เบื่อไหมคะกับอาการ ปวดท้องประจำเดือนหนัก ๆ ที่สาว ๆ ทุกคนต้องเจอในแต่ละเดือนจนไม่เป็นอันได้ทำอะไรกันเลยทีเดียว ซึ่งบางคนอาจโชคดีปวดน้อยวันสองวันก็หาย แต่ก็มีสาว ๆ บางคนปวดหนักมากติดต่อกันหลายวันจนต้องหายาบรรเทาอาการปวดประจำเดือนมากินก็มี วันนี้ DIY INSPIRE NOW เลยขออาสาพาสาว ๆ มาทำความเข้าใจถึงอาการปวดประจำเดือนกันค่ะว่าแบบไหนที่เรียกว่าปกติและที่เรียกว่าผิดปกติจนต้องไปหาหมอนั้นจะต้องปวดรุนแรงขนาดไหนกันแน่วันนี้เรามีคำตอบค่ะ
ปวดท้องประจำเดือนหนัก ต้องรุนแรงมากขนาดไหนถึงควรไปหาหมอ
สาเหตุของการปวดท้องประจำเดือน
อาการปวดท้องประจำเดือน (Dysmenorrhea) ถือเป็นอาการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของร่างกายที่เมื่อไข่ตกและไม่มีการปฏิสนธิขึ้นก็จะขับเยื้อบุมดลูกออกมา โดยในช่วงก่อนและระหว่างมีประจำเดือนเนื่องร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ทำให้มดลูกบีบตัวขับเนื้อเยื้อบุในมดลูกออกมาเป็นเลือด จึงทำให้เรารู้สึกปวดหน่วง ๆ บริเวณท้องน้อย ซึ่งลักษณะอาการปวดก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละครแตกต่างกันไปค่ะ บางทีก็ปวดร้าวไปถึงบริเวณหลัง สะโพกและต้นขา นอกจากนั้นผลของฮอร์โมนโพรสตาแกลนดินยังทำให้สาว ๆ บางคนมีอาการท้องเสีย ปวดหัว หน้ามือ และคลื่นไส้อาเจียนร่วมกับการมีประจำเดือนได้ค่ะ
- ลักษณะอาการปวดประจำเดือนแบบทั่วไป
ส่วนใหญ่แล้วการปวดประจำเดือนมักจะส่งสัญญาณใน 1-2 วัน ก่อนประจำเดือนมาร่วมกับอาการ PMS หรือกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนที่สาว ๆ จะมีอาการคล้ายกับอาการวัยหมดประจำเดือน เช่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย คัดเต้านม เป็นต้น และหลังจากนั้นก็จะมีอาการปวดร่วมกับการเป็นประจำเดือนไปอีก 2-3 วันแรก ซึ่งอาการปวดประจำเดือนโดยทั่วไปนั้นจะไม่รบกวนการใช้ชีวิตมากนัก เป็นอาการปวดเพียงแค่รู้สึกหน่วง ๆ และสามารถทนได้ไม่ใช่ลักษณะการปวดประจำเดือนหนักมาก จนต้องพึ่งการรับประทานยาบรรเทาปวดประจำเดือนแค่ใช้ถุงน้ำร้อนประคบเบา ๆ ก็ช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้
ลักษณะอาการปวดประจำเดือนแบบรุนแรง
อาการปวดประจำเดือนที่เข้าข่ายความผิดปกติคือลักษณะการ ปวดประจำเดือนหนักมาก ถึงขั้นที่ปวดท้องตัวขดตัวงอจนไม่สามารถลุกขึ้นมาทำกิจกรรมหรือดำเนินชีวิตได้ตามปกติ และรู้สึกปวดมากขึ้นต่อเนื่องไม่หายหลังจากประจำเดือนหมดไปแล้วอีกหลายวัน สาว ๆ บางรายอาจมีอาการ ปวดประจำเดือนหนักมาก แบบเท่าทวีขึ้นไปในแต่ละครั้ง จากที่เคยปวดแค่ 1-2 วันก็ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 3-5 วัน หรือจากที่เคยกินยาแก้ปวดประจำเดือนเท่าเดิมอาจจะไม่ใช่ช่วยบรรเทาต้องเพิ่มปริมาณหรือเปลี่ยนยี่ห้อถึงจะดีขึ้น ซึ่งลักษณะเช่นนี้สาว ๆ อย่าวางใจนะคะอาจจะไม่ใช่แค่การปวดประจำเดือนแต่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเกี่ยวกับมดลูกได้
- ปวดประจำเดือนหนักมากแค่ไหนจึงควรไปพบแพทย์
อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าสาว ๆ คงมีคำถามในใจว่าแล้วปวดประจำเดือนหนักมากขนาดไหนถึงจะถือว่าผิดปกติและควรรีบไปพบแพทย์ ง่าย ๆ เลยค่ะถ้าอาการปวดหนักถึงขนาดที่ต้องนอนทุกข์ทรมานขยับตัวยากลำบากจนรบกวนการใช้ชีวิตให้สันนิษฐานไว้ก่อนค่ะว่าไม่ใช่เรื่องดี และถ้ายิ่งปวดประจำเดือนหนักมากๆ ร่วมกับมีประจำเดือนมามากกว่าปกติต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ มีสีและกลิ่นของประจำเดือนแปลกไป มีการตกขาว มีไข้อ่อน ๆ ในระหว่างเป็นประจำเดือน หรือยังคงมีอาการปวดอยู่หลังจากประจำเดือนหมด รวมไปถึงสาว ๆ ที่อายุเกิน 25 ปีแต่เพิ่งเคยปวดประจำเดือนหนักมากๆ เป็นครั้งแรก
ถ้าหากสาว ๆ มีลักษณะอาการดังกล่าวนี้อย่าปล่อยไว้นะคะรีบไปหาคุณหมอกันด่วน ๆ เลยค่ะ เพราะอาจจะเสี่ยงเป็นโรคอื่น ๆ อย่างเยื้อบุมดลูกเจริญผิดที่ ช็อกโกแลตซีสต์ ติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน มีถุงน้ำบริเวณรังไข่ ไปจนถึงเนื้องอกและมะเร็งในมดลูกได้เลยนะคะ โดยคุณหมอจะซักประวัติ ตรวจภายในส่องดูความผิดปกติร่วมกับการอัลตราซาวน์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาที่ต้นตอของการปวดค่ะ
- ข้อปฏิบัติง่าย ๆ เพื่อลดอาการปวดประจำเดือน
การปฏิบัติตัวเพื่อลดอาการปวดประจำเดือนเบสิกเลยก็คือการประคบร้อนบริเวณท้องน้อยและหลังให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย รวมไปถึงการออกกำลังกายเบา ๆ อย่างโยคะก็ช่วยลดการปวดประจำเดือนได้เช่นกันนะคะ นอกจากนั้นในช่วงที่เป็นประจำเดือนห้ามกินอะไรที่ไปกระตุ้นการปวดประจำเดือนให้แย่ลงอย่างอาหารรสจัด อาหารที่มีไขมันสูง ถั่วต่าง ๆ แอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะจะทำให้ท้องอืดไม่สบายตัวได้ เน้นรับประทานผักผลไม้ แต่ถ้าเริ่มมีอาการปวดประจำเดือนหนักมากๆ อาจเริ่มจากการกินยาแก้ปวดก่อน ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ร่วมด้วยก็ต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไปค่ะ
Inspire Now ! : อาการปวดท้องประจำเดือนนั้นเป็นสิ่งที่สาว ๆ ต้องประสบและอยู่กับมันทุกเดือน สิ่งสำคัญเลยก็คือสาว ๆ ต้องมีความเข้าใจอาการปวดของตัวเอง ควรรู้ว่าปวดแบบไหนปกติหรือผิดปกติ ถ้าปวดไม่มากก็ไม่ควรพึ่งยาแก้ปวดเกินความจำเป็น เพราะอาจจะทำให้เคยชินจนต้องเพิ่มโดสยาไปเรื่อย ๆ ซึ่งนานเข้าอาจไม่ได้ผลหรืออาจจะเกิดผลแทรกซ้อนข้างเคียงได้ ควรหมั่นสังเกตตนเองและติดตามอาการปวดทุกครั้ง เพราะถ้าเกิดมีความผิดปกติขึ้นจะได้หาทางแก้ไข้ได้ทันท่วงที เพราะสุขภาพภายในของผู้หญิงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่ควรมองข้าม |
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันได้คำตอบเกี่ยวกับอาการปวดประจำเดือนมากขึ้นกว่าเดิม สาว ๆ มีประสบการณ์และวิธีรับมือกับการปวดท้องประจำเดือนแบบไหนยังไงบ้างนั้นสามารถมาแชร์แลกเปลี่ยนกับเราได้นะคะ ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : petcharavejhospital.com, paolohospital.com, synphaet.co.th