How to ทำข้าวผัดสีชมพู ทำยังไงให้อร่อย สวยงาม น่ากิน

ข้าวผัดเป็นเมนูอาหารจานเดียวที่หลายคนชอบ แต่สาวๆ เคยรู้จักหรือเคยกิน ข้าวผัดสีชมพู กันหรือเปล่าคะ? ข้าวผัดที่มีสีชมพูนั้นมีที่มาในไทยไม่แน่ชัดเท่าไรนัก แต่เชื่อกันว่าเป็นการดัดแปลงวิธีการทำข้าวผัดแบบจีนให้มีรูปแบบเฉพาะตัวมากขึ้นโดยการใส่ “ซอสแดง” หรือซอสเย็นตาโฟ กลายเป็นข้าวผัดที่มีสีชมพูสวย เห็นได้บ่อยๆ จากเมนูในตำนานอย่างข้าวผัดรถไฟ เป้นเมนูข้าวผัดโบราณที่หลายคนติดใจมาตั้งแต่เด็กแต่ปัจจุบันหากินยาก เพราะฉะนั้นมาดูวิธีทำข้าวผัดสีหวานแบบง่ายๆ กับ DIY INSPIRE NOW กันดีกว่าค่ะ

How to ทำ ข้าวผัดสีชมพู ด้วยตัวเอง อร่อยเด็ดสไตล์เมนูในตำนาน

1. ข้าวผัดสีชมพูสไตล์ไทย

Image Credit : cookpad.com

เริ่มกันที่วิธีการทำข้าวผัดแบบสไตล์ไทยๆ หอมซอสปรุงรสและมีกลิ่นน้ำปลาติดกระทะมานิดๆ พร้อมปรุงด้วยซอสแดงหรือซอสเย็นตาโฟให้ได้สีสวยแบบที่เราคุ้นเคย จะกินเป็นอาหารจานเดียวหรือนำสูตรไก่เกาหลีไปทำกินแกล้มก็เข้ากันอยู่นะ

ส่วนผสม :

1. ข้าวสวย 1 ถ้วย
2. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
3. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
4. ซอสปรุงรส ตามชอบ
5. น้ำตาล 1 ช้อนชา
6. ผงปรุงรสรสดี 1 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
7. น้ำปลา เล็กน้อย
8. ซอสเย็นตาโฟ 2 ช้อนโต๊ะ
9. ไข่เป็ด 1 ฟอง
10. เนื้อหมู 1 ถ้วย
11. ต้นหอม 1 – 2 ต้น
12. มะเขือเทศ ตามชอบ
13. หัวหัวใหญ่ซอย ตามชอบ
14. แตงกวา ตามชอบ
15. พริกไทยป่น ตามชอบ

วิธีทำ :

1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช จากนั้นเจียวกระเทียมให้พอหอม ตามด้วยเนื้อหมูลงไปผัดให้สุก ตามด้วยข้าวสวยและซอสแดงหรือซอสเย็นตาโฟพระเอกของข้าวผัดสีชมพู
2. เหยาะน้ำปลาเล็กน้อยตามด้วยซอสปรุงรส ผัดให้เข้ากัน 
3. ใส่หอมใหญ่และมะเขือเทศ ผัดให้เม็ดข้าวแห้งและดีดตัว จากนั้นเกลี่ยข้าวไปไว้ขอบกระทะ ตอกไข่เป็นที่กลางกระทะ รอจนไข่เริ่มสุกให้ผัดข้าวลงคลุกไปให้ทั่ว 
4. ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยต้นหอม แตงกวา 
5. พร้อมเสิร์ฟ

ทิปส์ : ตามตำราบอกว่าให้เลือกใช้หมูสามชั้นหรือหมูติดมันนิดๆ จะยิ่งทำให้ข้าวผัดของเราอร่อยมากขึ้น แต่ถ้าใครอยากเฮลท์ตี้ก็เลือกเนื้อหมูหมักนุ่มๆ แทนก็ได้เหมือนกันนะ

2. ข้าวผัดสีชมพูสูตรวีแกน

Image Credit : letsbevegan.com

ใครที่เป็นสาวๆ รักสุขภาพ นอกจากจะเรียนรู้วิธีทำลูกชิ้นปลาด้วยตัวเองไว้กินแบบเฮลท์ตี้แล้ว ลองมาดูวิธีการทำข้าวผัดสูตรวีแกนกันค่ะ โดยเราจะเลือกใช้บีตรูทเพื่อให้สีชมพูสวยแทนซอสเย็นตาโฟและใช้ผักมาเป็นเครื่องแทนเนื้อสัตว์ ทำให้อุดมไปด้วยคุณค่าและวิตามินจากผัก รับรองจานนี้อร่อยแน่นอน

