รู้จักตัวเอง, explorer แปลว่า

Interview : ชวนมา รู้จักตัวเอง และ Explore ความรักความชอบของตัวเองกับคุณพลอยไพลิน สาวนักค้นหาตัวเอง เพื่อให้ได้เจอเส้นทางที่ใช่ และมีความสุขได้ในทุกๆ วัน

GUEST : คุณพลอยไพลิน เกษมสุข (Ploypilin Kasemsuk) ผู้ที่นิยามตัวเองว่าเป็น Seeker และเป็นนักเล่น

ชวนคุณพลอยไพลินมาแชร์ประสบการณ์ในสิ่งที่ทำ บทบาทการทำหน้าที่ต่างๆ ปัจจุบันเธอเป็นนักฟื้นฟูทางจิตวิญวิญญาณ โดยใช้ศาสตร์การดูไพ่ยิปซีควบคู่ไปกับจิตวิทยา นอกจากนี้ เธอยังเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการด้านธุรกิจ ด้านทรัพยากรมนุษย์ และทำงานมาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Event Organizer เป็นนักร้อง เป็นนักจัดตั้งโครงการต่างๆ อะไรเป็นแรงผลักดันให้คุณพลอยไพลินเลือกทำหลายสิ่งหลายอย่าง และเธอค้นหาความชอบในสิ่งต่างๆ อย่างไร มีการ Explore สิ่งที่ตัวเองรักยังไง จนกว่าจะเจอทางที่ใช่และรู้สึกรักในสิ่งที่ทำ และก่อเกิดเป็นความรักความภาคภูมิใจในตัวเอง แถมยัง รู้จักตัวเอง มากขึ้นในทุกๆ บทบาทที่ทำด้วย ไปอ่านเรื่องราวของคุณพลอยกันเลยค่ะ

ชวนมา Explore ความรักความชอบกับคุณพลอย ผู้ที่บอกว่าตัวเองสวมหมวกหลายใบ มีหลายบทบาท และใช้ความสนุกนำทางในการค้นหาตัวเอง จนทำให้ รู้จักตัวเอง มากขึ้นในทุกบทบาทที่ทำ

1. ลองเล่าเกี่ยวกับตัวเองสั้นๆ ให้ฟังหน่อย ตอนนี้ทำอะไรอยู่คะ

รู้จักตัวเอง, explorer แปลว่า

เรานัดเจอกันที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ บรรยากาศช่วงสายในช่วงหน้าหนาวยังมีอากาศเย็นๆ หลงเหลืออยู่ บริเวณคาเฟ่มีต้นไม้ครึ้ม ได้ยินเสียงนกร้องเป็นบางครั้ง สร้างบรรยากาศการพูดคุยสบายๆ เราให้คุณพลอยแนะนำตัวสั้นๆ ว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่

“ชื่อพลอยไพลินนะคะ เรียกว่าพลอยก็ได้ ตอนนี้ทำค่อนข้างหลากหลาย แต่หลักๆ ที่ทำจะเป็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการ และการให้คำปรึกษา ทั้งให้คำปรึกษาด้านธุรกิจในส่วนของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์หรือ HR แล้วก็ให้คำปรึกษาในเชิงจิตใจ จิตวิญญาณบำบัด หรือ Psychospiritual Therapy โดยใช้ไพ่ยิปซีประกอบ แล้วก็มีให้ปรึกษาเกี่ยวกับองค์ความรู้เทคนิคการแพทย์อยู่บ้างค่ะ” คุณพลอยบอกว่าตัวเองไม่ได้สังกัดในองค์กรไหน แต่เป็นการทำงานอิสระที่แล้วแต่ว่าจะมีคนติดต่อมาขอคำปรึกษาหรือให้ไปรับงานส่วนไหน ถ้าให้บอกเป็นอาชีพ ก็คงจะเป็นที่ปรึกษาหรือ “Consautant” ซึ่งก็แล้วแต่ว่า จะเป็นการปรึกษาในเรื่องใด

2. ก่อนจะไปพูดถึงบทบาทหน้าที่ต่างๆ อยากให้เล่าเกี่ยวกับช่วงวัยเด็กของตัวเอง ช่วงอายุ 10 ปี เป็นยังไงบ้าง ?

