ออกแบบปฏิทิน ตั้งโต๊ะ ด้วยตัวเองยังไง ? แจกไอเดียทำตามง่าย ใช้ได้จริง !
ชวนมาดูไอเดีย ออกแบบปฏิทิน ตั้งโต๊ะ สวยๆ พร้อม how to ที่ทำตามได้ง่ายๆ ออกแบบเองได้ตามความคิดสร้างสรรค์ และการใช้งาน ใช้เองก็ได้ ให้คนอื่นก็ดี
สวัสดีค่ะทุกคน ตอนนี้ก็เข้าสู่เดือนธันวาคมซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปีแล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนกำลังวางแผนชีวิต ทั้งการทำงาน การใช้ชีวิต วันหยุด และแผนสำหรับปีหน้าเพื่อเป้าหมายที่ดีที่สุดกันอยู่ใช่ไหมคะ คนบันดาลใจประจำเดือนนี้จึงอยากนำเสนอ จุดเปลี่ยนชีวิต ของคุณอ้อย อภิญญตา ทนะขว้าง เธอเป็นสาวน่านแต่กำเนิด ปัจจุบันอายุ 43 ปี เป็นสาวโสดอารมณ์ดี และทำงานรับราชการเป็นนักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน คุณอ้อยเป็นนักวางแผนชีวิตและสามารถพิชิตโรคร้าย ความคิดลบร้ายๆ ของตัวเองได้ จนสามารถหายจากโรคเหล่านั้นและมีความสุขเรียบง่าย พอดี ๆ ด้วยการเปลี่ยนแปลงแนวคิด การใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างน่าทึ่งและน่าสนใจ เราไปทำความรู้จักคุณอ้อยกันเลยดีกว่าค่ะ
คุณอ้อยเล่าว่าเธอเป็นคนน่านตั้งแต่เกิด บ้านอยู่ที่ อ.ท่าวังผา เติบโตมาในครอบครัวเกษตรกร มีพ่อใจดี แม่ขยัน และรักลูกมากๆ เธอเป็นพี่คนโตและมีน้องสาว 1 คน ตอนนั้นก็ได้ใช้ชีวิตแบบลูกชาวนา ได้สัมผัสดิน หญ้า ท้องฟ้า ทุ่งกว้างๆ แต่ทำนาไม่เป็น เพราะพ่อแม่รักมาก ไม่อยากให้ลำบาก ตอนนั้นการไปสวน ไปนา จึงหมือนไปเที่ยวมากกว่า และที่จำไม่ลืม ก็คือชอบอยู่กับอุ๊ย (ย่า) อุ๊ยเป็นสาวเมืองแท้ๆ นุ่งซิ่น เกล้ามวย อ่อนโยนใจดี เข้าวัดเข้าวา และชอบพาเราไปวัดด้วยตั้งแต่เล็กๆ จึงรู้สึกผูกพันและมีความสุขกับการไปวัดมาก ทำให้รู้สึกรักพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ตอนนั้น
ชีวิตช่วงนั้นที่เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตจุดแรกที่สำคัญก็จากคำสอนของอุ๊ยเรื่องนึงคือ เรามีน้องสาวที่เป็นเด็กหน้าตาน่ารัก ส่วนเราหน้าตาขี้เหร่ไม่เหมือนน้องสาวก็เลยคิดแบบเด็กๆ น้อยใจว่า ทำไมเราไม่น่ารักเหมือนน้องสาวเลย แต่อุ๊ยพูดกับเราว่าแค่เกิดมามีอาการครบ 32 ก็ดีมากๆ แล้ว ได้ฟังแบบนั้นปุ๊บก็หายน้อยใจทันทีและรู้สึกทึ่งกับคำสอนที่เรียบง่ายแต่จริงของอุ๊ยมาก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่สนใจเรื่องความสวยความงามอีก ไม่น้อยใจอีก หันมาตั้งใจเรียน สนุกกับการทำกิจกรรม แล้วเราเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก ชอบเข้าห้องสมุด และก็ชอบเรียนภาษาอังกฤษ เราก็มุ่งไปทางการตั้งใจเรียนหนังสือ สนุกกับการอ่านหนังสือ
