10 สิ่งที่เกี่ยวกับวันคริสต์มาส อะไรบ้างที่ต้องมีในเทศกาลนี้ ชวนดูที่มาให้สนุกกับ Christmas นี้มากกว่าเดิมกัน !

เทศกาลช่วงคริสต์มาส – ปีใหม่ อาจเป็นช่วงที่หลายๆ คนเฝ้ารอมาทั้งปี เพราะชอบบรรยากาศที่ถูกประดับประดาไปด้วยไฟหลากสีและของตกแต่งจุ๊กจิ๊กสวยงามน่ารักเต็มไปหมด แล้วก็มี Playlist รวมเพลงคริสต์มาสเปิดคลอตามห้างหรือร้านอาหารในทุกที่ บางคนก็ชอบที่จะได้แต่งบ้านด้วยต้นคริสต์มาส และสายรุ้งประดับต่างๆ สำหรับวันคริสต์มาสนั้น ในทางศาสนาคริสต์ถือว่าเป็นวันสำคัญทางศาสนาเลยก็ว่าได้ แต่สำหรับคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ก็สามารถสนุกและร่วมฉลองเทศกาลนี้ได้ เพราะเป็นเทศกาลแห่งการให้และการส่งต่อความสุข นอกจากซานตาคลอส แล้วก็ต้นคริสต์มาสแล้ว สิ่งที่เกี่ยวกับวันคริสต์มาส มีอะไรอีกบ้าง ? ในบทความนี้ จะขอชวนคุณไปรู้จักกับเทศกาลคริสต์มาสให้มากขึ้นกันค่ะ

10 สิ่งที่เกี่ยวกับวันคริสต์มาส อะไรบ้างที่ต้องมีในเทศกาลนี้ ?!

ไฟประดับ สายรุ้งสีสันสดใส ซานตาคลอส เพลงคริสต์มาส ต้นคริสต์มาส ของขวัญคริสต์มาส ให้แฟน ให้พ่อแม่พี่น้อง ให้เพื่อน ฯลฯ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ค่ะ มีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวันคริสต์มาสอีกมากมาย มีใครเคยสงสัยไหมว่า สิ่งต่างๆ นั้น มีที่มาที่ไปยังไง แล้วทำไมถึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์วันคริสต์มาสได้ ยังมีอะไรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวันคริสต์มาสอีกมั้ย ? ถ้าอยากรู้ก็ไปอ่านกันเลย !

1. ซานตาคลอส

ถ้าพูดถึงวันคริสต์มาส หลายๆ คนก็ต้องนึกถึงชายชราสวมชุดสีแดงร่างใหญ่ อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ แบกถุงของขวัญเตรียมไปแจกให้กับเด็กๆ ซึ่งซานตาคลอสที่สวมชุดสีแดงนี้ เป็นจินตนาการที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักบุญนิโคลัส ผู้มีตัวตนจริงๆ อยู่ในประวัติศาสตร์ นักบุญนิโคลัส เป็นบาทหลวงผู้มีจิตใจดีที่ชาวฮอลแลนด์ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก เพราะมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ชอบแบ่งปันอาหารและสิ่งของให้กับเด็กๆ อยู่เสมอ โดยชาวฮอลแลนด์จะเรียกนักบุญนิโคลัสว่า “ซินเตอร์คลาส” และเมื่อชาวฮอลแลนด์อพยพไปยังทวีปอเมริกา ก็ได้เอาวัฒนธรรมและความเชื่อนี้ไปเผยแพร่ด้วย และอาจเป็นเหตุผลที่เรียกชื่อ “ซินเตอร์คลาส” เพี้ยนเป็น “ซานตาคลอส” และเรียกกันจนถึงทุกวันนี้

2. ถุงเท้าหน้าเตาผิง

สืบเนื่องจากประวัติของซานตาคลอสที่มีความเชื่อว่า ซานต้าจะนำของขวัญมาใส่ในถุงเท้าที่เราห้อยเอาไว้หน้าเตาผิง ซึ่งธรรมเนียมการแขวนถุงเท้าไว้ที่หน้าเตาผิงนี้ มาจากเรื่องเล่าที่ว่า นักบุญนิโคลัสต้องการจะช่วยหญิงสาวสามพี่น้องให้หลุดพ้นจากความยากลำบาก และไม่ต้องถูกขายเป็นทาส จึงให้เหรียญทองแก่ทั้งสามโดยการหย่อนลงไปในปล่องไฟ และบังเอิญว่าเหรียญทองนั้นก็ตกลงไปในถุงเท้าที่อยู่หน้าเตาผิงพอดี เมื่อสามพี่น้องตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและพบว่ามีทองอยู่ในถุงเท้าก็พากันดีใจ เพราะไม่ต้องถูกขายเป็นทาสแล้ว จึงเป็นที่มาของการแขวนถุงเท้าไว้ใกล้เตาผิงในช่วงวันคริสต์มาส เพื่อเป็นการเรียกความโชคดีให้กับตัวเองในช่วงเทศกาลนี้ค่ะ