คุณพลอยบอกว่า ตอนเด็กๆ ค่อนข้างที่จะเป็นเด็กเรียบร้อย แล้วก็สนใจเกี่ยวกับเรื่องดนตรี ชอบฟังเพลง ทำให้เธอได้ภาษาอังกฤษ  แล้วก็ทำให้สนใจเกี่ยวกับการร้องเพลง ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่เธอทำอยู่เรื่อยๆ แล้วแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย แต่จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตคือ เธอประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่เมื่อตอนอายุ 10 ขวบ “เราโตที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก แล้วตอนนั้นถ้าจะเข้ากรุงเทพก็ต้องนั่งรถทัวร์ไป แล้วเกิดอุบัติเหตุรุนแรง รถทัวร์คว่ำเพราะคนขับหลับใน คนขับกับลูกพี่ลูกน้องของเราที่นั่งไปด้วยกันเสียชีวิต ส่วนเราบาดเจ็บรุนแรง ขาหัก ซึ่งการขาหักครั้งนั้น ทำให้ชีวิตวัยเด็กของเราไม่เหมือนคนอื่นเลย” คุณพลอยเล่าให้ฟังว่า เพราะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในชีวิตช่วงวัยเด็ก ทำให้เธอมองโลกไม่เหมือนคนอื่น การขาหักในบริเวณช่วงต้นขาข้างหนึ่งทำให้เธอไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ต้องใช้เวลารักษานาน ทำให้เดินไม่สะดวก และไม่สามารถออกไปเล่นกีฬาหรือออกไปวิ่งเล่นทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้ “ตอนนั้นเราก็รู้สึกแย่นะ ว่าทำไมเราไม่เหมือนคนอื่น แล้วยิ่งช่วงวัยเด็กเป็นช่วงที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม อยากเป็นส่วนหนึ่งของเพื่อนๆ แต่ว่าเรากลับแตกต่าง ตอนนั้นต้องใช้ไม้เท้าเดิน เราอยากไปเล่นกีฬากับเพื่อนๆ เราก็ทำไม่ได้ เพราะมีข้อจำกัดตรงนี้” ช่วงวัยเด็กคุณพลอยบอกว่าค่อนข้างมองตัวเองแตกต่างจากคนอื่นและคิดว่าตัวเองไม่เหมือนคนทั่วไป ทั้งยังทำให้เกิดความรู้สึกทุกข์ใจ ที่ตัวเองไม่เหมือนคนอื่น

“ยิ่งช่วงวัยเด็กเป็นช่วงที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม อยากเป็นส่วนหนึ่งของเพื่อนๆ แต่ว่าเรากลับแตกต่าง”

และการขาหักในครั้งนั้นส่งผลทำให้กระดูกของเธอไม่แข็งแรง แม้จะรักษาตามปกติแล้ว ส่งผลทำให้เธอขาหักอีก 2 ครั้งในภายหลัง “ตอนนั้นเราก็พยายามหาคำตอบว่าทำไมตัวเราเองถึงเป็นแบบนี้ แล้วไม่ว่าจะหาหมอสายไหน ทุกองค์ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ทางเลือก แพทย์แผนโบราณ แพทย์แผนปัจจุบัน ก็ยังไม่มีคำตอบให้เรา” คุณพลอยเล่าว่าในตอนนั้นยังไม่มีงานวิจัยหรือมีองค์ความรู้แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับอาการของเธอ ทำให้ในตอนนั้นคุยพลอยถึงกับมีอาการซึมเศร้าเลยทีเดียว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็หล่อหลอมเธอเป็นคนที่มีการทำงานกับโลกภายในของตัวเองมากๆ เป็นการ Self Monitoring ความคิด จิตใจของตัวเอง และยอมรับว่าตัวเองมีข้อจำกัด มีความแตกต่างจากคนอื่น เธอบอกว่า กว่าจะยอมรับว่าต้องอยู่กับข้อจำกัดในด้านร่างกายของตัวเอง ก็ใช้เวลานานเลยทีเดียว  เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำงานกับความคิด ความรู้สึกของตัวเอง และยอมรับในสิ่งที่มันเป็น ปัจจุบันอาการของเธอดีขึ้นมากแล้วเพราะมีการผ่าตัดใช้เหล็กดามกระดูกอยู่ข้างใน ซึ่งจะช่วยพยุงกระดูกของเธอให้แข็งแรงและไม่หักง่ายอีก

