สำหรับสาวๆ วัยทำงาน อาการปวดตา ตาล้า เป็นหนึ่งในอาการที่มาทักทายเราบ่อยจนรู้สึกชิน แต่คุณรู้ไหมคะว่าถ้าปล่อยไว้ อาการนี้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพด้านอื่นๆ มากกว่าที่คิด DIY INSPIRE NOW จึงของชวนสาวๆ มาทำความรู้จักกับ อาการตาล้า ให้ดีขึ้น ทั้งสาเหตุ อาการ และวิธีรักษาด้วยตัวเอง เพื่อดูแลและถนอมสุขภาพดวงตาให้อยู่กับเราไปนานๆ ค่ะ
อาการตาล้า คืออะไร ?
อาการตาล้า มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Asthenopia หรือ Ocular fatigue เป็นอาการที่เกิดขึ้นเนื่องจากเราใช้งานสายตาหนักเกินไป เช่น การจ้องจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันหรือการอ่านหนังสือและทำงานในห้องที่แสงสว่างไม่เพียงพอ เป็นต้น โดยอาการปวดตา ตาล้าที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มักเป็นอาการชั่วคราว พอเราได้พักสายตาก็หายเป็นปกติ แต่ก็มีบ้างเหมือนกันค่ะที่การใช้สายตามากๆ จนตาล้าส่งผลกระทบให้เกิดอาการอย่างอื่นด้วย
ปวดตา ตาล้า มีอาการอย่างไร ?
อาการเวลาตาล้าจะเกิดขึ้นแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลนะคะ ไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องมีอาการเหมือนกันและอาจเกิดอาการแค่อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ส่วนอาการทั่วไปเวลาเราตาล้า มีดังนี้
- รู้สึกปวดกระบอกตาและรอบดวงตา
- ปวดหัวเวลาต้องใช้สายตา
- ตาแห้ง หรือตาฉ่ำจากน้ำตาที่ผลิตออกมาผิดปกติ
- มองเห็นภาพเบลอ ภาพไม่โฟกัส
- ปวดแสบปวดร้อนบริเวณดวงตา
- ตาไวตาแสง แสบตาง่าย
- ลืมตาลำบาก
นอกจากนี้ทาง American Academy of Ophthalmology ยังเผยว่า ผลกระทบจากอาการตาล้าของเรายังส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงต่างๆ ขึ้น เช่น
- ปวดศีรษะแบบไมเกรน
- คลื่นไส้ อาเจียน
- กล้ามเนื้อดวงตาหรือกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก
[affegg id=2228]
สาเหตุของอาการตาล้า เกิดจากอะไรได้บ้าง ?
การที่ดวงตาของเรารู้สึกอ่อนล้าจนเกิดอาการต่างๆ ขึ้นมานั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ ลองมาทำความเข้าใจกันไว้ก่อน จะได้ป้องกันและลดการเกิดตาล้าได้นะคะ
- การอ่านหนังสือติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่พักสายตา
- อ่านหนังสือ จ้องจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือใช้แท็บเล็ตมีปากกาโดยที่แสงสว่างรอบๆ ไม่เพียงพอ
- การขับรถที่ใช้ระยะเวลานานๆ
- การจ้องแสงสว่างที่จ้าเกินไป
- การทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตาโฟกัสที่จุดใดจุดหนึ่งเป็นระยะเวลานาน
- ความเครียดและเหนื่อยล้าของร่างกาย
- อากาศที่แห้งเกินไป เช่น การเปิดพัดลมใส่ใบหน้า
- อยู่ระหว่างอาการป่วยเกี่ยวกับดวงตา เช่น เป็นโรคตาแห้ง เป็นต้น
[affegg id=2227]
วิธีรักษาอาการตาล้าด้วยตัวเอง
การรักษาเวลาเกิดตาล้านั้นไม่ยากค่ะ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์ทั่วไป โดยเราขอแนะนำวิธีง่ายๆ ที่จะมาช่วยรักษาตาล้าให้รู้สึกดีขึ้น ช่วยบรรเทาอาการแบบธรรมชาติ ดังนี้
