสมบูรณ์ และมีการเติบโต

• สีน้ำเงิน

สีน้ำเงิน เป็นคู่ตรงข้ามกับสีแดง สีน้ำเงินให้ความรู้สึกสงบ เยือกเย็น ผ่อนคลาย เพราะสีน้ำเงินเป็นสีของทะเล ท้องฟ้า เป็นสีที่มนุษย์เราคุ้นเคยมานานเช่นกัน นอกจากนี้ ยังให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือ จริงจัง มั่นคง สังเกตได้จากการใช้สีน้ำเงินบนโลโก้ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือยูนิฟอร์มทางการในหลายๆ องค์กรก็มักจะเป็นสีน้ำเงิน นอกจากนี้ สีน้ำเงินยังแสดงถึงความอบอุ่น เป็นกันเอง มีความจริงใจ มีความซื่อสัตย์ แต่ถ้าในความหมายเชิงลบ คำว่า “Blue” ในภาษาอังกฤษ สีน้ำเงินจะแสดงถึงความเศร้า ความหม่นหมอง ความหดหู่ได้ด้วยเช่นกัน

• สีเหลือง

นึกถึงสีเหลือง ใครต่อใครก็ต้องนึกถึงความสดใสอย่างแน่นอน นอกจากจะหมายถึงความสดใสแล้ว ตามหลักจิตวิทยาสีกับความรู้สึก สีเหลืองยังแสดงถึงความฉลาด การมีสติปัญญา มีความคิดสร้างสรรค์ มีไอเดียใหม่ๆ เป็นที่มาของรูปหลอดไฟสีเหลืองที่แสดงถึงการมีไอเดียปิ๊งๆ นั่นเอง และยังหมายถึงการมองโลกในแง่บวก การเริ่มต้นใหม่ ทั้งยังเชื่อมโยงกับความสุข ความสนุกสนาน ความร่าเริงเบิกบาน ความเป็นมิตร ลองนึกถึงภาพดอกไม้สีเหลืองอย่างทานตะวันดูสิ ทำให้เรารู้สึกสดใสขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหมคะ ? และสีเหลือง ยังแสดงถึงการมีเกียรติยศและมีความจงรักภักดีอีกด้วย

• สีส้ม

สีส้มเป็นส่วนผสมระหว่างสีเหลืองและสีแดง จึงให้ความรู้สึกถึงการมีพลัง การมองโลกในแง่ดี ให้ความรู้สึกสนุก หลุดออกจากกรอบ และยังแสดงถึงการแสดงออกอย่างมีอิสระด้วย ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกกระตือรือร้น มีความคิดสร้างสรรค์ มีความมุ่งมั่น มีพลังงาน มีแรงกระตุ้น ทำให้รู้สึกคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง มุ่งมั่นตั้งใจ ถ้าเปรียบเป็นบุคคล ก็เป็นคนที่มีพลังงานเยอะมาก มีความเป็น Extrovert (อ่านเพิ่มเติม Introvert Extrovert) มีความมั่นใจ รักอิสระ มีชีวิตชีวา ชวนให้เข้าหามากกว่าสีแดง แต่ก็รู้สึกมีพลังมากกว่าสีเหลืองนั่นเอง

• สีชมพู

ถ้าพูดถึงสีชมพู ส่วนใหญ่ก็จะรู้สึกถึงความหวานแหวว นุ่มนวลอ่อนโยน อ่อนหวาน ให้ความรู้สึกเยาว์วัย ไร้เดียงสา เป็นสีที่ให้ความรู้สึกถึงการมองโลกในแง่ดี แสดงถึงความหวัง ความอบอุ่น ความมีเมตตา ถ้าเป็นความรัก ก็เป็นความรักที่อ่อนหวาน ไม่เหมือนความรักร้อนแรงแบบสีแดง แสดงถึงความสวยงามงาม น่าทนุถนอม สังเกตได้จากสินค้าบริการต่างๆ ที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นผู้หญิงมักจะใช้สีโลโก้หรือสีของแพกเกจเป็นสีชมพูโดยส่วนใหญ่ หรือสินค้าเด็กที่มักจะเป็นสีชมพูอ่อนๆ เพราะแสดงถึงความนุ่มนวลอ่อนโยน เป็นต้น