[affegg id=4593]

3. กวางเรนเดียร์

ถ้ามีซานตาคลอสแล้ว ก็ต้องมีกวางเรนเดียร์ที่เป็นสัตว์คู่ใจช่วยลากรถเลื่อนของคุณลุงซานต้า พาไปแจกของขวัญให้กับเด็กๆ ทั่วโลก โดยจะใช้กวางเรนเดียร์ทั้ง 9 ตัว มีชื่อว่า Dasher, Dancer, Prancer, Vixen, Comet, Cupid, Donder, Blitzen และ Rudolph ซึ่งเจ้ารูดอร์ฟนั้น เป็นกวางที่มีจมูกสีแดง มีนิทานเล่าว่า กวางน้อยตัวนี้มีจมูกสีแดงติดตัวมาตั้งแต่เกิด ซึ่งแปลกประหลาดไม่เหมือนกวางพี่น้องตัวอื่นๆ ทำให้ถูกล้อเลียนอยู่เสมอ แต่แล้ววันหนึ่งในคืนคริสต์มาสอีฟ มีหมอกหนาลงจัดในระหว่างที่กำลังเดินทางแจกของขวัญอยู่ ทำให้คุณลุงซานต้าไม่สามารเดินทางไปแจกของขวัญให้กับเด็กๆ ต่อได้ แต่ทันทีที่คุณลุงซานต้าเห็นจมูกสีแดงสดใสของเจ้ากวางรูดอร์ฟ ก็ได้ให้เจ้ากวางเป็นกวางตัวหน้าสุดเพื่อนำทางรถลากเลื่อน และจมูกสีแดงของรูดอร์ฟก็ทำหน้าที่ส่องนำทางท่ามกลางหมอกลงหนาจัด ทำให้ซานตาคลอสไปส่งของขวัญทัน และกวางน้อยรูดอร์ฟก็กลายมาเป็นขวัญใจของซานตาคลอสและเพื่อนๆ กวางตัวอื่นๆ มาตั้งแต่ตอนนั้น

4. ต้นคริสต์มาส

ต้นคริสต์มาสที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ ในสมัยโบราณนั้น เป็นสิ่งที่แสดงถึงต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอดัมและเอวาได้ไปหยิบผลไม้มากิน อันเป็นการละเมิดกฎของพระเจ้า ทำให้ถูกเนรเทศมายังโลกมนุษย์ ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์ได้นำเอาต้นสนมาประกอบฉากเพื่อแสดงละครเวทีเล่าเรื่องราวของอดัมกับเอวา สาเหตุที่ใช้ต้นสนก็เพราะเป็นต้นไม้ที่หาได้ง่ายในยุคนั้น ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงประเพณีวัฒนธรรมโดยการนำเอาต้นสนเข้ามาประดับในบ้านของตัวเอง และนำเอาของประดับตกแต่งต่างๆ เช่น ลูกแอปเปิ้ล ขนม และไฟประดับมาตกแต่งต้นสน พร้อมกับวางของขวัญไว้ใต้ต้นไม้ แล้วก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์วันคริสต์มาสที่เราเห็นกันในทุกวันนี้ นอกจากนี้ ในความเชื่อของศาสนาคริสต์ ต้นสนสีเขียวสดยังหมายถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า ความสว่างของพระองค์ ความชื่นชมยินดี และความสามัคคี จึงทำให้แต่ละบ้านมีการประดับประดาตกแต่งต้นสนในทุกๆ ปี

