Self Compassion คือ อะไร ? ชวนรู้จักการเมตตาต่อตัวเอง เพื่อรักและโอบกอดตัวเองในแบบที่เป็น
ชวนมารู้จักกับการ Self Compassion คือ การเมตตาต่อตัวเอง ฝึกแล้วดีกับชีวิตยังไง อยากมีความสุขได้ด้วยตัวเองต้องทำยังไง มาเข้าใจและฝึกไปด้วยกัน
“อึดอัด เพื่อเติบโต” วลีนี้เป็นวดีโปรดที่ติดอยู่ในใจของเรามาตั้งแต่เริ่มรู้จักกับการเรียน Mindset ค่ะ เราคิดว่าคนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ถ้าไม่ได้มีปัญหาที่ติดอยู่ในใจ ก็ต้องเป็นคนที่อยากกหา วิธีพัฒนาตนเอง แน่นอน และไม่ว่าใครจะมีเรื่องในใจแบบไหน ขอให้บทความนี้ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจและไอเดียให้กับทุกคนได้ก้าวข้ามปัญหาต่างๆ ไปได้นะคะ จริงๆ แล้ว วิธีที่มีอยู่บนโลกใบนี้มีมากมายหลากหลายวิธี อยู่ที่ว่าใครจะถูกจริตกับการพัฒนาตัวเองแบบไหน และมีเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองเพื่ออะไร ซึ่งเราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าทุกปัญหามีทางออก และทางออกที่ยั่งยืนที่สุดสำหรับเราก็คือการปรับที่ Mindset หรือวิธีคิดนั่นเอง ดังนั้นในบทความนี้ DIYINSPIRENOW ก็เลยจะพาไปทำความรู้จักกับการ Mindset หรือวิธีคิดต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการกับปัญหาและพัฒนาตนเองอย่างยั่งยืนกันค่ะ
การพัฒนาตนเองไม่ได้เกิดขึ้นจากโชคชะตา แต่เกิดจากการเลือกและลงมือทำอย่างตั้งใจ และหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราพัฒนาตัวเองได้ก็คือ “Mindset” หรือกรอบความคิดของเราเอง หากปรับเปลี่ยนได้ถูกต้อง ชีวิตคุณก็จะเปลี่ยนแน่นอน มาก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีพลังและมั่นคงไปพร้อมๆ กับเรากันนะคะ
Growth Mindset คือแนวคิดที่เชื่อว่าความสามารถสามารถพัฒนาได้ผ่านการเรียนรู้และความพยายาม ไม่กลัวความล้มเหลว แต่มองเป็นโอกาสในการเติบโต คนที่มี Growth Mindset จะเชื่อว่าความสามารถและสติปัญญาสามารถพัฒนาได้ผ่านการฝึกฝนและความพยายาม พวกเขาจะไม่กลัวความล้มเหลว แต่กลับมองว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต คนที่มีกรอบความคิดแบบนี้จะมีความพยายามและความอดทนสูง สามารถเผชิญกับความท้าทายโดยไม่ถอดใจง่าย ๆ
ฝึกยังไงดี ?
ตัวอย่าง : หากคุณทำงานพลาด เช่น เสนอโปรเจ็กต์แล้วไม่ได้รับการอนุมัติจากลูกค้า แทนที่จะท้อแท้ ลองมองว่าครั้งหน้าจะทำได้ดีขึ้นได้ยังไง โดยการขอ Feedback จากลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงาน เพื่อปรับปรุงงานในครั้งต่อไป
การฝึกวิธีคิด : เมื่อเจอความล้มเหลว ก็ไม่มองเป็นความล้มเหลว แต่ให้มองเป็นโอกาสในการพัฒนา เช่น “โปรเจ็กต์นี้ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ฉันจะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดเพื่อทำให้ดีขึ้นในครั้งถัดไป”
เมื่อเรามี Growth Mindset แล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องฝึกคือวิธีคิดของการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง Learner’s Mindset คือกรอบความคิดที่เปิดรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต มองทุกสถานการณ์เป็นโอกาสในการพัฒนาและไม่ยึดติดกับความรู้เดิม คนที่หยุดเรียนรู้คือคนที่กำลังถอยหลัง โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการเปิดใจรับความรู้ใหม่ๆ ฝึกที่จะสนุกกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตจะช่วยให้เราทันกับโลก และสามารถพัฒนาตัวเองได้เสมอ
ฝึกยังไงดี ?
