ในยุคปัจจุบันที่คนเรามีการใช้คอมพิวเตอร์ รวมถึงสมาร์ทโฟนกันมากขึ้นนั้น ส่งผลให้อาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้งานสิ่งเหล่านี้เป็นเวลานานๆ ได้ ที่นอกจากจะทำให้เกิดอาการตาล้าได้แล้วนั้น ยังทำให้เกิดอาการนิ้วล็อคได้อีกด้วย เพราะเราใช้งานนิ้วมือด้วยท่าทางเดิมๆ เป็นเวลาซ้ำๆ และต่อเนื่อง ซึ่งอาการนิ้วล็อคนั้นสามารถรักษาได้ทางการแพทย์ด้วยกันหลายวิธี ทั้งการฉีดยา เข้าเฝือก หรือผ่าตัด แต่หากว่าเรามีอาการที่ไม่รุนแรง หรือเพิ่งเริ่มเป็น ก็จะสามารถรักษาให้หายเองได้ไม่ยาก ซึ่งอาการนิ้วล็อคเกิดจากอะไร และ วิธีรักษานิ้วล็อคด้วยตัวเอง นั้นจะมีวิธีไหนบ้าง มาติดตามเรื่องราวสุขภาพนี้ กับ DIY INSPIRE NOW กันเลยค่ะ
หลากหลายวิธีรักษานิ้วล็อคด้วยตัวเอง ที่ทุกคนทำตามได้ หายสนิท
Image Credit : health.harvard.edu
อาการนิ้วล็อค (Trigger Finger) เป็นภาวะที่นิ้วข้างหนึ่งติดอยู่ในท่างอ และไม่สามารถเหยียดกลับมาให้ตรงได้ตามปกติ ซึ่งอาการนิ้วล็อคเกิดจากการที่ปลอกที่ล้อมรอบเส้นเอ็นในนิ้วนั้นเกิดการอักเสบ ทำให้เอ็นและปลอกหุ้มเอ็นตรงบริเวณนิ้วมือไม่สามารถยืดหรืองอได้ตามปกติ โดยอาจเกิดขึ้นได้ทั้งนิ้วโป้ง นิ้วกลาง หรือนิ้วนาง สามารถเกิดได้พร้อมกันหลายนิ้วและพร้อมกันทั้งสองข้างในเวลาเดียวกัน
[affegg id=1946]
Image Credit : digipubcloud.com
สาเหตุของอาการนิ้วล็อคเกิดจาก เวลาที่เราต้องใช้มือในการจับหรือใช้งานในท่าเดิมซ้ำๆ หรือเกร็งนิ้วมือในขณะทำงาน เช่น พิมพ์คอมพิวเตอร์นานๆ ใช้สมาร์ทโฟนติดต่อกันโดยไม่พัก หรือหิ้วของหนักๆ เป็นเวลานาน รวมถึงการใช้มือในการทำความสะอาดบ้านต่างๆ เช่น ซักผ้า บิดผ้า เป็นต้น ก็สามารถเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการนิ้วล็อคได้
อาการนิ้วล็อคเป็นอย่างไร? เริ่มจากจะรู้สึกเจ็บที่บริเวณโคนนิ้ว และมีเสียงดังกึกเมื่อต้องงอหรือยืดนิ้วออก จนทำให้เกิดอาการนิ้วแข็งขยับเปลี่ยนท่าไม่ได้และติดอยู่ในท่างอ รู้สึกตึงที่บริเวณนิ้ว จนไม่สามารถเหยียดนิ้วออกได้ในที่สุด
วิธีรักษานิ้วล็อคด้วยตัวเอง
มีหลายวิธีด้วยกัน ที่จะสามารถช่วยบรรเทาอาการของนิ้วล็อคได้ ดังนี้
-
พักนิ้ว
วิธีรักษานิ้วล็อคด้วยตัวเองที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งก็คือ การพักนิ้วที่เกิดอาการอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ โดยการพักและหยุดทำกิจกรรมต่างๆ ที่จะทำให้นิ้วเกิดการบาดเจ็บขึ้นอีก หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แนะนำให้สวมถุงมือแบบบุนวมก็จะช่วยป้องกันได้ นอกจากนี้การพักผ่อนอย่างเหมาะสมก็เป็นองค์ประกอบหลักในการรักษาเส้นเอ็น และช่วยลดความเจ็บปวดและการอักเสบรวมทั้งเร่งเวลาในการรักษาได้ดีอีกด้วย
-
ประคบเย็น
การประคบเย็นจะทำให้เกิดอาการชาที่ปลายประสาท ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดและบวมได้ สามารถทำได้โดยใส่น้ำแข็ง 2-3 ก้อนลงในผ้าขนหนูบางๆ แล้วมัดให้แน่น จากนั้นนำไปประคบที่บริเวณนิ้วที่มีอาการเป็นเวลา 10 นาที ทำซ้ำวันละ 2-3 ครั้งเป็นประจำ อาการนิ้วล็อคจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ต้องระวังอย่าใช้น้ำแข็งประคบลงบนผิวโดยตรง เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวมเป็นน้ำเหลืองได้