ตั้งแต่เด็กเป็นคนชอบเรียนหนังสือ ตั้งใจเรียน จริงจัง พอสมควร ช่วงมัธยมฯ และเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง เริ่มลืมๆ พระพุทธศาสนา แต่เน้นไปทางอ่านบทกวี คำกลอน วรรณคดี นิยาย พอเข้ามหาวิทยาลัยเรียนคณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ ที่ มช. เราชอบทำกิจกรรม ได้เป็นประธานชมรมพุทธศิลป์ และก็ได้พี่ๆ เพื่อนๆน้องๆที่ดีหลายๆคน ประทับใจที่สุดคือ ได้ช่วยกิจกรรมของจ.เชียงใหม่ ได้ทำผ้าป่าช่วยชาติของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปัญโน จำได้ว่า ช่วยกันจัดนิทรรศการ และตกแต่งสถานที่ศาลาธรรมทั้งคืน โดยไม่หลับไม่นอน แต่มีความสุขมาก อิ่มใจ ไม่เหนื่อยเลย
มาอยู่เชียงใหม่แรกๆ ก็มีอาการเหงา คิดถึงบ้าน พอปีหนึ่ง เทอมสอง ปิดเทอม เพื่อนชวนไปเข้าค่ายฝึกตน ของชมรมพุทธศิลป์ทำให้เจอ จุดเปลี่ยนชีวิต ที่หยั่งรากลึกมาจนทุกวันนี้ เพราะได้ศึกษาธรรมะกับพระอาจารย์นันทญาณีภิกษุณี ทำให้ได้เริ่มศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง (แต่ยังจับหลักไม่ถูก) และได้ไปอาศัยอยู่สำนักปฎิบัติธรรมนิโรธารามในวันเสาร์ อาทิตย์ และช่วงปิดเทอม ทำให้มีทักษะ ในเรื่องของการฝึกโยคะจากที่นี่ เนื่องจากในสมัยก่อนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว พระอาจารย์ยังแข็งแรง และยังไม่มีภารกิจ ลูกศิษย์ มากมายเหมือนในขณะนี้ จึงทำให้พวกเราได้มีโอกาส ฟังธรรม ฟังคำสอนจากพระอาจารย์อย่างใกล้ชิด ได้ฝึกโยคะกับท่านด้วย ตอนนั้นที่วัดยังไม่มีไฟฟ้าใช้ กลางคืนมืด สงบ เห็นดาวสวย บรรยากาศดี ทำให้เราชอบไปวัดบ่อยๆ จำได้ว่า พระอาจารย์เคยสอนเรื่อง ให้คิดถึงคนอื่นๆ ให้มากๆ เวลาที่เราคิดถึงคนอื่น เราก็จะคิดว่า ต้องทำอย่างไรให้เขามีความสุข แล้วเราก็จะไม่มีเวลาเหงา
พอเรียนจบ เริ่มต้นก็ได้ทำงานในตำแหน่งบรรณารักษ์แต่เป็นลูกจ้างอยู่ 9 เดือน และสามารถสอบบรรจุราชการได้ในตำแหน่งเดิม ต่อมาก็ได้โอนย้ายมาอยู่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน ทำหน้าที่ เกี่ยวกับงานองค์ความรู้ด้านวัฒนธรรม งานวิชาการ จัดทำเอกสาร หนังสือต่างๆ Page Facebook ของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน และงานอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน ซึ่งเป็นงานที่ทำมาตั้งแต่ประกาศเป็นพื้นที่เมืองเก่าน่าน ในวันที่ 20 กันยายน 2548 งานที่รับผิดชอบเป็นงานธุรการ ประสานงานทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง รักษาอาคาร โบราณสถาน ในบริเวณเมืองเก่าน่าน ควบคุมการก่อสร้างอาคาร ด้านความสูง รูปแบบ ให้มีความสอดคล้องกับภูมิทัศน์ของเมืองเก่า แม้กระทั่ง การปรับรูปโฉมของร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ก็ได้ทำหนังสือจากคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน ขอความร่วมมือ ให้ตกแต่ง ปรับแต่งอาคารร้านให้เข้ากับภูมิทัศน์เมืองเก่าน่าน เริ่มจากร้านที่ตั้งอยู่ถนนสุริยพงษ์ ติดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน และต่อๆ มาอีกหลายๆ สาขาให้มีรูปโฉมที่เข้ากับบรรยากาศเมืองเก่าน่าน ซึ่งเป็นความร่วมมือทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่น่าชื่นชมและชื่นใจสำหรับทุกฝ่าย