ตัวอย่าง : หากคุณต้องการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เช่น การเขียนโปรแกรม ควรเริ่มจากการสมัครเรียนคอร์สออนไลน์เล็ก ๆ เช่น “การเขียนโปรแกรมเบื้องต้น” และใช้เวลาฝึกฝนทุกวัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที
การฝึกวิธีคิด : ทำตารางเวลาให้ตัวเองเพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เช่น “ทุกวันจะอ่านหนังสือพัฒนาตัวเอง 15 นาที และฟังพอดแคสต์ในช่วงเช้า”
ความอยากรู้อยากเห็นเป็นพลังสำคัญของการพัฒนา คนที่มี Curious Mindset คือกรอบความคิดที่กระตือรือร้นในการตั้งคำถามและแสวงหาคำตอบ มองโลกด้วยความอยากรู้อยากเห็นและพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ จะไม่หยุดแค่ “รู้” แต่จะอยากเข้าใจลึกลงไปในทุกๆ เรื่อง ทำให้พวกเขากลายเป็นนักคิดที่ลึกซึ้ง และสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น
ฝึกยังไงดี ?
ตัวอย่าง : เมื่อคุณเจอปัญหาบางอย่างในงานที่ทำอยู่ เช่น ลูกค้าบอกว่าโปรเจ็กต์ที่ส่งไปไม่ตรงตามที่ต้องการ ลองถามตัวเองว่า “ทำไมเขาถึงไม่พอใจ ? อะไรคือสิ่งที่สามารถปรับปรุงได้บ้าง ?”
การฝึกวิธีคิด : ตั้งคำถามในทุกสถานการณ์ เช่น “มีวิธีที่ดีกว่านี้ไหม?” หรือ “ถ้าฉันเปลี่ยนวิธีการทำงานนี้ จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ามั้ย ?” ฝึกที่จะเปิดใจรับความคิดเห็นและมุมมองใหม่ ๆ
Resilient Mindset คือกรอบความคิดที่ล้มแล้วลุกได้เร็ว มองอุปสรรคเป็นบทเรียน และปรับตัวกับความท้าทายโดยไม่ยอมแพ้ง่ายๆ คนที่มี Resilient Mindset จะสามารถฟื้นตัวจากความผิดหวังหรืออุปสรรคได้เร็วขึ้น พวกเขาจะไม่จมอยู่กับความล้มเหลว แต่จะใช้มันเป็นแรงผลักดันให้เดินหน้าต่อไป
ฝึกยังไงดี ?
ตัวอย่าง : ถ้าธุรกิจของคุณไม่ไปตามที่คาดหวัง เช่น ยอดขายลดลง คุณต้องพยายามหาสาเหตุ และไม่ท้อแท้ เช่น “ฉันจะลองปรับแผนการตลาดใหม่ หรือคิดวิธีดึงลูกค้ากลับมา”
การฝึกวิธีคิด : เมื่อเจออุปสรรคให้ถามตัวเองว่า “ฉันจะทำยังไงเพื่อเอาชนะความท้าทายนี้ ? ” หรือ “ข้อผิดพลาดนี้จะช่วยให้ฉันพัฒนาทักษะอะไรได้บ้าง?”
โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน คนที่มี Agile Mindset คือ กรอบความคิดที่พร้อมปรับตัวอย่างรวดเร็ว ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง และมองหาวิธีพัฒนาให้ดีขึ้นอยู่เสมอ จะสามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงได้ พวกเขาจะไม่ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ แต่พร้อมพัฒนาแนวทางใหม่ๆ อยู่เสมอ
ฝึกยังไงดี ?
ตัวอย่าง : หากคุณทำโปรเจ็กต์ที่ต้องปรับเปลี่ยนบ่อย ๆ เช่น การพัฒนาเว็บไซต์ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตาม Feedback จากลูกค้า คุณควรพร้อมที่จะปรับแผนให้เข้ากับสถานการณ์ เช่น “ถ้าวันนี้ลูกค้าต้องการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เราจะรีบทำการปรับแผนและดำเนินการทันที”
การฝึกวิธีคิด : เมื่อพบการเปลี่ยนแปลงในงาน ให้พร้อมรับและปรับตัว เช่น “โปรเจ็กต์นี้มีการเปลี่ยนแปลงจากที่คิดไว้ แต่เราจะต้องมีแผนสำรอง ปรับตัว และพัฒนาให้เร็วที่สุด”
Ownership Mindset คือกรอบความคิดที่รับผิดชอบ 100% ต่อชีวิตและการกระทำของตัวเอง ไม่โทษปัจจัยภายนอก แต่มุ่งแก้ไขและพัฒนาตัวเองเสมอ คนที่มี Mindset นี้ จะไม่โทษปัจจัยภายนอก แต่จะรับผิดชอบต่อชีวิตและการตัดสินใจของตัวเองเต็มที่ พวกเขาจะเป็นเจ้าของปัญหาและหาทางแก้ไขเสมอ
ฝึกยังไงดี ?
