NEWS : Signify เปิดตัว ไฟอัจฉริยะ แบรนด์ “WiZ” รองรับทุกฟังก์ชั่นการใช้งานให้ทุกบ้านสมาร์ทขึ้น !
เปลี่ยนบ้านเดิมให้สมาร์ทขึ้นได้ด้วย ด้วยเทคโนโลยีระบบไฟอัจฉริยะจาก Wiz ตัวช่วยแสนสะดวก ติดตั้งง่าย ใช้งานไม่ยาก ให้คุณใช้ชีวิตสบายได้มากกว่าที่เคย
วัฒนธรรมชงชาในญี่ปุ่นมีมาอย่างยาวนาน เรียกกันว่า ซาโด (茶道) หรือ ชะโนะยุ (茶の湯) นิยมกันในวงสังคมชั้นสูงตั้งแต่ช่วงประมาณศตวรรษที่ 14 ว่ากันว่า พิธีชงชาของญี่ปุ่นนั้นมีความนุ่มลึก ปราณีต สงบ เรียบง่าย และสง่างาม ใครที่ยังไม่คุ้นชินกับพิธีชงชาของญี่ปุ่นมาก่อน หนังสือเรื่อง “ทุกวันเป็นวันที่ดี ความสุข 15 ประการที่การชงชาสอนฉัน” จะช่วยเปิดโลกและเปิดประสาทสัมผัสของการชงชาได้เป็นอย่างดี พิธีชงชามีอะไรที่มากกว่าชามัทฉะสีเขียวเข้มรสชาติลุ่มลึก มีอะไรซ่อนอยู่ภายในถ้วยชาเซรามิกหอมกรุ่น หนังสือเล่มนี้จะบอกกับเราเอง
ถ้าใครหลงใหลในวัฒนธรรมอันรุ่มรวยและลุ่มลึกของญี่ปุ่น หนังสือเล่มนี้น่าจะเข้าตาได้ไม่ยาก อย่างน้อยก็ดึงดูดให้หยิบขึ้นมาอ่านหลังปก “ทุกวันเป็นวันที่ดี” เป็นหนังสือน่าอ่าน ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิต รวบรวมแง่คิดชีวิตที่โมริชิตะ โนริโกะ (ผู้เขียน) ได้เรียนรู้จากการเรียนชงชามานานกว่า 25 ปี จุดเริ่มต้นการเรียนชงชามาจากการที่โนริโกะอยู่ในช่วงสับสนและกำลังค้นหาตัวเองในระหว่างที่ยังเป็นนักศึกษา คาบเกี่ยวในช่วงที่เธอกำลังมองหาสิ่งที่อยากทำจริงๆ หลังเรียนจบ โนริโกะได้ไปลองเรียนชงชาตามคำแนะนำของแม่ แม้ว่าตอนแรกเธอเองจะไม่ได้สนใจนักก็ตาม
แน่นอนว่าการชงชาเต็มไปด้วยพิธีรีตรองสุดเคร่งครัด คุณป้าทาเคดะ อาจารย์ผู้สอนชงชาบอกแค่ว่าให้ทำตามทุกขั้นตอนอย่างละเอียด บางอย่างโนริโกะคิดว่าไม่มีเหตุผลเลยที่จะทำแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้คำตอบในสิ่งที่ตนเองสงสัยในทันที นั่นทำให้เธอต่อต้านการชงชาอยู่ลึกๆ แต่เมื่อเรียนชงชาไปเรื่อยๆ เธอกลับพบว่า คำตอบของปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต กลับซ่อนอยู่ในพิธีชงชานั่นเอง
“ถ้าอยากพบใคร ต้องไปพบให้ได้
ถ้ามีคนที่ชอบอยู่ ต้องบอกให้รู้ว่าชอบ
เมื่อดอกไม้บาน จงเฉลิมฉลอง
เมื่อรู้สึกรัก จงรักให้หมดใจ และเมื่อสุขใจ ให้แบ่งปัน
ในเวลาที่มีความสุข จงโอบกอดความสุขนั้นไว้
และดื่มด่ำกับมันให้เต็มร้อย บางทีนี่อาจเป็นเพียงหนทางเดียวที่คนเราจะทำได้”
เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบ เราจึงรู้ได้ว่า “ทุกวันเป็นวันที่ดี” เป็นหนังสือที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ละมุน ซาบซึ้ง และงดงาม ในขณะเดียวกันก็ลุ่มลึกเช่นเดียวกับรสชาติของชาเขียวหอมกรุ่นที่มีความขมปร่าอยู่ในที คล้ายกับสะท้อนชีวิตของมนุษย์เราทุกคนว่ามีรสชาติหวานขมปะปนกันไป แต่โดยรวมแล้วกลมกล่อมและยังคงมีความหอมอบอวล มีเสน่ห์ มีความงดงาม และมีคุณค่าเช่นเดียวกับชาเขียวมัทฉะที่ผ่านการชงอย่างพิถีพิถัน เป็นหนังสือน่าอ่าน ให้ข้อคิดที่อ่านง่าย เข้าใจได้ไม่ยาก สอดแทรกข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการเรียนชงชาตลอดทั้งเล่ม ซึ่งไม่ได้ทำให้เกิดความน่าเบื่อแต่อย่างใด กลับกัน ยังช่วยให้เราเข้าใจขีวิตมากขึ้นผ่านประสบการณ์การเรียนชงชาของโนริโกะ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ คล้ายกับว่าเราอยู่ในห้องเรียนชงชากับเธออย่างไรอย่างนั้น ในหนังสือมีอยู่ทั้งหมด 15 บท 15 ข้อคิดที่ได้จากการเรียนชงชา แต่เราคงหยิบยกมาเล่าได้ไม่หมด เลยขอพูดถึงข้อคิดที่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจเรา ตามนี้