ในช่วงเริ่มต้นงานอนุรักษ์เมืองเก่านี้ หลายคนไม่เข้าใจถึงกับเคยโดนกล่าวหาว่า คณะอนุกรรมการอนุรักษ์ฯ ถ่วงความเจริญ แต่ปัจจุบันเมื่อเวลาผ่านไปมี จุดเปลี่ยนชีวิต อีกครั้งก็คือ ทุกคนเข้าใจและเริ่มเห็นคุณค่าของการอนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมเหล่านี้ไว้ ซึ่งกลายเป็นต้นทุนที่มีคุณค่าและมูลค่าสูง แม้แต่ถนนคนเดินที่จัดอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของโครงการอนุรักษ์ฯ ที่ได้ของบประมาณยุทธศาสตร์จังหวัดน่าน มาจัดกิจกรรมถนนคนเดิน ครั้งแรกในปี พ.ศ.2550 จัดเดือนละครั้ง แต่ปีต่อๆ มาเทศบาลเมืองน่านก็ได้ดำเนินกิจกรรมต่อมาถึงปัจจุบัน ทำให้คนน่านเกิดรายได้จากการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของจังหวัดแบบก้าวกระโดด ตอนนี้จึงกลายเป็นหมุดหมายของนักเดินทางที่จะต้องมาชมเมืองเก่าน่าน ต้องมาไหว้พระธาตุแช่แห้ง ต้องมาชมภาพกระซิบรักให้ได้ เรียกว่าใครจัดทริปเที่ยวน่าน เช่น ทริปน่าน 3 วัน 2 คืนแล้วไม่ได้มาทำสิ่งเหล่านี้ ก็เหมือนมาไม่ถึงน่าน
โดยส่วนตัวที่เราได้รับประโยชน์จากการทำงานสำนักงานวัฒนธรรม และกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตด้วย เพราะเราได้เก็บเอาสิ่งดีๆ ต่างๆ มาปรับใช้กับวิถีชีวิตของตัวเอง ทั้งเรื่อง โอสถ อาหาร อาคาร และอาภรณ์
โอสถ ก็คือ ใช้สมุนไพรในการรักษาโรค
อาหารคือ เราจะเลือกกินอาหารมือหนึ่ง (ออกมาจากดิน_เช่น ผัก ผลไม้) และมือสอง (จากอาหารจากดิน มีสัตว์ไปกินต่อ เช่น หมู ไก่ ปลา) ไม่รับอาหารมือ สาม สี่ (อาหารแปรรูป) หรือรับเพียงน้อยเพื่อดูแลร่างกาย เราจึงหันมาทำอาหารกินเอง ใช้สมุนไพร ผักหญ้าอาหารพื้นบ้าน
อาคาร เราได้ภูมิปัญญาเรื่องการสร้างบ้าน มาใช้ในการปรับปรุงบ้านที่อยู่อาศัยของตัวเอง โดยใช้หลักบ้านไทย ยกพื้นให้ลมพัดผ่าน มีชายคายื่นยาว มีหน้าต่างกว้างๆรับสายลม แสงแดด ให้สุขอนามัยที่ดี การมีพื้นที่โล่งในบ้าน (ซึ่งเป็นความรู้ที่ดีมากๆจากการทำงานอนุรักษ์อาคารเก่า อนุรักษ์เมืองเก่า)
อาภรณ์ คือ เราเลือกใช้ผ้าทอ ผ้าฝ้าย ธรรมชาติมาสวมใส่ เพื่อสุขภาพที่ดี และการนุ่งซิ่นนั้น ทำให้ประหยัดเงินมาก เพราะเลือกซื้อหนึ่งครั้ง นำมาตัดเย็บเป็นถุง นุ่งประยุกต์กับเสื้อปรับเปลี่ยนไป ไม่มีเบื่อ และด้วยความที่เราทำงานวัฒนธรรม ยิ่งเห็นว่าการที่เรานุ่งซิ่น ใส่เสื้อพื้นเมือง ก็ถือว่าเป็นส่วนนึงของงาน เพราะการที่เราใส่ชุดแบบนี้ คนที่พบเจอก็รู้สึกกับเราดี จดจำเราได้ว่าทำงานวัฒนธรรมของน่าน จดจำความเป็นคนน่านได้ไปโดยปริยาย