“ตอนแรกเราก็ไม่ยอมรับนะว่าเราต้องอยู่แบบนี้ เพราะเราคิดว่ามันไม่ปกติ มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของร่างกายเรา แต่พอโตขึ้นเราก็ยอมรับในข้อจำกัดของเราได้ และคิดว่าก็ต้องอยู่กับมันไปแบบนี้ ไม่ได้ผลักใส่มันและยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเรา และมันก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก สุดท้ายเราก็อยู่กับมันได้” ด้วยความที่มีความแตกต่างจากคนอื่นตั้งแต่เด็กๆ นั้น ก็ไม่เรื่องง่ายที่เด็กคนหนึ่งจะยอมรับกับตัวเองได้ว่า ตัวเองมีความไม่ปกติ ไม่เหมือนคนอื่น แต่ในที่สุดแล้วคุณพลอยก็อยู่กับความแตกต่างและข้อจำกัดของตัวเองได้ โดยที่ไม่ได้รู้สึกแย่กับตัวเองอีกต่อไป

3. แล้วช่วงอายุ 20 ปีเป็นยังไง ? ช่วยเล่าถึงเส้นทางในการเลือกทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตให้ฟังหน่อยได้ไหม

รู้จักตัวเอง, explorer แปลว่า
Image Credit : Ploypilin Kasemsuk

ในช่วงเข้าเรียนชั้นมหาวิทยาลัย เธอเลือกเรียนคณะเทคนิคการแพทย์ แต่ความจริงแล้วคุณพลอยบอกว่า ตัวเองมีความสนใจในด้านจิตวิทยามาตั้งแต่ช่วงมัธยม ด้วยเหตุการณ์รุนแรงในชีวิตที่เกิดขึ้น ทำให้เธออยากจะเข้าใจถึงความคิด ความรู้สึกของตัวเอง แล้วก็คนอื่นๆ นอกจากนี้ เธอยังสนใจในด้านภาษา องค์การระหว่างประเทศ แถมยังเป็นนักกิจกรรมตัวยง ในตอนเรียนชั้นมัธยมปลายก็เป็นประทานนักเรียนและทำกิจกรรมในโรงเรียนอยู่ตลอด แต่ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจเลือกเข้าเรียนในคณะเทคนิคการแพทย์เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่สามารถต่อยอดได้หลายสาย เป็นสิ่งที่ตัวเองสนใจ และสามารถโยงไปถึงสิ่งที่คุณพลอยสนใจหลายอย่างได้ เช่น ไปเป็นนักวิจัยในต่างประเทศ ก็สามารถเชื่อมโยงถึงองค์การระหว่างประเทศ ประกอบกับสังคมไทยให้คุณค่าในด้านการแพทย์เป็นอย่างมาก ทำให้ตัดสินใจเรียนในคณะนี้

แต่คุณพลอยก็เล่าต่อว่า เมื่อตอนเรียนก็รู้สึกไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ เพราะค่อนข้างที่จะเรียนหนัก และสิ่งแวดล้อมการทำงานในโรงพยาบาลก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณพลอยต้องการ “เราเรียนสายสุขภาพก็จริง แต่สุขภาพเราแย่มาก ตอนนั้นจำได้ว่าได้นอนแค่วันละ 3 ชั่วโมง กินกาแฟวันละ 3 แก้ว จนร่างกายป่วย ทำให้เราได้มาคิดกับตัวเองว่า เรารักษาสุขภาพของคนอื่น แต่เรากำลังเผาไหม้ตัวเองอยู่ ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่เป็นจิตใจของเราด้วย” นั่นเลยเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอได้ รู้จักตัวเอง ในแง่ของการเลือกอาชีพมากขึ้น และมาขบคิดได้ว่า แค่ความสนใจอาจจะไม่เพียงพอให้เธอสามารถอยู่กับสายอาชีพนี้ได้ และอาจจะมีเส้นทางอื่นๆ ที่เหมาะกับตัวเองมากกว่านี้

