เทคโนโลยี ai คือ, เทคโนโลยี ai มีอะไรบ้าง

เทคโนโลยี AI คืออะไร ? จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ได้จริงไหม ? ชวนมารู้จักและทำความเข้าใจไปกับ อ.ดร.พลอย จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

GUEST : ผศ.ดร. วรประภา นาควัชระ (อ.ดร.พลอย) อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คอลัมน์ “คนบันดาลใจ” ประจำเดือน มีนาคมนี้ อยากชวนสาวๆ มาทำความรู้จักกับคำว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) ไปกับ อ.ดร.พลอย ที่มีความรู้อัดแน่นทั้งในแง่ของเทคโนโลยี และการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน รับรองว่าจะเป็นแง่มุมใหม่ๆ ที่ชวนรู้ และน่าสนใจเกี่ยวกับ เทคโนโลยี AI คืออะไร ที่ทุกคนสามารถเอาไปปรับใช้กับการทำงาน หรีอการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างแน่นอน แต่ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จัก อ.ดร.พลอยกันดีกว่าค่ะ

เทคโนโลยี ai คืออะไร, เทคโนโลยี_ai_มีอะไรบ้าง
ยาวไป ? เลือกอ่านได้นะ !

อยากให้อาจารย์แนะนำตัวให้รู้จักว่าปัจจุบันทำอะไรอยู่ และเกี่ยวข้องกับ AI ในแง่มุมไหนบ้างคะ ?

“ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ สอนที่นี่มาประมาณ 6 ปี เริ่มตั้งแต่ปลายปี 2015 ก่อนนั้นเคยทำงานในภาคธุรกิจมาก่อน แต่ Background อาจารย์เรียนจบปริญญาตรีมาทางด้าน Computer Engineering จากจุฬาฯ แล้วก็ไปเรียนต่อปริญญา โท-เอก ทางด้านเศรษฐศาสตร์ เพราะฉะนั้นความสนใจก็จะเป็นเรื่อง Digital Technology  พอได้มาสอนที่จุฬาฯ ก็เลยได้มาเปิดสอนทางด้าน Digital & Innovative Economy ที่คณะเศรษฐศาสตร์ ซึ่งในเนื้อหาก็จะเกี่ยวข้องกับว่าเทคโนโลยีเนี่ยมันเปลี่ยนวิธีคิดทางเศรษฐศาสตร์ยังไงหรือมีผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจ หรือชีวิตประจำวันยังไง  และ 1 ในเทคโนโลยีที่ให้ความสำคัญ ก็เป็นเรื่องของ AI ที่มีผลกับภาคธุรกิจ ระบบเศรษฐกิจ และชีวิตประจำวันของเรายังไง”

เทคโนโลยี ai คืออะไร, เทคโนโลยี_ai_มีอะไรบ้าง

และอาจารย์ก็เล่าให้ฟังอีกว่า “ย้อนไปตั้งแต่สมัยนั้นที่เลือกเรียน Computer Engineering  เพราะเป็นยุคที่ Internet กำลังดัง เป็นที่สนใจ เป็นยุค 90 ที่ Internet กำลัง Commercialize ก็เลยสนใจว่าเทคโนโลยีมันทำอะไรได้บ้าง จึงเลือกเอ็นทรานซ์สาขา Computer Engineering  อันดับ 1 ที่จุฬาฯ แล้วก็ติด พอได้เข้ามาเรียนก็สนใจมากขึ้น และดีใจที่มีพื้นฐานตรงนั้น แต่พอเรียนมาอีกระยะนึงก็มี Financial Crisis ของประเทศไทย นั่นคือ วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ช่วงนั้นก็เลยเปลี่ยนความสนใจไปว่าระบบเศรษฐกิจก็มีความสำคัญกับชีวิต และประเทศชาติมาก ก็เลยเริ่มหันมาศึกษาทางนี้ จึงเลือกเรียนต่อปริญญาโท-เอก ทางด้านเศรษฐศาสตร์ แต่ก็ยังมีความสนใจทั้ง 2 อย่างอยู่ควบคู่กันไป ทั้ง Computer Engineering  ที่ยังสนใจ แต่ว่าอาจจะไม่ใช่ในลักษณะของการเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่จะพัฒนาโปรแกรมอะไรขึ้นมา แต่ว่าสนใจในแง่ของเทคโนโลยีว่ามันมีประโยชน์ยังไงหรือว่าใช้กับระบบเศรษฐกิจยังไง พอได้เรียนทั้ง 2 ด้าน ก็เห็นว่าทุกอย่างมันก็มีข้อได้เปรียบและเสียเปรียบ” ซึ่งอาจารย์ก็เปรียบเทียบให้ฟังว่า “มันเหมือนลูกครึ่งค่ะ เช่น ลูกครึ่งฝรั่งกับไทย คือ พูดภาษาอังกฤษก็ได้ พูดภาษาไทยก็ได้ แต่ว่าเวลาอยู่เมืองไทย ก็อาจจะไม่ได้เป็นคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์ ไปอยู่อเมริกาก็ไม่ได้เป็นอเมริกัน 100 เปอร์เซ็นต์ อันนี้ก็เหมือนกันคะ ข้อดีที่เราเอามาผสมผสานกัน เราเห็นสิ่งที่มันเชื่อมโยงกันได้ จนเราสามารถเปิดวิชาใหม่ตรงนี้มาได้ เพราะว่าเรามี Skill สองเรื่องนี้ คือ เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ในระดับนึงมากพอ แล้วก็เข้าใจ Computer Engineering  ที่มากในระดับนึงเช่นกัน แต่มันก็มีข้อด้อยนิดหน่อย ตรงที่เราไม่ได้เรียนปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ โดยตรง รอยต่อความรู้มันก็หายไปนิดนึง หรือว่าการที่เราไม่ได้ต่อ โท-เอก Computer Engineering  เราก็คงไม่ได้มี Skill เชิงลึกเหมือนกับอาจารย์ทางด้านวิศวะ คอมฯ โดยตรง แต่มันมีข้อดีของมันอยู่  และเราก็ Appreciate ข้อดีตรงนี้ ซึ่งมันเป็น Benefits ต่อการทำงานในตอนนี้ค่ะ”