ในช่วง 10-30 ปีของชีวิตก่อนป่วยนั้น คิดว่าเพราะเราใช้ชีวิตไปตามวิถีปุถุชน มุ่งแต่ทำงาน และมีความเครียดแอบแฝงในชีวิตโดยไม่รู้ตัว ยังจำได้ว่ารู้สึกผิดมากที่ครั้งหนึ่งพ่อไม่สบาย ส่งพ่อไปหาหมอให้พ่อขึ้นรถเมล์ไม่ได้ขับรถไปส่งเอง เพียงเพราะว่าต้องรีบกลับมาทำงานและยังปฏิบัติธรรมไม่ถูกทาง คือยังไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้ หงุดหงิด โกรธง่าย ขึ้นลงเร็ว เมื่อไปตรวจสุขภาพจึงรู้ว่าตัวเองป่วยทำให้ต้องมาทบทวนตัวเองว่า ทั้งที่เราใช้ชีวิตแบบคนรักสุขภาพมาตลอด กินอาหารที่ดี ออกกำลังกาย นอนสี่ทุ่ม แต่ทำไมยังป่วยจึงก็ได้พบว่าเป็นเพราะเรายังรักษาจิตใจไม่ดีพอนั่นเอง นี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกครั้งของเรา
ที่ผ่านมามักมีปัญหาเรื่องการปวดประจำเดือนทุกเดือน แต่ก็ไม่ได้สนใจรักษา จนเมื่อ 13 ปีที่แล้วพบว่า ปวดท้องรุนแรงมาก จึงไปพบหมอตรวจอุลตราซาวน์ หมอบอกว่าเราเป็นพังผืดในมดลูก จึงถามว่า รักษาอย่างไร หมอบอกทนได้ ก็ทน ทนไม่ได้ก็มาผ่าตัดออก เราฟังแล้วก็ต้องหยุดคิด
เมื่อได้รับคำตอบจากหมอ เราก็ไปปรึกษาเพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ท่านหนึ่งบอกว่า เคยเป็นและผ่าตัดแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปก็ยังกลับมาเป็นอีก และได้มีโอกาสปรึกษาพี่สาวที่เรียนแพทย์แผนไทย เค้าบอกว่า ยังไม่น่าผ่าตัดและการผ่าตัดนั้นเจ็บมากจึงแนะนำให้ รักษาตัวเอง ด้วยแนวทางต่าง ๆ ดังนี้ การฝึกโยคะ การนวดแผนไทย การอบสมุนไพร การว่ายน้ำ ตอนนั้นเราก็ตั้งใจทำทุกรูปแบบ ดูแลตัวเองให้ดี มีวินัยมาก เพราะบอกตัวเองว่า ดีกว่าต้องขึ้นเตียงผ่าตัด ทุกเช้า-เย็นจะต้องฝึกโยคะทุกวัน ดูแลเรื่องอาหารด้วยการรับประทาน ผัก ผลไม้ จำนวนมากขึ้น จนลดน้ำหนักได้เกือบสิบกิโล เราทำติดต่อกันเป็นปีๆ จนรู้สึกได้ว่าสุขภาพแข็งแรงขึ้น หายจากอาการปวดท้องเวลามีประจำเดือน และพบว่าพังผืดในมดลูกหาย
เมื่อหายจากอาการพังผืดในมดลูกแล้วก็เผลอปล่อยปละ ใช้ชีวิตปกติผ่อนคลายสบายๆ จนกระทั่งแม่ ญาติ และเพื่อนเริ่มสังเกตว่าทำไมคอโตผิดปกติจึงได้ตรวจเลือด ผลบอกว่าเป็นปกติ แต่คอก็ยังโตอยู่ เลยไปตรวจซ้ำที่เชียงใหม่ หมอบอกว่าไทรอยด์ไม่ได้เป็นพิษ ไม่ได้เป็นคอพอก แต่เป็นเนื้องอกในไทรอยด์ซึ่งเป็นหนึ่งในหมื่นคน เราถามการรักษา หมอก็บอกอยู่ไปอย่างนี้ ไม่มียากิน ไม่มียาทา ผ่าตัดไม่ได้ แต่ต้องมาตรวจเช็คทุกหกเดือนเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้พัฒนาเป็นมะเร็ง
เมื่อกลับมาน่าน จึงตัดสินใจสมัครสมาชิกฟิตเนส เพื่อเป็นการบังคับตัวเอง เพราะว่าเสียเงินแล้ว ต้องไปออกกำลังกาย ต้องไปโยคะทุกวัน จึงวนกลับมาที่การดูแลตัวเองอีกครั้ง นี่แหละเนอะ เหตุปัจจัยมันมาพร้อม มาบังคับให้ชีวิตเราเจอจุดเปลี่ยนอีกครั้ง และถูกบังคับให้ต้องเปลี่ยนด้วยสัญญาณเตือนจากโรคภัย