รู้จักตัวเอง, explorer แปลว่า
Image Credit : Ploypilin Kasemsuk

สุดท้ายแล้วคุณพลอยก็ไม่ได้เลือกอาชีพทางสายการแพทย์ สำหรับงานแรกที่คุณพลอยทำคือ เป็น Event Organizer ในโครงการแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยความที่คุณพลอยเป็นเด็กกิจกรรม และทำโครงการ Event ต่างๆ ในช่วงสมัยมหาวิทยาลัย ไปเป็นอาสาสมัคร ทำให้คุณพลอยมีทักษะความสามารถในการงานส่วนนี้ และเลือกที่จะทำงานนี้เป็นงานแรก “ตอนนั้นเราคิดว่ามันน่าจะสนุก ก็เลยลองมาทำงานนี้ เพราะด้วยความที่ชอบทำกิจกรรม เป็นนักกิจกรรมมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย เราว่าเราเก่งในเรื่องการบริหารจัดการ ก็เลยสามารถทำตรงนี้ได้ ตอนนั้นเป็นฟีลเด็กจบใหม่ไฟแรง เราทุ่มให้กับงานมากๆ เราทำทุกอย่าง แต่พอทุ่มเทกับมันมาก มีแพชชั่นกับมันสุดๆ ทุ่มเทให้ทั้งกาย ทั้งใจ ทั้งจิตวิญญาณ ซึ่งมันก็ทำให้เรา burn out ได้เหมือนกัน”

“เราทุ่มให้กับงานมากๆ เราทำทุกอย่าง แต่พอทุ่มเทกับมันมาก มีแพชชั่นกับมันสุดๆ ทุ่มเทให้ทั้งกาย ทั้งใจ ทั้งจิตวิญญาณ ซึ่งมันก็ทำให้เรา burn out ได้เหมือนกัน”

คุณพลอยทำได้อยู่ประมาณ 2 ปี ก็ตัดสินใจลาออก และหยุดพักจากการทำงานไปหนึ่งปี เป็นช่วงเวลาที่ได้มาขบคิดกับตัวเองว่า จะเอายังไงต่อ งานประเภทไหนที่จะเหมาะกับตัวเอง ทั้งยังเป็นช่วงที่ให้ตัวเองได้ฟื้นฟูจิตใจ และในระหว่างหยุดพักจากการทำงานประจำ คุณพลอยก็ยังไปทำโครงการนั้นโครงการนี้ เช่น โครงการบ้านปันเสียง ที่เป็นการสอนดนตรี สอนศิลปะให้กับเด็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แล้วก็ไปร้องเพลงอยู่บ้าง เพราะคุณพลอยก็ชอบเรื่องดนตรีเหมือนกัน แม้จะพักจากช่วงงานประจำ แต่การได้ลองทำสิ่งอื่นๆ นั้น คุณพลอยบอกกับเราว่า ก็เป็นการได้ค้นหาเส้นทางใหม่ๆ ของตัวเอง ได้ทำความ รู้จักตัวเอง มากขึ้น เพื่อที่จะค้นหาจุดที่พอดีของตัวเองได้

เมื่อพักจากการทำงานไปช่วงหนึ่ง คุณพลอยก็ได้กลับไปทำงานในสาย Communication และการทำ Workshop เป็นนักออกแบบการสื่อสารในบริษัทสถาปนิกแห่งหนึ่ง ซึ่งคุณพลอยบอกว่า การทำงานในส่วนนี้ก็ได้ Explore หลายสิ่งหลายอย่าง และค้นพบว่าตัวเองเป็นนักแก้ไขปัญหา ทั้งยังได้เรียนรู้สิ่งใหม่ และได้พบเจอคนที่หลากหลาย แต่ก็รู้สึกว่ามีความเครียดเกี่ยวกับงานอยู่เหมือนกัน เพราะงานในกลุ่ม Organized และการจัดการต้องใช้ความเป็นเหตุเป็นผลมากๆ ทำให้คุณพลอยเริ่มมาสนใจเรื่องการดูดวงและโหราศาสตร์ที่มันเป็นศาสตร์ที่ฉีกออกไป ซึ่งเป็นศาสตร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับการเติบโตทางจิตวิญญาณ การเห็นภาพรวมของชีวิต เมื่อเรียนมาสักระยะ ทำให้เธอผันตัวมาเป็นนักบำบัดทางจิตวิญญาณโดยใช้ไพ่ยิปซีประกอบ ซึ่งเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่เธอชอบและมีแพชชั่นกับมัน และศึกษาเรื่อยมาจนหยิบเอามาเป็นงานของเธอในปัจจุบัน