เทคโนโลยี ai คืออะไร, เทคโนโลยี_ai_มีอะไรบ้าง

อยากให้อาจารย์ จำกัดความสั้นๆ ของคำว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) ว่าคืออะไร ? เพื่อให้คนอ่านซึ่งเป็นบุคคลทั่วไปรู้จัก AI มากขึ้น

เทคโนโลยี AI คือ ศาสตร์ของการที่ทำให้เครื่องจักรมีความฉลาดเหมือนมนุษย์ หรือ ทำยังไงให้เครื่องจักรสามารถคิดแล้วก็ทำได้เหมือนมนุษย์ แค่นั้นเอง จริงๆ มันย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของ AI ที่มีมาตั้งแต่ประมาณปี 1956 แต่ ตอนนั้น AI ยังไม่ดัง มันยังไม่ได้ฉลาดมาก คนก็เลยยังไม่ได้พูดถึง จริงๆ คอนเซปต์มันก็เริ่มมาจากคนยุคสมัยนั้น เขาเริ่มมีเครื่องจักรใช้แล้ว ส่วนใหญ่อาจจะเป็นเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม แล้วเขาก็คิดขึ้นมาว่า เป็นไปได้ไหมว่าเครื่องจักรจะคิดได้เหมือนมนุษย์ จะฉลาดได้เหมือนมนุษย์  แล้วมันก็มีการสร้างการทดสอบต่อมาว่า จะเป็นไปได้ไหมว่าหากเรา Interact กับสิ่งๆหนึ่ง เราจะไม่สามารถแยกได้ว่านี่คือเครื่องจักร หรือคน ซึ่งอันนี้คือคอนเซ็ปต์ในการคิดพัฒนา แต่ด้วยในยุคนั้นยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะมาสอน AI ให้ฉลาดขึ้นได้เหมือนทุกวันนี้ มันก็เลยยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง หรือ มีคนรู้จักก็เฉพาะกลุ่มเช่น นักวิทยาศาสตร์ หรือพวก Computer Engineering  แต่ทุกวันนี้ AI มันใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นก็ทำให้คนทั่วไปรู้จัก เทคโนโลยี AI คืออะไร มากขึ้น

เทคโนโลยี ai คืออะไร, เทคโนโลยี_ai_มีอะไรบ้าง

อยากให้อาจารย์ แนะนำการทำงาน ความสำคัญ และแนวโน้มของเทคโนโลยี AI ที่จะมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยในยุคปัจจุบัน กับบุคคลทั่วไปที่อาจจะไม่เข้าใจ หรือไม่รู้จัก AI มาก่อนเลย

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า เทคโนโลยี AI มีอะไรบ้าง แต่ง่ายๆ เลยใกล้ตัว คือถ้าใครใช้ไอโฟนอยู่ มันจะมี Personal Assistant ที่ชื่อ Siri ที่เราสามารถออกคำสั่ง Siri เปิดเว็บให้หน่อย Siri หาข้อมูลให้หน่อย Siri นั้นคือ AI ที่ทุกคนใช้อยู่ แต่เราอาจจะไม่ได้รู้ว่ามันคือ AI  อีกตัวอย่างนึงก็เช่น Chat bot บางบริษัทให้ Add Line OA หรือ การตอบข้อความใน Messenger ของบริษัทที่มีเพจ แล้วให้ลูกค้าติดต่อมาทาง Chat  อย่างนั้นก็ใช่ค่ะ คือ เรา Chat ไป แต่เค้าใช้ Chat bot มาคุยกับเราก่อน โดย Chat bot หรือ AI นี้ จะช่วยตอบคำถามง่ายๆ กับเราก่อนแล้วมันจะ process ไปคิดก่อนว่า ควรจะตอบเราว่าอย่างไร แล้วมันก็จะพยายามตอบเราออกมา จากสิ่งที่มันเคยเรียนรู้ว่าคำถามแบบนี้ควรจะตอบแบบนี้ แต่ถ้าตอบกันไม่รู้เรื่อง ถึงจะส่งต่อไปให้คนจริงๆ พนักงานจริงๆ หรืออีกตัวอย่างคือ เวลาเราโทรศัพท์ไปยัง Customer Service แต่ละบริษัท เค้าก็ตั้งชื่อให้ ระบบตอบรับอัตโนมัติ เป็นชื่อน้องคนนั้น น้องคนนี้ แล้วน้องคนนี้ก็จะพูดตามแพทเทิร์นว่า ช่วยบอกดิฉันทีได้ไหมคะว่าต้องการติดต่อเรื่องอะไร  แล้วพอเราตอบหรือบอกปัญหาออกไป เค้าก็เหมือนพยายามไปคิดแป๊บนึง แล้วก็พยายามตอบกลับมาว่า อ่อ!!ถ้าโทรศัพท์เสียให้ทำแบบนี้ๆ นะคะ ถ้าสุดท้ายแล้วคุยกันไม่รู้เรื่องเค้าถึงจะถามว่า ต้องการจะคุยกับคนไหม พวกนี้ ก็คือ AI ที่อยู่ในชีวิตประจำวันเรา ณ ปัจจุบันเลยค่ะ   