5. ช่อ Mistletoe

สิ่งที่เกี่ยวกับวันคริสต์มาสอย่างหนึ่งก็คือ ช่อ Mistletoe เราจะเห็นตามร้านรวงต่างๆ หรือตามประตูบ้านในช่วงคริสต์มาสจะถูกประดับด้วยช่อ Mistletoe และยังรู้จักเจ้าช่อนี้จากเพลง Mistletoe ของ Justin Bieber ที่จะต้องเปิดช่วงเทศกาลในทุกๆ ปี ตามธรรมเนียมของชาวตะวันตกแล้ว ถ้าคนสองคนบังเอิญยืนอยู่ใต้ช่อ Mistletoe ด้วยกัน ฝ่ายหนึ่งจะสามารถขอจูบอีกฝ่ายได้ และความรักก็จะยืนยาว และถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมให้จูบก็จะเกิดโชคร้าย ทั้งนี้ ถ้าหากจูบแล้วก็ต้องเด็ดผลแดงๆ ที่ช่อนั้นออกมาด้วย และถ้าหากช่อ Mistletoe ไม่เหลือผลแล้วก็แสดงว่าช่อ Mistletoe นั้นหมดพลัง ไม่ต้องขอจูบกันตามธรรมเนียม ซึ่งความเชื่อนี้ มาจากชาวกรีกที่เชื่อว่า Mistletoe เป็นยาที่ช่วยในการเจริญพันธุ์และทำให้มีชีวิตเป็นนิรันดร์ และปัจจุบันก็มีความเชื่อว่า การแขวนพุ่ม Mistletoe ไว้หน้าบ้านในช่วงเทศกาลคริสต์มาสจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและนำพาความสุขความโชคดีมาให้ จึงนิยมแขวนไว้หน้าบ้านหรือหน้าร้านรวงต่างๆ ค่ะ

6. ต้น Holly

ต้นฮอลลี่ ก็เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์วันคริสต์มาส และมักจะนำช่อของต้นฮอลลี่มาประดับประดาบนของขวัญ หรือนำต้นฮอลลี่มาวางประดับบนโต๊ะอาหาร ซึ่งต้นฮอลลี่นั้น เป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับพระเยซู บุตรของพระผู้เป็นเจ้า ศาสดาของศาสนาคริสต์ โดยสีเขียวของต้นฮอลลี่นั้นเป็นสิ่งที่แสดงถึงการมีชีวิตนิรันดร์ และสีแดงของผลฮอลลี่แสดงถึงหยดเลือดของพระเยซูที่ไหลรินบนไม้กางเขน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเสียสละที่พระองค์ทรงไถ่บาปแทนมนุษย์และแสดงถึงหัวใจที่ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า และใบไม้ที่มีหนามนั้นก็เป็นสิ่งเตือนใจที่แสดงถึงมงกุฎหนามที่อยู่บนศีรษะของพระเยซูคริสต์นั่นเองค่ะ

[affegg id=4594]

7. Mulled Wine

Mulled Wine หรือไวน์อุ่น เรียกอีกชื่อว่า Spiced wine ก็เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับวันคริสต์มาสอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เมนูคริสต์มาสที่ให้ความอบอุ่นในช่วงอากาศหนาวๆ จะมีขายทั่วไปตามตลาดคริสต์มาส หรือ Christmas Market ที่จะจัดขึ้นในทุกๆปี ในหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส โปแลนด์ เบลเยี่ยม และประเทศอื่นๆ ทางฝั่งยุโรป โดยจะนำไวน์แดงไปต้มกับน้ำตาลและเครื่องเทศต่างๆ อย่างอบเชย ขิง ข่า กานพลู ลูกจันทน์เทศ พริกไทย ใบกระวาน โรสแมรี่ เปลือกส้ม ฝักวนิลา และอื่นๆ ตามสูตรของแต่ละท้องที่ ในสมัยก่อนนั้น Mulled Wine ถูกจัดว่าเป็นเครื่องดื่มชั้นเลิศของขุนนางชั้นสูง และเป็นที่นิยมของเหล่าบรรดาขุนนางเป็นอย่างมาก เมื่อทำการต้มแล้วก็จะส่งกลิ่นหอมไปทั่ว และด้วยความหอมนี้เอง ทำให้ชาวบ้านอยากลองทำไวน์อุ่นกันบ้าง โดยนำไวน์ที่เหลือจากการขายหรือเป็นไวน์ที่เสื่อมคุณภาพแล้วมาต้มผสมกับเครื่องเทศต่างๆ จนได้รสที่อร่อยและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และกลายเป็นเครื่องดื่มประจำเทศกาลเลยก็ว่าได้

8. Nutcracker

ตุ๊กตานัทแครกเกอร์ก็เป็นอีกสิ่งที่เกี่ยวกับวันคริสต์มาส เป็นตุ๊กตาไม้ที่มีลักษณะเหมือนทหาร และคนนิยมนำมาเป็นของแต่งบ้าน โดยนิยมวางบนเตาผิง วางบนชั้นวางของ หรือเป็นตุ๊กตาห้อยประดับต้นคริสต์มาส ตุ๊กตานัทแครกเกอร์ มีที่มาจากประเทศเยอรมนี ตามตำนานเยอรมันกล่าวไว้ว่า ตุ๊กตานัทแครกเกอร์เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี และจะนำโชคลาภมาให้กับครอบครัว และปกป้องบ้านจากภูติผีปีศาจ ความเชื่อนี้เริ่มต้นมาจากนักประพันธ์ชาวเยอรมันที่ชื่อ W.T.A. Hoffmann ซึ่งได้เขียนนิยายเรื่อง The Nutcracker and the Mouse King มีเนื้อหาเกี่ยวกับตุ๊กตานัทแครกเกอร์ที่มีชีวิตและได้ต่อสู้กับราชาหนู และนิยายเรื่องนี้ก็เป็นต้นแบบของการแสดงบัลเลต์ “Nutcracker Suite” ที่ถูกประพันธ์ดนตรีโดยคีตกวีคลาสสิก ไชคอฟสกี และโด่งดังไปทั่วโลก ทำให้มีคนรู้จักตุ๊กตานัทแครกเกอร์กันมากขึ้น และกลายมาเป็นของเล่น ของแต่งบ้านช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ค่ะ