4. คุณพลอยค้นหาตัวเองยังไง มีการ Explore ความรักความชอบของตัวเองยังไง

รู้จักตัวเอง, explorer แปลว่า
Image Credit : Ploypilin Kasemsuk

คุยกันมาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่าคุณพลอยเป็นคนที่ทำอะไรหลากหลาย และอยู่ในหลายบทบาทมากๆ เราเลยอยากถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสำรวจความชอบของตัวเอง ว่าเธอมีวิธีการ Explore สิ่งที่รัก และสิ่งที่อย่างไร คุณพลอยบอกว่า ตัวตนของเธอที่ชอบทำอะไรหลายๆ อย่างและค้นหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ นั่นอาจเป็นเพราะว่า ด้วยความที่คุณพลอยโตที่แม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นอำเภอชายแดนที่ติดกับประเทศเมียนมาร์ ทำให้คุณพลอยพบเจอกับความหลากหลายมาตั้งแต่เด็ก “เรามีเพื่อนเป็นชาวชาติพันธ์ุต่างๆ หลากหลายมาก ชาวต่างชาติก็เยอะ ก็เลยเห็นถึงความหลากหลายมาตั้งแต่เด็ก มองเห็นถึงความเป็นไปได้ในหลายๆ ทางมากมาย นั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราสนใจหลายสิ่งหลายอย่าง” ประกอบกับการอยู่โรงเรียนในช่วงมัธยมซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีกิจกรรมเยอะมาก และให้เด็กได้ทดลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เธอได้เริ่มทดลองทำสิ่งต่างๆ และได้ค้นหาตัวเองไปพร้อมๆ กัน “ธรรมชาติของเราเป็นคนที่ช่างสังเกต มองหาความเชื่อมโยง” ประกอบกับเธอเป็นคนชอบเรียนรู้ และเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ นั่นอาจเป็นวิธีที่ทำให้เธอได้สำรวจความชอบของตัวเองผ่านการลงมือทำนั่นเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในนิสัยของคนกลุ่มที่มีลักษณะแบบ Explorer แปลว่า ผู้สำรวจ ที่มักชอบสำรวจเส้นทางและความเป็นไปได้ใหม่ๆ อยู่เสมอนั่นเอง

ด้วยความที่มีความสนใจอย่างหลากหลาย ในตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ไปลงทะเบียนเรียนวิชาเลือกหลายอย่าง ทั้งด้านภาษา จิตวิทยา ปรัชญา ซึ่งคุณพลอยพบว่ามันค่อนข้างที่จะตอบโจทย์ชีวิตมากกว่า โดยเฉพาะจิตวิทยาที่คุณพลอยมีความสนใจเป็นพิเศษ “เราไม่รู้ว่าอะไรมันจะเหมาะกับเรา ก็ต่อเมื่อเราได้ลงมือทำ หรือลองมันด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการที่ได้ Explore สิ่งอื่นๆ ไปด้วย และเป็นการปลดล็อคศักยภาพตัวเอง” นั่นเป็นสิ่งที่คุณพลอยเชื่อมาตลอด “เราไม่สามารถได้คำตอบว่าสิ่งนี้เหมาะกับเราหรือไม่ ใช่สิ่งที่เราชอบหรือเปล่า จนกว่าเราจะได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง เราคิดอยู่เสมอว่า ทำไมจะไม่ลองทำล่ะ” เธอบอกแบบนั้น แล้วเธอยังบอกอีกด้วยว่า ตัวเองเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ชอบทำอะไรหลายๆ อย่าง และมีความกล้าที่จะลองทำ ทำให้เธอไม่ลังเลที่จะลองสิ่งใหม่ และก้าวออกจาก comfort zone ของตัวเอง เพื่อที่จะได้ค้นพบศักยภาพใหม่ๆ ของตัวเอง และได้รู้จักตัวเองมากขึ้นด้วย