• สีม่วง

ในเชิงจิตวิทยาสีกับความรู้สึก สีม่วง มักแสดงถึงความหรูหราเหนือระดับ เชื่อมโยงถึงความรุ่งโรจน์ ฐานันดรศักดิ์ ความมั่งคั่ง ความฟุ่มเฟือย ในสมัยก่อนผ้าคลุมกษัตรย์หรือเครื่องแต่งกายของขุนนางมักจะใช้สีม่วง เพราะเป็นสีที่หายากและมีราคาแพง ทั้งนี้ ยังเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ ความสูงส่ง ความทะเยอทะยาน เชื่อมโยงถึงปัญญา ความเฉลียวฉลาด ความเป็นอิสระเหนือกฎเกณฑ์ และยังมีความหมายในแง่ของความลึกลับ ศาสตร์แห่งเวทมนตร์ ความลี้ลับอะไรแบบนี้ด้วยค่ะ

[affegg id=4492]

จิตวิทยาสี มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจอย่างไร ?

ในตอนนี้เราก็รู้แล้วว่า สีแต่ละสีนั้นมีความหมายว่าอย่างไร ? และส่งผลต่อความคิด อารมณ์ ความรู้สึกอย่างไร การเลือกใช้สีให้เหมาะกับแบรนด์หรือธุรกิจของเรานั้น อันดับแรกจะต้องทราบก่อนว่า ธุรกิจของเรามีวัตถุประสงค์อะไร ต้องการสื่อสารอะไรไปยังลูกค้า หรือต้องการจะมอบประสบการณ์ด้านใดให้กับลูกค้า แล้วจึงเลือกใช้สีให้เหมาะสมกับประเภทสินค้าและบริการของธุรกิจ มาดูกันค่ะว่า การเลือกใช้สีที่ถูกต้อง ส่งผลดีต่อธุรกิจของเราอย่างไรบ้าง

1. สีที่ถูกต้อง แสดงถึงภาพลักษณ์และตัวตนของแบรนด์

อย่างที่รู้กันว่า แต่ละสีนั้นก็มีความหมายที่แตกต่างกันไป การเลือกใช้สีที่เหมาะสมกับแบรนด์ ก็จะเป็นการแสดงตัวตนหรือเอกลักษณ์ของแบรนด์ออกมาได้ เช่น การเลือกใช้สีส้มในแบรนด์เครื่องแต่งกายกีฬาเพราะให้ความรู้สึกมีพลังงาน แอคทีฟ ซึ่งสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ หรือใช้สีเขียวในกลุ่มสินค้าที่มาจากธรรมชาติ หรือสินค้าออร์แกนิก Eco – Friendly เช่น แบรนด์เมล็ดกาแฟ แบรนด์อาหาร แบรนด์เครื่องสำอางค์ออร์แกนิก เพราะให้ความรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เป็นต้น

2. สีที่ใช่ ดึงดูดลูกค้าได้ถูกกลุ่ม

การทำธุรกิจ สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ การตั้งกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มลูกค้าของเรา เราจะขายสินค้านี้ให้ใคร ? และการเลือกสีที่ใช่ ก็ดึงดูดลูกค้าได้ถูกกลุ่มมากขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นสินค้าเด็กเล็ก ก็ควรจะเลือกใช้สีโทนอ่อนหรือโทนพาสเทล เพราะแสดงถึงความนุ่มนวล อ่อนโยน แสดงถึงความเยาว์วัย และดึงดูดให้เหล่าแม่ๆ เข้ามาเยี่ยมชมหรือซื้อสินค้าเรามากขึ้น ซึ่งถ้าหากใช้สีที่ผิดหรือไม่เหมาะสม เช่น ใช้สีแดง สีดำ สีเทา หรือสีเข้มๆ ก็ชวนให้คิดว่าเป็นสินค้าที่เหมาะกับผู้ชายหรือเป็นสินค้าของผู้ใหญ่แทน และอาจทำให้สร้างความเข้าใจผิดให้กับลูกค้าได้ด้วย