9. Gingerbread House

ขนมปังขิง ก็เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์วันคริสต์มาส โดยเฉพาะขนมปังขิงรูปบ้านขนมหวานรูปลักษณ์สวยงาม รสชาติดี มีกลิ่นหอมของขิงอ่อนๆ ทำจากแป้ง น้ำตาลทรายแดง น้ำผึ้ง บางสูตรก็ใส่เครื่องเทศหลากหลาย ทั้งอบเชย การพลู ลูกจันทน์เทศ แต่งหน้าด้วยน้ำตาลไอซิ่ง เหมาะกับการเป็นขนมหวานในช่วงหน้าหนาว โดยหลายๆ ครอบครัวมีธรรมเนียมที่จะต้องช่วยกันทำขนมปังขิงรูปบ้านเพื่อทำเป็นของหวานหลังมื้ออาหารในวันคริสต์มาสอีฟ โดยธรรมเนียมการทำบ้านขนมปังขิงเพื่อรับประทานในช่วงคริสต์มาสนั้นเกิดขึ้นในประเทศเยอรมนีเมื่อราวๆ ปี 1800 ซึ่งบ้านขนมปังขิงนั้นได้ไอเดียมาจากบ้านขนมหวานในนิทานเรื่อง Hansel and Gretal เทพนิยายชื่อดังของประเทศเยอรมนี และหลังจากนั้น วัฒนธรรมบ้านขนมปังก็ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก

10. Candy Canes

ขนมลูกกวาดสีแดงสลับขาวแบบนี้ เราจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น ลูกกวาด Candy Canes เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “Candy Crook” ซึ่งรูปทรงที่คล้ายๆ ไม้เท้านี้ มีต้นแบบมาจากไม้เท้าต้อนแกะของคนเลี้ยงแกะที่มาเยี่ยมพระเยซูคริสต์ในวันประสูติ ในสมัยนั้น ไม้เท้าของคนเลี้ยงแกะจะมีลักษณะโค้งงอเพื่อใช้สำหรับเกี่ยวคอแกะและป้อนน้ำป้อนอาหารให้แกะเหล่านั้น และได้มีการดัดแปลงมาเป็นลูกกวาดหลากสี ทั้งสีเขียวสลับสีแดง หรือที่เห็นบ่อยก็คือสีขาวและสีแดง เอาไว้สำหรับแจกเด็กๆ หรือเอาใส่ในเครื่องดื่มร้อนเพื่อเพิ่มรสหวานมากขึ้นก็ได้ค่ะ

[affegg id=4595]

Inspire Now ! : ถ้าเราได้รู้ความหมายของสิ่งที่เกี่ยวกับวันคริสต์มาส ก็จะทำให้เรารู้สึกอินและได้ดื่มด่ำกับเทศกาลมากขึ้น เพราะสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวันคริสต์มาสนั้น ก็เป็นสิ่งที่แสดงถึงการส่งต่อความสุข แสดงถึงการเฉลิมฉลอง ซึ่งเป็นหัวใจของเทศกาลนี้อย่างแท้จริง เวลามองไปยังของประดับตกแต่งต่างๆ รอบๆ ตัวที่มีอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ก็จะได้รู้ถึงที่ไปที่มาของสิ่งของเหล่านี้ และก็เป็นเกร็ดความรู้เชิงตำนานประวัติศาสตร์เล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้คริสต์มาสของเรามีดีเทลมากขึ้น และทำให้สนุกกับการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลได้มากขึ้นค่ะ

DIY INSPIRE NOW คือแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? รู้ความหมายเกี่ยวสัญลักษณ์และสิ่งที่เกี่ยวกับวันคริสต์มาสมากขึ้นแล้ว ก็จะได้สนุกกับเทศกาลมากขึ้น และทำให้คริสต์มาสของเรามีความหมายมากขึ้นนะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : history.com, lib.ru.ac.th, theconversation.com, churchofjesuschrist.org, thespruce.com

Featured Image Credit : vecteezy.com/ptachapanit76802