 “เราไม่รู้ว่าอะไรมันจะเหมาะกับเรา ก็ต่อเมื่อเราได้ลงมือทำ หรือลองมันด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการที่ได้ Explore สิ่งอื่นๆ ไปด้วย และเป็นการปลดล็อคศักยภาพตัวเอง”

รู้จักตัวเอง, explorer แปลว่า
Image Credit : Ploypilin Kasemsuk

ในที่สุดคุณพลอยก็ค้นพบว่า แก่นแท้ของสิ่งที่ตัวเองชอบคือ การจัดการเรื่องคนและความเข้าใจในเรื่องคน เธอบอกว่า เธอมีแพชชั่นในเรื่องคนอย่างเสมอมา และทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้องกับคนทั้งสิ้น ถ้าเราเข้าใจในเรื่องคน เรื่องความคิดมนุษย์ วิธีการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ หากมีการบริหารจัดการตรงนี้ใช้ดี ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น เมื่อเราถามต่อว่า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่านั่นเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบ คุณพลอยบอกว่า มันต้องเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสนุกและอยากจะทำต่อ และดึงเอาความกะตือรือร้นบางอย่างในตัวออกมา เป็นสิ่งที่ปลุกความเป็นเด็กของเรา “เราว่าสิ่งที่เราชอบทำตอนโต ก็คือสิ่งที่เราเคยชอบตอนเด็กๆ นะ ถ้าลองสังเกตดู” คุณพลอยบอกแบบนั้น เธอบอกว่า เวลาเธอเลือกที่จะทำอะไร เธอจะใช้แพชชั่นหรือความหลงใหลเป็นเข็มทิศในการเลือกทำสิ่งต่างๆ เป็นหลัก และกล้าที่จะลองโดยที่ไม่ลังเล

“เราว่าสิ่งที่เราชอบทำตอนโต ก็คือสิ่งที่เราเคยชอบตอนเด็กๆ นะ ถ้าลองสังเกตดู”

5. แล้วช่วงชีวิตในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง กับบทบาทหน้าที่ในปัจจุบันที่เป็นทั้งนักการจัดการ เป็นผู้ให้คำปรึกษา เป็นนักบำบัดทางจิตวิญญาณ และอื่นๆ

รู้จักตัวเอง, explorer แปลว่า
Image Credit : Ploypilin Kasemsuk

ตอนนี้คุณพลอยรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ทำ เพราะได้ทำอะไรหลายอย่าง เนื่องจากคุณพลอยได้คำตอบกับตัวเองแล้วว่า ไม่สามารถทำงานแค่เพียงหนึ่งงานไปตลอดได้ หรือเป็นพนักงานประจำในบริษัทใดบริษัทหนึ่ง คุณพลอยบอกว่าตัวเองเคยมีความคิดกังวลและต่อสู้กับตัวเองเกี่ยวกับความเป็น “เป็ด” ของตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ก็ได้มีการตระหนักรู้ในตัวเองแล้วว่า ไม่สามารถทำอะไรเพียงอย่างเดียวได้จริงๆ ด้วยความที่สนใจอะไรหลายๆ อย่าง การได้ทำอะไรที่ตัวเองสนใจอย่างหลากหลายก็อาจจะตอบโจทย์กับวิถีชีวิตของเธอมากกว่า ทั้งยังไม่สามารถหยุดการค้นหาสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตได้ด้วย นอกจากนี้ เธอยังเสริมด้วยว่า ตอนนี้ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการตัวเองมากขึ้นด้วย เป็นการพักผ่อนจากข้างในด้วยการทำสมาธิ “มันก็เห็นความเปลี่ยนแปลงจากการที่เราลองทำจริงๆ เรามีความละเอียดในการใช้ชีวิตมากขึ้น” และกำลังสนใจศาสตร์ในการบำบัดด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สมุนไพรบำบัด การใช้ดนตรีบำบัด เพื่อใช้รักษาทางด้านจิตใจเพิ่มเติมด้วย