Organic Ceremonial grade Matcha USDA ออร์แกนิค ขนาด 50 กรัม – จากเมืองนิชิโอะ ประเทศญี่ปุ่น
เมื่อโนริโกะเรียนชงชาผ่านไปได้ 6 เดือน เธอก็พบว่า รูปแบบและวิธีการชงชาที่ฝึกอย่างหนักมาตลอด 6 เดือนนั้น เป็น “การชงชาของฤดูร้อน” และเมื่อเข้าสู่การเปลี่ยนฤดูกาลใหม่ จะใช้ “วิธีการชงชาของฤดูหนาว” ซึ่งมีระเบียบแบบแผนการชงชาและการใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมสิ้นเชิง ในตอนแรกเธอไม่เข้าใจและนึกค่อนขอดอยู่ในใจว่า ทำไมไม่ให้ทำแบบเดิมไปตลอด การเรียนชงชาของฤดูหนาวนั่นผ่านไปอย่างทุลักทุเลเพราะเธอสับสนงุนงงกับวิธีการที่ไม่เหมือนเดิม ยังไม่ทันจะชำนาญดี ฤดูร้อนก็มาเยือนอีกครั้ง ซึ่งโนริโกะต้องกลับไปเรียนชงชาของฤดูร้อนอีกครั้งโดยที่เธอรู้สึกว่า สิ่งที่เรียนมานั้นสูญเปล่าโดยทั้งหมด แต่อาจารย์ผู้สอนชงชาไม่ยอมให้เธออยู่กับที่ และไม่อนุญาตให้เธอยึดติดกับอดีตที่ล่วงเลยไปแล้ว “เอาล่ะ ปรับอารมณ์ซะนะ จงทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตัวเองตอนนี้ รวบรวมความรู้สึกอยู่กับ ปัจจุบัน” อาจารย์บอกกับโนริโกะแบบนั้น
สิ่งที่จะมาคู่กับชาหอมกรุ่นก็คือ ขนมญี่ปุ่น ที่มักจะใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ตามฤดูกาลนั้นๆ เอามาทำเป็นขนมกินกับชา นอกจากจะใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ตามฤดูกาลแล้ว ขนมบางชนิดก็ทำเป็นรูปร่างต่างๆ ตามสิ่งที่โดดเด่นในช่วงฤดูกาลนั้นๆ ด้วย เช่น ขนมถั่วกวนที่ทำเป็นรูปดอกซากุระและจะเสิร์ฟในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งตรงกับเทศกาลดอกซากุระบานพอดิบพอดี หรือจะเป็นขนมระคุกังที่มีรูปทรงคล้ายกับหิมะขาวบางเบา เสิร์ฟในเดือนมกราคมที่มีอากาศหนาวเย็นและเป็นช่วงหิมะตกพอดี แม้กระทั่งดอกไม้ญี่ปุ่นและภาพแขวนที่ตกแต่งห้องเรียนชงชาก็อิงกับฤดูกาลในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งทำให้เรามองเห็นและชื่นชมในคุณค่าของสิ่งที่มีและสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ช่วงเวลานั้นมากขึ้น แล้วเราจะรู้ว่า ในทุกๆ ช่วงเวลา มีความงดงามซ่อนอยู่ แม้ในวันที่หนาวเหน็บหรือวันที่ฝนตกหนักก็ตาม เพราะ “ทุกวันเป็นวันที่ดี” เสมอ
หนังสือ “เพราะทุกวันเป็นวันที่ดี” บอกกับเราว่า บางครั้งชีวิตของคนเราก็คล้ายกับการเปลี่ยนผันของฤดูกาล วันดีคืนดีก็เจอกับพายุฝนโหมกระหน่ำ เปียกปอนสะบักสะบอม บางครั้งก็คล้ายกับการติดอยู่ในวังวนของพายุหิมะ เปลี่ยวเหงา เศร้าและหนาวเหน็บ และอาจเป็นฤดูหนาวที่ทุกข์ทรมานที่สุดในชีวิต ซึ่งเราก็ได้แต่หวังเอาไว้ลึกๆ ว่า เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิ อากาศก็จะอุ่นขึ้น แสงแดดก็คงสว่างแจ่มใส และเมื่อถึงคราวฤดูร้อน เราก็อาจจะกลับมาสดใสและสดชื่นได้ดังเดิม ในบางครั้งบางที ชีวิตของคนเราก็คล้ายกับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า แม้ฤดูหนาวจะหนาวเหน็บจนทรมานสักแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็จะถึงวันที่ฤดูหนาวสิ้นสุดลง และฤดูใบไม้ผลิอันสดชื่นแจ่มใสก็จะมาเยือนอีกครั้ง