แต่ครั้งนี้ ด้วยระยะเวลาผ่านมานาน เริ่มมีการศึกษา ทบทวนทางด้านจิตใจ ฝึกใจมากขึ้น ฟังธรรมมากขึ้น แถมเดี๋ยวนี้มีช่องทางการรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากมาย เราได้ฟังธรรมพระอาจารย์นันทญาณี และฟังพุทธวจนอย่างจริงจังอีกครั้ง จนปีนี้รู้สึกว่าตัวเองมีจิตใจที่มั่นคงมากขึ้น เมื่อมีความทุกข์ใจก็จะมีหลักยึด มากขึ้น แต่ ความ โลภ โกรธ หลง ยังคงมีอยู่ตามวิถีปุถุชน แต่เริ่มตรวจสอบใจได้มากขึ้น มีสติในชีวิตมากขึ้น ปีนี้หันมาลดน้ำหนักอีกครั้งอย่างตั้งใจ ก็ทำให้ลด นน. จาก 71 เหลือ 62 กก. ได้ ในช่วงเข้าพรรษาปีนี้ เพราะเข้าพรรษา ได้ตั้งใจฝึกฝนตัวเองทางกายด้วย จึงได้งดรับประทานอาหารเย็น ควบคู่ไปกับการฝึกโยคะ การเดินจงกรมและนั่งสมาธิให้จิตนิ่งก่อนนอน คือที่ผ่านๆ มา ก็บอกการปฏิบัติธรรมอยู่ที่ใจ แต่ไม่ได้ฝึกฝนเป็นรูปธรรม ปีนี้เมื่อตั้งใจจริงจัง จึงเกิดผลที่ดี ไทรอยด์ก็ยุบลง จากขนาด 3.9 ซม. เหลือ 2.8 ซม. โดยรวม ร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่เจ็บป่วย นับว่าโชคดี ที่การป่วยไข้มาเป็นจุดเปลี่ยน ที่เตือนให้เราได้ทบทวนชีวิตในทุกมิติ
สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต คือพระพุทธศาสนา ทำให้ใจเรามีที่อยู่ เคยร้องไห้ ไป สวดมนต์ไป รำพึงในใจว่า พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของชีวิต ขอบคุณทุกสิ่งที่ดีๆในชีวิต พ่อแม่ ญาติ มิตร ผู้หลักผู้ใหญ่ ที่ดูแล ให้กำลังใจเราเป็นอย่างดี
โชคดีที่เรามีเทวทูต คือความป่วยไข้มาช่วยเตือนตัวเรา ให้ใช้ชีวิตอย่างสมดุล ดูแลตัวเองให้ดี รวมถึงครอบครัว เพื่อน งาน การพักผ่อน ท่องเที่ยว และการปฏิบัติธรรม
การทำงาน คิดว่า อยากจะทำงานอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน ให้สำเร็จลุล่วง และคอยดูแล รักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของเมืองเก่าน่านไว้ให้ลูกหลาน และอยากทำเอกสารวิชาการให้ความรู้ต่อประชาชนให้มากที่สุด
การใช้ชีวิต ส่วนตัว ตอนนี้กำลังปรับปรุงบ้าน ให้สวยงามมากขึ้น มีที่พักผ่อนในบริเวณบ้านมากขึ้น เพื่อเป็นร้านชากุหลาบ (แบบตามนัด) เพื่อเป็นที่นัดหมายพบปะ พูดคุย และพักผ่อน ให้มาสัมผัสการใช้ชีวิตธรรมดา เรียบง่าย ปลูกผัก ปลูกดอกไม้ กุหลาบ ในบ้านของฉัน ที่จังหวัดน่าน
และที่สำคัญอยากดูแล พ่อแม่ ครอบครัว ญาติ มิตร ให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุข จะได้อยู่ด้วยกันไปนานๆ ด้วย
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า เหตุแห่งความป่วยไข้ มีสี่อย่าง คือ อาหาร (รวมถึงน้ำ) อากาศ จิตใจ และ กรรม เรายังไม่รู้ว่าจะพบกับความป่วยไข้ใดๆ หรือเจอจุดเปลี่ยนอะไรอีก แต่สิ่งที่จะรักษาเราให้ปกติสุข ดี นั้นคือ การรักษาศีล จะทำให้ชีวิตของคุณเป็นปกติสุข และคนเราควรมีสรณะที่พึ่งในจิตใจค่ะ