-
แช่มือในน้ำอุ่น
แม้ว่าการประคบเย็นจะเป็นวิธีรักษานิ้วล็อคด้วยตัวเองที่ได้ผลดี แต่การแช่นิ้วมือลงในน้ำอุ่นก็สามารถช่วยรักษาอาการนิ้วล็อคได้เช่นกัน โดยจะเป็นการไปผ่อนคลายเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ช่วยลดอาการปวด และช่วยให้ขยับนิ้วได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ทำได้โดยแช่นิ้วมือที่มีอาการลงในชามใส่น้ำอุ่น ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ทำ 4-5 ครั้งตลอดทั้งวัน จะช่วยให้อาการดีขึ้น
[affegg id=1945]
-
บริหารมือยืดกล้ามเนื้อ
การบริหารมือยืดกล้ามเนื้อ จะช่วยรักษาความคล่องตัวในนิ้วและยังช่วยในกระบวนการบำบัดได้อีกด้วย วิธีบริหารนิ้วมือสามารถทำได้ ดังนี้
Image Credit : flexcin.com
วิธีที่ 1 : กางนิ้วมือออกจากกันให้กว้าง จากนั้นกำมือเข้าหากัน ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง พยายามทำบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้ตลอดทั้งวัน
Image Credit : lifetimedaily.com
วิธีที่ 2 : ถือลูกเทนนิสหรือลูกบอลเล็กๆ แล้วบีบไว้ในอุ้งมือเป็นเวลา 10 วินาทีแล้วปล่อย ทำแบบนี้ซ้ำ 5-10 ครั้งต่อวัน
Image Credit : pinterest.com/littlethings.com
วิธีที่ 3 : การออกกำลังกายแบบยืดนิ้วอีกแบบหนึ่งก็คือ การใช้ยางรัดที่บริเวณนิ้วมือ แล้วกางมือออกเพื่อต้านแรงต้านทาน ทำ 5-10 นาที วันละหลายๆ ครั้ง
[affegg id=1947]
- นวดนิ้ว
Image Credit : raleighortho.com
การนวดนิ้วที่ล็อคเป็นประจำ ก็เป็นวิธีรักษานิ้วล็อคด้วยตัวเองอีกวิธีที่ดี เพราะจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทั้งยังช่วยลดอาการบวมและตึงอีกด้วย โดยใช้นิ้วของมืออีกข้างที่ไม่มีอาการ นวดเบาๆ ที่บริเวณอุ้งมือ กึ่งกลางฝ่ามือ และข้อนิ้วมือทุกข้อ ด้วยการใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงไปเบาๆ และค้างไว้ประมาณ 10-15 วินาที ทำซ้ำวันละ 2-3 ครั้งทุกวัน
Inspire Now ! : วิธีที่จะช่วยป้องกันอาการนิ้วล็อกเกิดจากการใช้มือทำงานหนักซ้ำๆ นั้น คือการหลีกเลี่ยงการใช้งานหนักของเส้นเอ็นมากที่จนเกินไป โดยควรลดกิจกรรมที่ต้องใช้มือ หรือข้อมือ ที่ต้องกำแน่นๆ เพราะจะเป็นการใช้เส้นเอ็นมากเกินไป หรือเวลาใช้คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน ก็ควรมีเวลาในการพักข้อมือบ้าง อย่าใช้ติดต่อกันนานหลายชั่วโมง หรือใช้วิธีบริหารมือข้างต้น ก็จะช่วยป้องกันอาการนิ้วล็อคที่ยังไม่เกิดขึ้นได้ค่ะ |
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันได้ไอเดียสุขภาพ ในการดูแลตัวเองใช่ไหม ? ได้รู้กันไปแล้วว่าอาการนิ้วล็อคเกิดจากอะไร และนอกจากการป้องกันรักษาอาการนิ้วล็อคแล้ว อย่าลืมดูแลสุขภาพในด้านอื่นๆ ด้วยนะคะ อย่างเช่น การออกกำลังกายลดต้นขา สะโพก เพื่อให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรง ควบคู่ไปกับรูปร่างที่ดี และยังทำให้เราได้ไอเดียดีๆ ในการดูแลสุขภาพอีกด้วย ♡
ที่มาอ้างอิง : braceability.com, top10homeremedies.com, mayoclinic.org