ห้องเรียนชงชานั้น มักจะเลือกของตกแต่งและองค์ประกอบต่างๆ ให้เข้ากับฤดูกาลและช่วงเวลานั้นๆ อยู่เสมอ อย่างในช่วงฤดูฝน ก็มีภาพแขวนที่เขียนเอาไว้ว่า “ฟังเสียงฝน” ในวันนั้น มีฝนตกหนักมากจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงฝนตกซ่าดังกระหึ่ม แต่โนริโกะหลับรู้สึกว่าตนเองเป็นอิสระ เพียงแค่ตั้งใจฟังเสียงฝนพรำและเปิดประสาทการได้ยินอย่างเต็มที่ ไม่มีความเครียดเกิดขึ้น ไม่มีความกังวลอยู่ในใจ ไม่มีสิ่งใดอยู่ในความคิดของเธอเลย นอกจากเสียงของฝนพรำ “ในวันที่ฝนตก ให้ฟังเสียงฝน จงอยู่ที่นี่ทั้งกายและใจ ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเธอดื่มด่ำกับปัจจุบันขณะให้เต็มที่ หากทำเช่นนั้นแล้วย่อมรู้ได้ว่า หนทางที่จะเป็นอิสระนั้นอยู่ที่นี่ เวลานี้ เสมอมา” ไม่ว่าจะต้องเจอกับวันแบบไหน เราก็มีความสุขได้ เพราะทุกวันเป็นวันที่ดีนั่นเองค่ะ
นี่เป็นเพียงบางส่วนของหนังสือที่เราชอบและอยากจะพูดถึงเท่านั้น ยังมีเรื่องราวอื่นๆ ในหลายๆ บทที่เชื่อว่าจะให้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือ ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการชงชาของญี่ปุ่นไปตลอดทั้งเล่ม ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งว่า เพราะเหตุใดกัน วัฒนธรรมและพิธีการชงชาจึงอยู่คู่กับชาวญี่ปุ่นมานานแสนนาน และอาจเรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของรากปรัชญาญี่ปุ่นที่ว่าด้วยความสุนทรีย์ในความเรียบง่าย เป็นการรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติด้วยจิตใจที่นิ่งสงบและบริสุทธิ์ นอกจากนี้ ยังเกี่ยวข้องกับปรัชญาญี่ปุ่นอื่นๆ อย่างคินสิงิ อีกด้วย เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้ จะสร้างความสนุกเพลิดเพลิน และสร้างความประทับใจ ให้ความอิ่มใจกับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อยค่ะ
Inspire Now ! : หนังสือเรื่อง “เพราะทุกวันเป็นวันที่ดี” เหมาะกับทั้งการเอามาอ่านเอง หรือมอบให้เป็นของขวัญกับคนที่เรารักก็ได้เช่นกัน อย่างน้อยถ้าเรามีความหลงใหลและชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างพิธีชงชา หรือชื่นชมในความงดงามตามวิถีญี่ปุ่น เชื่อว่าจะต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ได้สนุกอย่างแน่นอน เป็นหนึ่งในหนังสือน่าอ่าน ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นความงดงามเล็กๆ น้อยๆ ที่มีอยู่ในชีวิตของตัวเองได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ดื่มด่ำกับความสุขในชีวิตได้ง่ายขึ้น และตระหนักได้ว่าชีวิตของเรานั้น มีความหมายและมีคุณค่ามากมายเพียงใด |
---|
DIY INSPIRE NOW คือแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือดีๆ อีกเล่มหนึ่งที่เราอยากแนะนำมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะคนที่ชอบพิธีชงชาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น รับรองว่าอ่านสนุกแน่นอน ใครอ่านแล้วชอบบทไหน มาคอมเมนต์บอกกันได้นะคะ ♡
เปลี่ยนบ้านเดิมให้สมาร์ทขึ้นได้ด้วย ด้วยเทคโนโลยีระบบไฟอัจฉริยะจาก Wiz ตัวช่วยแสนสะดวก ติดตั้งง่าย ใช้งานไม่ยาก ให้คุณใช้ชีวิตสบายได้มากกว่าที่เคย
Disney+ Hotstar จัดงาน Valentry เทศกาลลองรัก ชวนคนโสดหาคนรู้ใจพร้อมทดลองดูซีรี่ย์เฉพาะตอน Love At First Screen ฟรี 45 เรื่อง จนถึง 31 มีนาคม 2025
อยากให้ของขวัญ อยากสื่อสารความรู้สึกในเทศกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวาเลนไทน์ แสดงความยินดีในโอกาสใดๆ ก็ตาม ลองดู ดอกไม้สื่อความหมาย แล้วเลือกไปสื่อสารกัน