ส่วนผสม :

1. บีตรูทล้างให้สะอาดและปอกเปลือก 1 หัว
2. ข้าวสวย 4 ถ้วย
3. หัวหอมซอย ¼ ถ้วย
4. พริกหวานสีเหลืองหั่นชิ้นพอคำ ¼ ส่วน 
5. เห็ดฟางหรือเห็นที่ชอบ 1 ถ้วย
6. บร็อกโคลีหิ้นพอคำ 1 ถ้วย
7. ต้นหอมสับ ตามชอบ 
8. งาดำ 1 ช้อนชา
9. น้ำมันพืช เล็กน้อย
10. น้ำมันงา ½ ช้อนชา
11. ผงกระเทียม ½ ช้อนชา
12. ถั่วลันเตา 1 ถ้วย
13. ผักชี 1 ตามชอบ
14. เกลือและพริกไทย สำหรับปรุงรส

วิธีทำ :

1. ตั้งกระทะจากนั้นใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย รอจนน้ำมันร้อนนำบีตรูทลงไปผัด ตามด้วยข้าวและผงกระเทียม สีของบีตรูทจะเคลือบข้าวให้เป็นสีชมพูสวย
2. ใส่ผักที่เหลือลงไปผัดจนสุก ปรุงรสด้วยเหลือและพริกไทยตามชอบ
3. โรยงาดำเป็นขั้นตอนสุดท้าย ผัดเร็วๆ จนเม็ดข้าวดีดตัวดีแล้วจึงปิดเตา
4. ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

หรือใครชอบกินข้าวผัดปู จะทำตามสูตร “ข้าวผัดปูสีชมพู” สูตรนี้ก็ได้นะ ซึ่งเขาก็ใช้ซอสเย็นตาโฟเหมือนข้าวผัดสีชมพูไทยสไตล์นี่แหละค่ะ เพียงแต่เปลี่ยนจากเนื้อหมูมาเป็นเนื้อปูแทน นอกจากนี้สาวๆ ยังสามารถดัดแปลงใส่เนื้อสัตว์ที่ตัวเองชอบลงไปแทนก็ได้นะ

เมนูข้าวผัดเป้นเมนูที่ทำง่ายมากๆ แต่ก็มีเคล็ดลับที่ทำให้อร่อยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ข้าวค้างคืน ข้าวแช่ตู้เย็น เพื่อให้เวลานำมาผัดเมล็ดข้าวจะดีดตัวดีและได้รับความร้อนแบบทั่วถึง ได้ข้าวผัดที่มีรสสัมผัสกำลังดี ไม่เละ ไม่แฉะ นอกจากนี้การใช้ไฟที่แรงแบบพอเหมาะผสมผสานกับการผัดเร็วๆ ก็ช่วยให้ข้าวผัดของเราอร่อยขึ้นได้เช่นกัน

Image Credit : FB/เลอ’นัว บางบัวทอง : ร้านอาหารไทย กะเพราถาด บรรยากาศย้อนยุค

Inspire Now ! : เมนูข้าวผัดสีชมพูเป็นเมนูวัยเด็กที่ใครหลายคนชอบและอยากกินอีกครั้ง คราวนี้ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหนไกล ไม่ต้องขึ้นรถไฟก็กินได้เพราะเราสามารถทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้านแล้วค่ะ เคล็ดลับก็แค่ใส่พระเอกอย่างซอสเย็นตาโฟลงไปเท่านั้นเอง หรือใครอยากดัดแปลงสูตรเป็นการใช้ซอสมะเขือเทศแทนก็ได้นะ นอกจากนี้ใครกินมังสวิรัติยังสามารถนำวิธีทำข้าวผัดสีหวานสไตล์วีแกนที่เรานำมาฝากไปลองทำเองได้ด้วยเช่นกัน ได้จานหลักแล้วอย่าลืมปิดท้ายด้วยเมนูฟักทอง ของหวานสักเมนู เท่านี้ก็จบมื้อพิเศษไปได้อีกมื้อ

DIY INSPIRE NOW  ทำให้ฉันได้ไอเดียของกินใช่ไหม ? ใครมีความทรงจำวัยเด็กกับข้าวผัดสีหวานยังไงบ้าง และตอนนี้เพื่อนๆ ได้ลองทำเมนูย้อนวัยเมนูนี้กันหรือยัง มาแชร์ให้เรารู้บ้างนะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : letsbevegan.com, cookpad.com, thaipost.net

Featured Image Credit : freepik.com/foodshop