นอกจากนั้นก็มี AI ที่ใช้แปลภาษา เช่น Google Translate เดี๋ยวนี้เค้ามีให้กดอัดเสียงเข้าไป พูดคำว่าอะไร แล้วระบบก็จะพยายาม ประมวลผลเสียงนั้น  และแปลกลับมาว่าคำนั้นแปลว่าอะไร หรืออีกตัวอย่างก็คือ Facial Recognition ใน Facebook บางที่เวลาเราลงรูปเรากับรูปเพื่อน มันจะ Tag หน้าเพื่อนให้อัตโนมัติ อันนั้นก็ AI แต่รู้สึกว่า Facebook จะเลิกฟีเจอร์นี้ไปแล้วเพราะมันเหมือนเป็นเรื่อง Invading Privacy หรืออีกตัวอย่างก็พวก Security Camera  กล้องวงจรปิด หรือกล้อง CCTV ตามถนนที่ใช้ จะมีการเอามาประมวลผล ว่าภาพที่กล้องถ่ายมาเป็นคนที่ตามหาหรือไม่ 

เทคโนโลยี ai คืออะไร, เทคโนโลยี_ai_มีอะไรบ้าง

อยากให้ช่วยเล่าหรือยกตัวอย่าง ถึง 3 วงการ หรือ ธุรกิจ หรืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับ AI มากที่สุดในประเทศไทยให้เห็นภาพเพิ่มเติมอีกหน่อย

ไม่อยากไปสรุปว่าอาชีพหนึ่งอาชีพใดโดยเฉพาะ แต่ขอตอบให้เห็นภาพรวมว่างานที่ AI สามารถเข้ามาแทนที่ได้ง่ายที่สุด และจะได้รับผลกระทบก่อนเลย  คือ งานที่ค่อนข้าง Routine เป็นกิจวัตรประจำวัน ใช้ความคิดน้อย ไม่ต้องใช้ Human Interaction หรืองานที่ไม่ต้องการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ งานประเภทเหล่านี้ไม่ว่าจะอยู่ใน Industry ไหน โดนผลกระทบก่อนแน่นอน พวกสายงานการผลิต เช่น Assembly line การผลิตต่างๆ ที่ Routine ก็สามารถใช้เครื่องจักรทำแทนได้เลย โดยไม่ต้องใช้คน เพราะเป็นการผลิตซ้ำๆ ย้ำๆ หรืองานบริการบางประเภท อย่างเช่น Call Center ที่เราได้คุยกับ Chat bot ก่อน จากที่แต่ก่อนคนจะต้องมาคอยรับโทรศัพท์ทุกครั้ง แต่ตอนนี้ก็ให้ AI มารับและตอบก่อน จนกว่า AI จะตอบไม่ได้ แล้วค่อยส่งต่อไปที่พนักงานที่เป็นคน  

เพราะฉะนั้นเทคโนโลยี AI คือสิ่งที่จะค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาไปในทุกภาคอุตสาหกรรมแน่นอนค่ะ เพียงแต่ว่ามันจะมาเร็วหรือมาช้า หรือมันมาช่วยตรงไหน ลดการทำงานของคนได้ตรงไหนก่อน หรือ เอาจริงๆ แม้แต่ Industry ที่ต้องใช้ความรู้ ใช้ความคิดมากๆ อย่างคุณหมอเนี่ย ก็ยังมี AI tools บางอย่างที่มาช่วยทุ่นแรงคุณหมอได้ เช่น แต่ก่อนจะดูฟิล์มอะไรบางอย่าง ฟิล์ม MRI หรือดูภาพถ่าย Retina ดวงตาอะไรแบบนั้น อาจจะต้องเป็นคุณหมอมาดูฟิล์มเอง อ่านค่าเองทั้งหมด ตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้ เราสามารถใช้เทคโนโลยี AI ให้ AI อ่านค่า และประมวลผลมาก่อนเบื้องต้น แต่ก็ยังอย่าพึ่งเชื่อ AI 100 เปอร์เซ็นต์นะคะ คือให้ AI ดูมาก่อนได้ แต่ก็ยังต้องให้คุณหมอดูอีกที  เพราะ AI อาจจะอ่านค่าไม่ถูกต้องทั้งหมดก็ได้ เทคโนโลยี AI คือสิ่งที่มาช่วยลดทอนงานบ้างอย่างได้ แต่ไม่ทั้งหมด เพราะงานบางอย่างมันยังต้องมีคนอยู่ ที่จะต้องตัดสินใจ ในเรื่องสุดท้ายหรือเรื่องสำคัญ ๆ แต่ AI มันลดแรงงานคนช่วงแรกๆ ได้ ที่เป็นงานที่ยังไม่ยากมาก 