ตัวอย่าง : หากคุณทำโปรเจ็กต์ล่าช้าหรือเกิดข้อผิดพลาด คุณควรยอมรับและหาวิธีแก้ไขทันที เช่น “โปรเจ็กต์นี้ล่าช้าเนื่องจากการจัดการไม่ดี ฉันจะปรับปรุงกระบวนการและทำให้โปรเจ็กต์เสร็จเร็วขึ้น”
การฝึก: เมื่อเกิดปัญหาในงาน ให้รับผิดชอบแทนที่จะหาคนโทษ เช่น “งานนี้ฉันทำให้ล่าช้า ฉันจะปรับวิธีการจัดการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้อีก”
Abundance Mindset คือการเชื่อว่าโลกนี้มีทรัพยากรมากพอสำหรับทุกคน ไม่จำเป็นต้องแข่งขันแย่งชิงกัน คนที่มีกรอบความคิดแบบนี้จะไม่อิจฉาผู้อื่น แต่จะมองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้รอบตัว พวกเขาสนับสนุนและร่วมมือกับผู้อื่น เพื่อสร้างความสำเร็จไปด้วยกัน
ฝึกยังไงดี ?
ตัวอย่าง : เมื่อเห็นเพื่อนหรือคู่แข่งประสบความสำเร็จ แทนที่จะรู้สึกอิจฉา ให้คิดว่า “เพื่อนคนนี้ประสบความสำเร็จ ฉันจะใช้ความสำเร็จของเขาเป็นแรงบันดาลใจและเรียนรู้จากเขา”
การฝึก : แทนที่จะคิดว่า “ทำไมฉันถึงไม่ได้แบบนั้น” ให้ลองคิดว่า “มีทรัพยากรและโอกาสมากมายในโลกนี้ ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้”
Outward Mindset คือกรอบความคิดที่ให้คุณค่าทั้งตัวเองและผู้อื่น มองทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มองใครเป็นแค่เครื่องมือหรืออุปสรรค แต่เชื่อในการร่วมมือกันเพื่อให้ทุกฝ่ายก้าวไปสู่เป้าหมายร่วมกันอย่างมีความหมาย
ฝึกยังไงดี ?
ตัวอย่าง : ถ้าคุณเป็นหัวหน้าทีมและมีสมาชิกในทีมที่มีปัญหาด้านการทำงาน ให้สนับสนุนและเข้าใจเขา แทนที่จะตำหนิ เขาควรได้รับการฝึกฝนหรือคำแนะนำเพิ่มเติม เช่น “คุณมีปัญหากับงานนี้ไหม? ฉันจะช่วยหาทางแก้ไขให้”
การฝึก : ลองพิจารณาความต้องการของผู้อื่นบ่อยๆ เช่น “สิ่งที่ผมทำจะช่วยให้คนอื่นในทีมทำงานได้ดีขึ้นหรือไม่ ?”
การฝึก Mindset ต่างๆ ด้วยตัวเองสามารถทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดเล็กๆ น้อยๆ และฝึกให้เกิดเป็นนิสัย ลองฝึกกันดูนะคะ
การฝึก Mindset เหล่านี้ต้องใช้เวลา แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในการคิด และการกระทำทุกวัน จะค่อย ๆ ช่วยพัฒนาให้คุณเป็นคนที่มั่นคงและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Inspire Now ! : การฝึก Mindset ที่ถูกต้องเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราพัฒนาตัวเองได้อย่างยั่งยืน หากฝึก Growth Mindset จะช่วยให้เราเชื่อว่าทุกอย่างสามารถพัฒนาได้ และพร้อมเรียนรู้จากความล้มเหลว การมี Learner’s Mindset จะทำให้เราเรียนรู้ตลอดชีวิตและเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในขณะที่ Curious Mindset ช่วยกระตุ้นให้เราคิดและตั้งคำถามเสมอ การฝึก Resilient Mindset ทำให้เราเผชิญกับอุปสรรคได้อย่างแข็งแกร่ง และ Agile Mindset จะช่วยให้เราปรับตัวให้ทันสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการฝึก Ownership, Abundance, และ Outward Mindset จะช่วยให้เรารับผิดชอบชีวิตตัวเอง มองโลกในแง่ดี และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นได้ |
---|
DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? ใครฝึกวิธีคิดแบบไหนอยู่บ้าง หรือสนใจจะเริ่มฝึกวิธีคิดไหนก่อน คอมเมนต์มาคุยกันนะคะ ♡
ชวนมารู้จักกับการ Self Compassion คือ การเมตตาต่อตัวเอง ฝึกแล้วดีกับชีวิตยังไง อยากมีความสุขได้ด้วยตัวเองต้องทำยังไง มาเข้าใจและฝึกไปด้วยกัน
วิธีออมเงิน มนุษย์เงินเดือน ที่น่าสนใจ และยังใช้ได้จริงในยุคปัจจุบัน มีอะไรบ้าง คนทำงานประจำ อยากมีอิสรภาพทางการเงิน มีเงินใช้ไม่ติดขัด ต้องทำยังไง มาเช็กกัน
ชวนค้นหาอาชีพที่ใช่ด้วย 5 แบบทดสอบตัวเอง มารู้จักตัวเอง เช็คตัวเอง เข้าใจตัวเองมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อม พัฒนาตัวเอง ให้พร้อมที่จะเข้าสู่อาชีพที่ใช่ในอนาคตกัน