นอกจากนี้ เธอยังได้เรียนรู้กับกับการบริหารจิตใจตัวเอง เป็นการทำความรู้จักตัวเองในแง่จิตใจเพิ่มมากขึ้น เธอเล่าว่า บางครั้งคนเราก็เอาตัวเองเข้าไปอยู่กับสิ่งต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งนั้นก่อให้เกิดความรู้สึกว่า ชีวิตช่างวุ่นวายเหลือเกิน และนั่นอาจจะทำให้เราเครียดแล้วก็ยึดติดอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ได้ไปเรียนเกี่ยวกับอายุรเวช แล้วคุณหมอบอกเธอว่า ให้เราทำตัวเหมือนเป็นพยานหรือเป็นผู้เฝ้ามองสิ่งต่างๆ แทนที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์นั้น และมองทุกอย่างอย่างเป็นไป คล้ายๆ กับการมองเมฆค่อยๆ เคลื่อนไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็ค่อยจัดการทีละอย่าง มองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเป็นไปในแต่ละวัน และเป็นผู้สังเกตการก่อนที่จะปล่อยให้ตัวเองไหลไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง การเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างทำให้คุณพลอยได้เข้าใจตัวเองมากขึ้น และมีการเติบโตภายในมากขึ้นกว่าเดิม ณ ปัจจุบัน

6. การได้ทำในสิ่งที่เราอยากจะทำ ทำในสิ่งที่เราชอบ มันนำมาซึ่งความสุข ความรักและความภาคภูมิใจตัวเองไหม การได้ทำในสิ่งที่รัก สิ่งที่สนใจ มันสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตมากน้อยยังไง เรามีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงบ้าง

เมื่อเราถามว่า การได้ทำในสิ่งที่สิ่งที่รัก ที่ชอบ มันส่งผลดีต่อจิตใจของตัวเองอย่างไรบ้าง คุณพลอยตอบว่า หลักๆ เลยมันคือความสนุก สิ่งที่ขับเคลื่อนเธอให้ลงมือทำสิ่งต่างๆ คือ ความสนุก หรือ Joy “สังคมจะพยายามบอกให้เราเป็นผู้ใหญ่ และละทิ้งความเป็นเด็กและใช้ชีวิต แต่สิ่งที่มีความบริสุทธิ์และมีความเข้มข้นมากๆ คือ การได้ทำสิ่งที่หัวใจของเรากู่ร้องด้วยความสนุก”

“สิ่งที่มีความบริสุทธิ์และมีความเข้มข้นมากๆ คือ การได้ทำสิ่งที่หัวใจของเรากู่ร้องด้วยความสนุก”

เธอบอกว่านั่นคือสิ่งที่ชัดเจนมากๆ เป็นสิ่งที่บอกเราว่า เราทำได้ดี เราสามารถอยู่กับมันได้ ถ้าทำแล้วรู้สึกสนุก และมีความสุขกับมัน นั่นคือที่ที่ใช่ เธอบอกต่อว่า เมื่ออายุมากขึ้น เราจะหาความสนุกและความสุขได้ยาก ถ้าเจอแล้ว นั่นก็น่าจะเป็นคำตอบให้กับตัวเอง เมื่อเราถามต่อว่า แล้วการทำในสิ่งที่รู้สึกสนุกและมีความสุข มันนำมาซึ่งความรักและความภาคภูมิใจในตัวเองหรือไม่ คุณพลอยบอกบอกว่า “พลอยมองว่ามันคือ Self Esteem นะ Self Esteem คือ ความเชื่อว่าเราทำได้ อาจเป็นเราะว่าเราเป็นคนที่ชอบทดลองทำ แล้วพอได้ทำ มันก็เป็นการสะสม Self Esteem และเห็นว่า ไม่ว่าจะเจอเรื่องยากขนาดไหน เราก็สามารถทำได้ และการได้ลองทำ มันคือการรับรู้ถึงความสามารถของตัวเอง”

คุณพลอยเสริมต่อว่า ประสบการณ์ที่ได้จากการลงมือทำสิ่งต่างๆนั้นมันก็เป็นประสบการณ์ที่ดี มันทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จหรือไม่ได้ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดี “พลอยว่า เราไม่ต้อง Achieve หรือประสบความสำเร็จในทุกๆ อย่างที่ทำก็ได้ การตั้งความคาดหวังว่าจะต้องสำเร็จในทุกสิ่งที่ทำ มันเป็นเป็นสิ่งที่คอยทิ่มแทงเราอยู่เหมือนกันนะ เราจะไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้และมีประสบการณ์มากขึ้น” ถ้าทำแล้วรู้สึกมีความสุขและรู้สึกสนุกไปกับมัน เธอก็มองว่ามันเพียงพอแล้ว