เทคโนโลยี ai คืออะไร, เทคโนโลยี_ai_มีอะไรบ้าง

อย่างที่เริ่มรู้กันว่า AI จะสามารถทำงานหลายอย่างที่มนุษย์ทำได้และอาจจะทำได้ดีกว่ามนุษย์ด้วย อย่างนี้แล้วคนทั่วไป ควรปรับตัว เรียนรู้  ตั้งรับ หรือ ทำความเข้าใจ AI และใช้ประโยชน์ AI ให้เป็นเมื่อไหร่ อย่างไร

จริงๆ อยากบอกว่าไม่ใช่แค่กลุ่มคนสายงานการผลิตที่เป็นงาน Routine หรือสายงานบริการที่ยกตัวอย่างไปแล้วเท่านั้นที่จะถูก AI เข้ามาแทนที่ หรือ มีบทบาทต่อการทำงานมากเท่านั้น  แต่อยากจะบอกว่าทุกคน ทุกอาชีพ จะถูก AI เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน จึงอยากแนะนำให้ทุกคนต้องมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต แล้วก็ Up Skill Re-Skill ของตัวเอง พัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีใครคิดว่า เมื่อ 5 ปี 10 ปีที่แล้ว ทุกวันนี้มันจะเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องนึกว่าอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีจะเปลี่ยนเร็วกว่านี้อีก มันจะมีอะไรที่เราคาดไม่ถึง เพราะฉะนั้นในโลกที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนี้ หรือ ที่เราเรียกว่า Technology Disruption ผู้คนไม่ว่าจะอาชีพไหน อายุเท่าไหร่ จะต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ให้ก้าวเท่าทันกับเทคโนโลยี ซึ่ง Skill ใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ก็สามารถหาเรียน หาความรู้ใหม่ทางออนไลน์ก็ได้  อ่านข่าวเรื่อยๆ อ่านบทความต่างประเทศเกี่ยวกับ Technology Trend หรือ ดูยูทูป ยูทอล์ค ที่เค้าคุยกันถึงเรื่องอนาคต และอ่านเยอะๆ ดู Science Fiction นิยายวิทยาศาสตร์ บ้างก็ได้ ก็จะได้เห็นมุมมองโลกในหลายๆด้าน   

แล้วก็อาจจะมีแบบ Training Course Online เดี๋ยวนี้ข้อมูลต่างๆ สามารถเข้าถึงได้ง่าย มี Internet ก็สามารถไปฟังทอล์คของบุคคลระดับโลกได้แล้ว แต่เราต้องหาโอกาสและแบ่งเวลา เพื่อที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ อย่างน้อยๆ เดือนนึงเนี่ย เราควรเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้นสัก1 เรื่องก็ยังดี เดือนนึงอาจจะช้าหรือน้อยไปด้วยซ้ำ เพราะบางคนบอกว่าควรทำทุกวัน คือ ทุกวันควรต้องทำสิ่งใหม่ๆ แต่อาจารย์ว่ามันอาจจะเหนื่อยไปนิดนึง อาจจะแบบสัปดาห์นึง ต้องรู้สิ่งใหม่ๆ สิ่งนึงก็ได้ แล้วทุกครั้งก็ควรจะต้องทบทวนมองย้อนกลับไปว่า วันนี้ ปีที่แล้ว  เราเก่งอะไรขึ้นบ้าง เรารู้อะไรใหม่ๆ บ้างหรือยัง  ถ้าได้ข้อสรุปว่าเรารู้เท่าเดิมเลย อันนี้ถือว่ามีปัญหาแล้วนะ ถึงแม้ว่าคุณจะยังมีงานทำ แต่ว่ามันไม่น่าจะปลอดภัย และไม่มีอะไรสายเกินไป ที่เราจะเรียนรู้ เริ่มต้นใหม่ บางคนที่อาจหยุดการเรียนรู้ไประยะนึง แต่ถ้าอยากจะกลับมาเรียนรู้ในวันนี้เวลานี้ เราก็เริ่มได้ทันนี้ อยากให้ลองเริ่มจากสิ่งที่เราสนใจ เรื่องใกล้ตัว เช่น บางคนมีลูกที่เป็นเด็กยุคนี้ ก็เริ่มจากลูกสนใจเรื่องอะไร เราก็เรียนรู้พร้อมไปกับลูกเป็นเพื่อนกับลูก เพราะเราเป็นพ่อแม่ เราต้องอยู่กับลูก พูดกับลูก ใช้เวลากับลูกอย่างคุ้มค่า ก็อาจจะไปเริ่มที่ลูกเราก่อน เช่น เด็กๆ เดี๋ยวนี้ใช้โซเชียลมีเดียอะไร ใช้ AI หรือเปล่า หรือ เด็กไป เทรดคริปโต คริปโตคืออะไร หรือ ลูกพูดเรื่อง Metaverse เราก็ควรจะเข้าใจว่า Metaverse คืออะไร  หรือ คนไม่มีลูกก็อาจจะเลือกเรียนรู้จากสิ่งที่เราชอบ เช่น บางคนชอบท่องเที่ยว ก็ไปหาข้อมูลว่าประเทศที่เราอยากไปเค้ามีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ บ้าง มีงาน Event งาน EXPO อะไรใหม่ๆ หรือเปล่า หรือ เราชอบแฟชั่น เราทำงานเกี่ยวกับครีเอทีฟ เราก็อาจจะต้องรู้เทรนด์โลก คือ ให้เริ่มจากสิ่งใกล้ตัว สิ่งที่เราชอบ มันก็จะง่ายไม่ฝืน นั่นเองค่ะ 