3. การเลือกใช้สี สร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ของเราได้

สมองของเรานั้น มักจดจำอะไรที่เป็นภาพ หรือจดจำสีได้ดีกว่าชื่อหรือข้อความ ในบางคนอาจไม่สามารถจดจำชื่อแบรนด์ได้ แต่จดจำสีและรูปแบบโลโก้ของแบรนด์นั้นๆ ได้ ดังนั้น การเลือกใช้สีหรือเลือกใช้คู่สีที่เหมาะสม เช่น โทนสีที่ตัดกัน ก็จะทำให้ลูกค้าของเราจดจำแบรนด์ของเราได้มากขึ้น อาทิ จิตวิทยาสีของ McDonald’s ที่ใช้สีเหลืองกับสีแดง และเป็นธุรกิจประเภทอาหารฟาสต์ฟู้ด นอกจากคู่สีที่มีความโดดเด่นเห็นแต่ใกลแล้ว การเลือกใช้สีแดงที่แสดงถึงความรวดเร็ว มีพลังงาน สีเหลืองยังเป็นสีที่กระตุ้นความอยากอาหารของเราได้ด้วย ซึ่งการเลือกใช้สีที่ถูกต้อง เหมาะสมกับประเภทธุรกิจ และมีความโดดเด่นสะดุดตา ก็สามารถสร้างการจดจำให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

และนี่ก็เป็นความหมายของสีต่างๆ ในทางจิตวิทยาสีกับความรู้สึก ถ้ารู้แล้วว่าสีไหนหมายถึงอะไร ก็ลองสังเกตสีของโลโก้แบรนด์ต่างๆ ดูก็ได้ค่ะว่า สีของแบรนด์เชื่อมโยงกับสินค้าและบริการนั้นๆ หรือไม่ เป็นกิจกรรมสนุกทำเล่นๆ เพื่อที่จะได้เข้าใจจิตวิทยาของสีมากขึ้น หรือถ้าใครที่ทำธุรกิจ ก็อาจจะเอาแนวคิดความหมายของสีต่างๆ ไปปรับใช้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจในเชิงบวกได้ และถ้าใครชอบเรื่องของสี มีบทความเกี่ยวกับ สี ภาษาอังกฤษ ให้ไปอ่านต่อกันได้ด้วย !

[affegg id=4493]

Inspire Now ! : จิตวิทยาสีกับความรู้สึก ไม่ได้มีประโยชน์ในแง่ของการทำธุรกิจอย่างการเลือกสีโลโก้หรือสีของแบรนด์เท่านั้น ยังใช้สำหรับการออกแบบต่างๆ ตั้งแต่การออกแบบอาคารสถานที่ ออกแบบชิ้นงาน หรืออกแบบสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ต่างๆ ไปจนถึงออกแบบสินค้าชิ้นเล็กๆ อย่างเครื่องประดับ เพราะเพียงแค่มองเห็นสีต่างๆ ก็ส่งผลต่อารมณ์ ความรู้สึกของเราแล้ว ถ้าอยากให้ผู้รับสารเกิดความรู้สึกอย่างไร ก็ลองเลือกใช้สีที่เหมาะสมดูค่ะ

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าจิตวิทยาสี คืออะไร สีไหนหมายถึงอะไร เลือกใช้สีให้ถูกต้อง อาจทำให้ธุรกิจปังกว่าเดิมก็ได้นะ ใครมีเคล็ดลับเลือกสียังไง คอมเมนต์มาบอกกันได้นะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : louisem.com, colorpsychology.org, helpscout.com

Featured Image Credit : freepik.com