แสงสว่างมีส่วนทำให้ดวงตารู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมากเพราะหากแสงสว่างไม่เหมาะสม เช่น แสงน้อยหรือมากเกินไป ดวงตาของเราจะต้องทำงานหนักกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดกระบอกตา ตาล้า และตาแห้งขึ้นมาได้ ดังนั้นเวลาต้องทำงาน อ่านหนังสือ หรือแม้แต่เวลาเล่นสมาร์ทโฟนและดูทีวี อย่าลืมปรับแสงสว่างในห้องให้เหมาะสม มีแสงสว่างเพียงพอ รวมถึงปรับแสงจอสมาร์ทโฟนและจอทีวีให้อยู่ในระดับที่พอดี ไม่สว่างจ้าจนเกินไปด้วยนะคะ
-
ใช้กฎ 20-20-20 เมื่อต้องทำงานหน้าจอตลอดวัน
กำหนดการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตให้ตัวเอง โดยใช้กฎ 20-20-20 นั่นก็คือออกห่างหน้าจออย่างน้อย 20 ฟุต และทุกๆ 20 นาที ให้พักสายตา 20 วินาที โดยการพักสายตาสั้นๆ ทุก 20 นาทีนี้อาจเป็นการหลับตาสักพัก การมองไปยังที่ไกลๆ หรือการจ้องต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวๆ ก็ได้ค่ะ
การบริหารดวงตานอกจากจะเป็นการพักสายตาแล้ว ยังช่วยให้สายตาปรับโฟกัสได้ดีขึ้นและช่วยให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด ทำให้สายตากลับมาพร้อมใช้งานอีกครั้ง สามารถทำได้ง่ายๆ เริ่มจากการกรอกตาโดยไล่สายตาไปด้านบนสุดโดยไม่ต้องเงยหน้าหรือหันหน้าตาม จากนั้นไล่สายตาช้าๆ มาทางขวา จากบนลงล่าง แล้วจึงเคลื่อนไปทางซ้ายและกลับขึ้นสู่ด้านบน ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง สามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ
[affegg id=2226]
น้ำตาเทียมหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปหรือกรณีที่ใครมีอาการตาแห้งมากๆ หมออาจแนะนำให้ใช้น้ำตาเทียมเช่นกันค่ะ โดยการใช้น้ำตาเทียมมีวิธีการใช้งานคล้ายยาหยอดตา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาของเราและช่วยลดอาการปวดหรือตาล้าได้ แต่ก็มีผลข้างเคียงนะคะ คือ อาจมีการระคายเคืองตา ตาแดง มองเห็นไม่ชัด หรือรู้สึกขมในลำคอ แต่หากใครใช้แล้วรู้สึกหายใจลำบาก มีอาการบวมที่หน้า ลิ้น ริมฝีปาก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะคุณอาจแพ้น้ำตาเทียมค่ะ
นอกจากเรื่องของแสงแล้วอย่าลืมปรับสภาพอากาศให้เหมาะสมด้วยนะคะ โดยไม่เปิดพัดลมใส่ใบหน้าตรงๆ ส่วนใครอยู่ในห้องแอร์ก็ไม่ควรตั้งค่าอากาศให้เป็นแบบเป่าลมธรรมดา แต่ควรเปิดแอร์โดยใช้ฟังก์ชั่น Cool ที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศด้วย
การนอนหลับคือยาที่ดีที่สุดจริงๆ ค่ะ ในแต่ละวันเราควรนอนหลับให้เพียงพอเพื่อให้สายตาได้พักแบบเต็มที่ ส่วนใครหลับยากลองใช้วิธีนอนหลับให้สบายอย่างการลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน การปรับสภาพแวดล้อมรอบๆ ให้เหมาะสม หรือใช้การทำสมาธิแบบง่ายๆ มาช่วยก็ได้นะคะ
Inspire Now ! : อาการตาล้าอาจไม่ใช่อาการป่วยร้ายแรง แต่เมื่อไรที่เรารู้สึกปวดตา ตาล้าแล้วยังไม่ยอมพักสายตา ก็อาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นจนทรมานและส่งผลข้างเคียงอื่นๆ ได้ เพราะฉะนั้นอย่าลืมนำวิธีการดูแลดวงตา รักษาอาการตาล้าที่เรานำมาฝากไปใช้ และหมั่นพักสายตาบ่อยๆ เพื่อถนอมดวงตาของเราด้วยนะคะ |
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันได้ไอเดียสุขภาพใช่ไหม ? ใครมีวิธีดูแลดวงตาของตัวเองยังไงบ้าง มาคอมเมนต์บอกเราได้เลยนะคะ ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : healthline.com, posttoday.com