เทคโนโลยี ai คืออะไร, เทคโนโลยี_ai_มีอะไรบ้าง

เทคโนโลยี AI มีอะไรบ้าง  ที่ทำแทนที่มนุษย์ ไม่ได้ และในอนาคตจะทำได้หรือไม่ ?

ต้องบอกว่า AI หรือเทคโนโลยีต่างๆ มันเก่งขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างเช่น ถ้าไปดูใน Internet จะเจอว่าเดี๋ยวนี้ AI มันวาดรูปได้แล้วนะ หรือแม้แต่เรื่องสีกับเทรนด์ต่างๆ ที่เอามาใช้ในงานศิลปะ AI ก็เรียนรู้และเอามาใช้ในการวาดรูปของมันได้ แต่วาดสวยไม่สวย อาจจะยังมีการถกเถียงกันอยู่ เพราะศิลปะ มันพูดยากเพราะมันเป็นเรื่องรสนิยมด้วย แต่อย่างตัวอาจารย์เองที่ไม่ได้เก่งศิลปะ ก็ไม่สามารถแยกได้ว่ารูปไหนสวยไม่สวย และบางทีอาจจะแยกไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าคน หรือ AI เป็นผู้วาด โลก จึงอยากบอกว่า ด้วยความที่ AI มันเก่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงวันนี้มันอาจจะยังทำบางอย่างไม่ได้  แต่ใครจะรู้อีก 5 ปี 10 ปี มันก็อาจจะทำได้ก็ได้ เพราะงั้นถ้าถามว่า เราจะอยู่ในโลกนี้ยังไง 

สำหรับอาจารย์อยากบอกว่า โลกนี้มันมีของ 2 แบบในวิชาเศรษฐศาสตร์ จะมีคำว่า สิ่งที่ใช้ประกอบกัน (Complement goods) กับ สิ่งที่ใช้แทนกันได้ (Substitute goods)  เราไม่ควรจะปล่อยให้ตัวเราเป็นสิ่งที่ถูกทดแทนได้โดย AI แต่ควรพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ให้เราเป็นสิ่งที่ต้องใช้ร่วมกับ AI ถามว่าทำยังไง  ก็อย่างเช่น 

  1. เราเป็นคนที่รู้เท่าทันเทคโนโลยี สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนั้นได้ มันจะพัฒนา Advance ไปแค่ไหน เราก็ยังใช้เป็น มีเทคโนโลยีอะไรออกมาใหม่ เราก็ใช้เป็น 
  2. เราเป็นคนสร้างมัน อันนี้อาจจะยากนิดนึง คือ ไม่ว่าเทคโนโลยีมันเก่งแค่ไหน แต่ถ้าเราเป็นผู้ที่สามารถสร้างมันให้เก่งขึ้นไปได้อีกในระดับต่อไป ใครๆก็ต้องการเราแน่นอน 
  3. เราเป็นเจ้าของมัน คือ ถ้าเรามีทุน มีฐานะการเงินที่ดี อยากแนะนำให้ไปลงทุนในบริษัทที่สร้างเทคโนโลยีเหล่านี้ ให้อย่างน้อยเราเป็นเจ้าของในสิ่งเหล่านี้ หรือมีโอกาสที่จะได้เข้าใจหรือเข้าใกล้พัฒนาการของสิ่งเหล่านี้มากกว่าคนอื่น