ขอให้กำลังใจกับคนที่กำลังป่วยไข้ ให้ลุกขึ้นมาสู้ ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างที่เป็นความสุข หายใจเข้าออก ลึกๆยาวๆ ความคิดของคนนั้นเปลี่ยนตามการรับรู้ รับรู้สิ่งที่ดีๆ บ่อยชีวิตจะดีขึ้นเรื่อยๆ
เคยเขียนบันทึกไว้ตอนป่วยไข้ อยากเอามาแบ่งปันสั้นๆ ส่วนนึงค่ะ
เราไม่รู้หรอกว่าชีวิตนี้มีโควต้าอีกกี่ปี กี่เดือน อย่างน้อยการได้เรียนโยคะทุกวันทำให้ฉันมีสมาธิ พบสุขที่ประณีตในทุกครั้งของการฝึก ยิ้มบอกว่าโชคดีแล้วที่เจอครูที่สอนให้ระลึกถึงนิพพานเป็นเป้าหมายชีวิต ได้ฟังธรรม นั่งสมาธิ มีพระพุทธศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยว ย้ำเตือนและให้กำลังใจตัวเองในการมาเยือนโลกในครั้งนี้ ระลึกถึงความตายบ้างเพื่อลดความประมาทในชีวิต ทำบุญและพัฒนาจิตใจ ใช้ชีวิตอย่างสมดุลย์ ครอบครัว การเรียน การทำงาน การพักผ่อน ขอให้พบสันติในใจในทุกวันรับมือได้กับทุกความเปลี่ยนแปลง จุดเปลี่ยนและทุกข์ใน ทุกรูปแบบ ชีวิตเราก็คุ้มค่ามากแล้ว
Inspire Now ! : ความพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ เป็นสิ่งสำคัญ แค่ได้ตื่นขึ้นมา ยังมีลมหายใจและมีร่างกายที่แข็งแรง ทำงานเลี้ยงดูตัวเองได้ มีพุทธศาสนาเป็นสรณะ และได้อยู่ท่ามกลางกัลยาณมิตร นั่นเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดแล้ว จึงอยากชวนทุกคนมาดูแลตัวเองให้ดี ในแบบฉบับของตัวเอง ให้มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายทั้งใจ พร้อมรับมือกับทุกปัญหาและการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะปีใหม่ปีหน้า ปีนี้ หรือปีไหนๆ เราก็จะได้มีชีวิตที่ดี คุ้มค่า และ มีความสุขสมดุลย์ ในแบบของตัวเราเอง เหมือนคุณอ้อยกันนะคะ |
---|
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันอยากมีจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ดีกว่าหรือเปล่า ? เรื่องราวของคุณอ้อย ทำให้สาวๆ อยากเปลี่ยนแปลงพัฒนาตนเองในการใช้ชีวิตหรือเปล่าคะ ? ลองมาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันนะ ♡
ชวนมาดูไอเดีย ออกแบบปฏิทิน ตั้งโต๊ะ สวยๆ พร้อม how to ที่ทำตามได้ง่ายๆ ออกแบบเองได้ตามความคิดสร้างสรรค์ และการใช้งาน ใช้เองก็ได้ ให้คนอื่นก็ดี
เกษียณแล้ว ทำอะไรดี แนะนำ อาชีพหลังเกษียณ พร้อมคำแนะนำในการเลือก ให้คุณได้ใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุข และรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง
ชวนดูวิธี โสดอย่างมีความสุข เอาใจสาวโสดทั้งที่ตั้งใจ และไม่ได้ตั้งใจ พร้อมแชร์นิยาม โสด หมายถึง อะไร พร้อมวิธีพัฬฒนาตัวเองที่ทำได้จริง