อยากให้ยกตัวอย่าง 3 อาชีพที่ควรปรับตัวแบบเร่งด่วนไม่งั้น AI จะเข้ามาแทนที่

ไม่อยากฟันธงแบบนั้น เพราะจริงๆ คือ ทุกอาชีพเลยแหละ ไม่ช้าก็เร็ว แต่ที่ให้ไกด์ไลน์ไปแล้ว ก็คือ อาชีพที่ Routine ใช้ความคิดน้อยหน่อย และ ใช้ปฏิสัมพันธ์กับคนน้อยหน่อย จริงๆ ถ้าใครได้มีโอกาสอ่านหนังสือ AI SuperPower ของ Kai-Fu Lee เค้าก็จะแบ่งความเสี่ยงของอาชีพต่างๆ ออกเป็น 4 กลุ่ม 

กลุ่มแรกเค้าจะเรียกว่าโซนอันตรายมากหรือ Danger Zone ส่วนกลุ่มที่สอง โซนอันตรายน้อย กลุ่มที่สามคือ กลุ่มค่อนข้างปลอดภัย และกลุ่มที่ 4 คือกลุ่มปลอดภัย โดยเค้าแบ่งโซนต่างๆ เหล่านี้จาก 2 Criteria โดย  Criteria แรกคือ ใช้ความคิดมาก ใช้ความคิดน้อย มัน Routine หรือ ไม่ Routine อันนึงคือว่าใช้ Human Interaction มากหรือน้อยยังไง ซึ่งพอจัดกลุ่มแบบนี้ อาชีพที่โดนก่อน คือ กลุ่มที่ใช้ความคิดน้อย Routine บวกกับ Social Interaction น้อย แต่ว่าอาชีพที่ยังต้องใช้ Social Interaction เยอะอยู่ ยังต้องใช้ความคิดเยอะอยู่ ก็จะโดนผลกระทบทีหลัง แต่ถ้าเอาภาพรวม และถามอาจารย์ ก็ยังยืนยันว่า ทุกอาชีพมีผลกระทบหมดแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว ถึงแม้จะเป็นอาชีพที่ Advance แต่เราควรจะมองว่าสิ่งเหล่านี้มาช่วยทุ่นแรงให้คนในอาชีพนั้นๆ อย่างเช่นคุณหมอ ที่ AI ก็จะมาช่วยคุณหมอในบางส่วน เช่นการอ่านฟิล์มตามที่ยกตัวอย่าง แต่ว่าอาชีพหมอก็ยังจำเป็นอยู่ในแง่ของตัวงานที่ยังต้อง Interact กับคนไข้  หรือการตัดสินใจเรื่องสำคัญ ทำให้ AI ไม่สามารถแทนที่อย่างสมบูรณ์ของคุณหมอได้ทั้งหมด จริง ๆ มองว่าเทคโนโลยีทำให้เราเหนื่อยน้อยลง แล้วเราก็ไปใช้เวลากับงานที่ต้องใช้ความคิด หรือว่าการใช้เวลากับผู้คน หรือเอาเวลาไปพักผ่อนหรือทำอะไรที่อยากทำได้มากขึ้น

เทคโนโลยี ai คืออะไร, เทคโนโลยี ai มีอะไรบ้าง

อยากให้แนะนำ 3 อาชีพ ที่ถ้าใช้ AI เข้ามาช่วยและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จะทำให้ปังหรือส่งเสริมอาชีพตัวเองมากขึ้น

จริงๆ มีเยอะมากเลย แต่ที่ยกตัวอย่างไปแล้วช่วงแรกๆ คือ ก็อย่างอาชีพของหมอ ที่เอา AI มาช่วยอ่านฟิล์มขั้นแรกก่อนได้ มันก็ช่วยทุ่นเวลา หรือ ว่าธุรกิจเกี่ยวกับการให้กู้เงินอย่างนี้เป็นต้น แต่ก่อนคนมาขอกู้เงิน เราก็จะต้องขอเอกสารทุกอย่าง มานั่งอ่านเอกสารเอง แต่ตอนนี้ AI มาช่วย คือ AI ไปเอา Data ข้อมูลของคนที่ต้องการกู้นี้มา แล้วก็มา Evaluate เพิ่มเติม ให้คำแนะนำว่า คนๆ นี้เราควรจะให้กู้ หรือไม่ควรให้กู้ คนๆ นี้เสี่ยงมาก เสี่ยงน้อย ซึ่งจริงๆ AI กับ Data และการประมวลผล อาจจะไม่ใช่เรื่องการกู้เงินอย่างเดียว ยังครอบคลุมไปยังธุรกิจอื่น ๆ เช่นประกันภัยด้วย หรืออีกตัวอย่าง เช่น Product Recommendation สมมุติแต่ก่อน Sales ขายของอาจจะต้องไปเคาะประตูตามบ้าน ซื้อไหมคะ ซื้อไหมครับ แต่ปัจจุบันก็เอา AI มา Evaluate ความชอบของลูกค้าคนนั้นจากข้อมูลต่างๆที่เรามีเกี่ยวกับลูกค้าคนนั้น ว่าเค้าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แล้วค่อยเสนอสินค้าที่ตรงตามความชอบไปให้ลูกค้าเหล่านั้น ซึ่งก็มักจะเป็นการทำออนไลน์ แบบนี้ก็ลดการทำงาน แต่แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ ที่เคยทำงานไปเคาะประตูตามบ้านก็อาจจะตกงานบ้าง แต่ว่าถ้าเค้าปรับตัว และเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีนี้ในการทำความเข้าใจลูกค้าก็สามารถเสนอของที่ตรงใจลูกค้าได้ นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่เราเรียกกันว่า Target Advertising เช่น  Facebook ก็จะรู้ว่าเราชอบอะไร หรือ ไม่ชอบอะไร เช่น บางครั้งเราไปกดเสิร์ช ว่าอยากได้กระเป๋าใบนึง หรือ บางทีค้นในกูเกิ้ล หรือ ในแอพ ซื้อของบางแอพ แต่เรายังไม่ได้ซื้อนะ แต่พอเรามาเปิด Facebook ปั๊บ กระเป๋าใบนั้นมันตามมาเลย นี่คือตัวอย่างว่า ข้างหลังมันมี AI บางอย่างจำได้ว่าเราชอบอะไร ค้นหาอะไร แล้วก็เอาสิ่งเหล่านั้นมานำเสนอให้เรา เพื่อให้เราซื้อสินค้าเค้ามากขึ้น

ยังมีแง่มุมไหน หรือ เรื่องไหนของเทคโนโลยี AI อะไรอีกบ้าง ที่ควรรู้และควรระมัดระวังในการใช้งาน

มีเรื่องพูดกันว่า บางครั้ง AI ก็ Bias เพราะอย่างที่บอกเบื้องต้นว่า AI มันเรียนรู้ หรือ สร้างความฉลาดจาก Data ข้อมูลที่ใช้สอนมันเข้าไป บางครั้งข้อมูลที่เคยใช้สอนมัน อาจจะเป็นข้อมูลเก่า ที่เกิดขึ้นในอดีต ที่อาจจะมีความ Bias มีความลำเอียง บางสิ่งบางอย่างอาจจะไม่ถูกต้องอะไรแบบนี้ ทำให้บางครั้ง AI จึงอาจจะไม่ได้มีความถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นในเรื่องสำคัญๆ เราจะปล่อยให้ AI ทำแทนไปเลยไม่ได้  เพราะ AI อาจจะ Make Recommendation แต่สุดท้ายคนหรือมนุษย์ก็ยังอาจจะต้องมาดูว่าสิ่งนั้น Make Sence จริงไหม ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญๆ แล้วมันมีผลต่อคนค่อนข้างเยอะ เราก็อาจจะต้องใช้มนุษย์ตัดสินใจอยู่ดี 

ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง มันมีเคสในอดีต แต่ปัจจุบัน เค้าแก้ไขไปแล้ว คือ ตัวอย่างของการที่เอาข้อมูลผู้เคยถูกต้องโทษในอดีตมาใช้ในการพิจารณาโทษของผู้ต้องหาใหม่ สมมติกฎหมายบอกว่ามีโทษต้องเข้าคุก 1-5 ปีอย่าง ผู้พิจารณาโทษคิดว่าควรจะให้เป็น 1 ปี หรือ 5 ปีดี คือ ถ้าเราสามารถทราบได้ว่าคนๆ นี้ทำผิด เข้าคุกไปแล้ว และสำนึกผิดแล้ว เมื่อถูกปล่อยออกมา จะไม่ทำผิดอีกแล้ว เราก็อาจจะไม่ตัดสินให้เค้าอยู่ในคุกนานหรอก เพราะว่ามันคือการสิ้นเปลืองทรัพยากร สิ้นเปลืองงบประมาณ และเสียเวลาสำหรับทุกคน เราก็สามารถตัดสินให้โทษขั้นต่ำได้  แต่ ถ้าเรารู้ได้แน่ๆ ว่า คนๆนี้ ทำผิด และมีแนวโน้มทำผิดอีก ในคดีร้ายแรง เช่น ฆ่าข่มขืน ถ้าปล่อยออกมาเร็ว อาจจะไปทำผิดซ้ำเดิมอีก ก็อาจจะต้องกลับเข้ามาติดคุกอีก ถ้าเรารู้ เราก็ไม่ควรปล่อยเค้าเร็ว  ควรจะให้เค้ารับโทษให้นาน เพื่อไม่ให้ไปทำผิดอีก  แต่เราจะวิเคราะห์ได้อย่างไร ในเมื่อเราไม่ได้รู้จักคนๆ นี้ เคยมีรัฐหนึ่งในอเมริกา เคย การเอา AI มาใช้ มาช่วยพิจารณาว่าคนประเภทไหนที่จะมีแนวโน้มทำผิดอีก คนประเภทไหนที่จะมีแนวโน้มไม่ทำผิดซ้ำ แต่ปรากฎว่า AI มันไปเรียนรู้ข้อมูลแล้วมีความ Bias ประมวลผลออกมาว่า คนที่มีโอกาสทำผิดซ้ำ มักเป็นคนผิวสี แต่พอเป็นคนผิวขาว กลับบอกว่าไม่เสี่ยง ซึ่งในลักษณะนี้ มันชัดเจนว่า Bias (ซึ่ง Bias นี้เกิดจากข้อมูลในอดีตที่ใส่เข้าไป) จึงอยากบอกว่าในการใช้ AI ต้องมีความระมัดระวัง เพราะว่า AI มันไม่ได้ตัดสินใจได้เหมือนคนจริงๆ ซึ่งถ้าเราเชื่อ AI และใช้โดยไม่คิด อาจจะอันตรายได้ เพราะฉะนั้นในการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ จึงยังต้องควรมีความระมัดระวังอยู่ เราใช้ AI ในการประมวลผลพื้นฐานได้ แต่อย่าให้ AI ตัดสินใจไปเลย คนต้องคิดเอง ตัดสินใจเองด้วย’

เทคโนโลยี ai คืออะไร, เทคโนโลยี ai มีอะไรบ้าง

นอกจากคำถามทั้งหมดนี้แล้ว มีแง่มุมอื่นๆ ที่อาจารย์อยากฝากเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ?

อย่างที่บอกไปแล้วว่า AI และเทคโนโลยี อะไรต่างๆ เหล่านี้มันพัฒนาไปข้างหน้าค่อนข้างเร็ว เพราะงั้นใน 5 ปี 10 ปีข้างหน้าเนี่ย เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็วแน่นอน สิ่งที่เราจะต้องเตรียมรับมือกับมันคือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต การพัฒนาทักษะ ด้านต่างของเรา Up Skill Re-Skill ตลอดเวลา และถ้าหากไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นจากตรงไหน ก็ให้เริ่มจากสิ่งที่ใกล้ตัวก่อน ว่าเราชอบอะไร แล้วก็พัฒนา อย่างที่บอก คือ ในสัปดาห์นึง เดือนนึง ให้เราสามารถเรียนรู้รับทราบสิ่งใหม่ๆ พัฒนาสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ และพยายามรีเช็คตัวเอง มองย้อนกลับไปว่าฉันเก่งขึ้นไหม ฉันดีขึ้นไหม และก็พยายามทำตัวให้เป็น Complement ของเทคโนโลยี ทำยังไงให้ตัวเราไม่ถูกแทนที่ ถึงแม้เทคโนโลยีจะเก่งขึ้นแล้ว แต่เทคโนโลยียังต้องการเรา 

ในเรื่องของเทคโนโลยีกลุ่มเด็กหรือเยาวชนไม่ค่อยน่าห่วง  เพราะเค้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีทุกวัน และเค้าเกิดในยุค Digital Native คือ เด็กเล็กๆ บางคนยังพูดไม่ได้ด้วยซ้ำแต่ใช้นิ้วมือในการย่อขยายหน้าจอมือถือ ได้แล้ว แสดงให้เห็นว่าเด็กมีการเรียนรู้ที่เร็วมากในแง่ของการใช้ แต่ว่าอาจจะมีประเด็นในเรื่องของการเข้าถึงข้อมูล ที่ยังไม่ควรถูกเข้าถึง เช่นพวกข้อมูลหลอกลวง หรือว่า ข้อมูลที่ยังไม่เหมาะสมกับเยาวชน ซึ่งเรื่องนี้ พ่อแม่จะต้องรู้เท่าทันและให้คำแนะนำที่เหมาะสม อันไหนดูได้ อันนี้ไม่ควรดู อันนี้ใช้ได้ อันนี้ยังไม่ควรใช้  การเล่นเกมส์ออนไลน์ ควรใช้เวลาเท่านี้ เท่านั้น ที่เหมาะสมในแต่ละบ้านแต่ละครอบครัว แต่ในเรื่องการเรียนรู้การใช้ AI หรือ เทคโนโลยี ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเด็กยุคนี้เรียนรู้ได้เร็ว และใช้เทคโนโลยีได้เป็นอย่างแน่นอน

Inspire Now ! : ได้อ่านบทสัมภาษณ์ อ.ดร.พลอยกันแล้ว เชื่อว่าสาวๆ หลายคนอาจจะต้องเป้าหมายที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆให้ได้สัปดาห์ละเรื่อง หรือ เดือนละเรื่องกันแล้วใช่ไหมคะ เพราะเราต้องเป็น Complement ของเทคโนโลยีให้ได้ และไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกแทนที่กันอย่างแน่นอน

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีกว่าใช่ไหม? ได้รู้จัก AI ในแง่มุมต่างๆ จาก อ.ดร.พลอยแล้ว ทำให้ทุกคนอยากพัฒนาตัวเองมากขึ้น และตั้งเป้าอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้ได้เดือนละเรื่องบ้างไหม ? มาแบ่งปัน มาพูดคุยกับเราได้นะคะ ♡

Facebook Comments

NANA NART เป็นคนชอบการบันทึก ทั้งภาพถ่าย ภาพวาดและตัวหนังสือ ที่มันช่วยบันทึกความสุข ความทรงจำและประสบการณ์ชีวิต จึงรักหนังสือ กระดาษ ดินสอ ปากกา กล้องและการเดินทาง การใช้ชีวิตของตัวเองมากๆ