“พลอยว่า เราไม่ต้อง Achieve หรือประสบความสำเร็จในทุกๆ อย่างที่ทำก็ได้ การตั้งความคาดหวังว่าจะต้องสำเร็จในทุกสิ่งที่ทำ มันเป็นเป็นสิ่งที่คอยทิ่มแทงเราอยู่เหมือนกันนะ เราจะไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้และมีประสบการณ์มากขึ้น”

7. มีบทบาทไหนที่เรารู้สึกชอบและคิดว่ามันเป็นตัวเองมากที่สุดไหม เพราะอะไรถึงมีความรู้สึกแบบนั้น

รู้จักตัวเอง, explorer แปลว่า
Image Credit : Ploypilin Kasemsuk

คุยกันมาถึงตรงนี้ จะเห็นว่าคุณพลอยเป็นคนที่ทำงานอย่างหลากหลาย แล้วก็ทำหลายสิ่งหลายอย่างมาก เรามองว่า คุณพลอยเป็น Explorer แปลว่า ผู้ที่เป็นนักสำรวจสิ่งใหม่ตัวยง จึงอยากจะถามเธอว่า บทบาทไหนที่เธอชอบมากที่สุด และรู้สึกเป็นตัวเองมากที่สุด เธอตอบว่า สิ่งที่ทำปัจจุบันเป็นสิ่งที่รู้สึกว่าเป็นตัวเองมากที่สุด ซึ่งก็คือการเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางด้านจิตใจ ปัจจุบันเธอเปิดเพจ Good Girls from Neptune บริการให้คำปรึกษาและเยียวยาจิตใจ โดยใช้ศาสตร์ทางโหราศาสตร์และจิตวิทยาประกอบ เพราะคุณพลอยเป็นคนที่มีแพชชั่นในเรื่องของคน และมีความสนใจทางด้านจิตวิทยามานาน การได้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับจิตใจหรือให้คำปรึกษาเกี่ยวกับชีวิตของแต่ละคน เป็นสิ่งที่คุณพลอยได้สัมผัสกับมันอยู่ตลอดเวลา ทำให้เธอรู้สึกว่า สิ่งนี้เป็นตัวตนของเธอจริงๆ ทั้งยังทำให้เธอรู้สึกเบาสบาย แล้วก็สนุกไปกับมัน

“ด้วยบริบททางสังคมไทยที่มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องโชคลาง เรื่องโหราศาสตร์อยู่แล้วด้วย ซึ่งการใช้ไพ่ยิปซีทำนายร่วมกับศาสตร์ทางจิตวิทยาก็อาจเป็นประตูบานแรกที่ทำให้คนเราให้ความสำคัญกับความคิดจิตใจ แล้วก็โลกภายในของตัวเองมากขึ้น เป็นเพราะเราศึกษาแล้วก็ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโลกภายในของตัวเองมานาน ตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ เราถึงมองว่ามันมีความสำคัญมาก” การใช้ศาสตร์การทำนายจากไพ่ยิปซี ร่วมกับการให้คำปรึกษาในเชิงจิตวิทยา คุณพลอยมองว่าเป็นสิ่งที่สามารถทำควบคู่กันไปได้ และอาจทำให้คนที่เข้ามาขอคำปรึกษาได้คำตอบกับตัวเอง หรือหา Solution ในชีวิตได้ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับผู้ที่ต้องการมาขอคำปรึกษา และให้คนๆ นั้นได้เป็นตัวเองอีกด้วย ทำให้คุณพลอยรู้สึกอินกับมันมากๆ และคิดว่าสามารถขยายผลลัพธ์ที่ดีได้  “ใจความสำคัญของมันคือ การเข้าใจตัวเอง การรู้จักตัวเองมากขึ้น เพื่อให้ได้พบทางออกว่า เราจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้อย่างไร” คุณพลอยเสริมว่า ด้วยเพราะเธอทำสิ่งนี้กับตัวเองมาตลอด คล้ายกับคนที่อบคุ้กกี้อร่อย แล้วก็อยากจะแบ่งปันคุ้กกี้นั้นให้กับคนอื่นๆ ด้วย เธอบอกแบบนั้น

8. แล้วในช่วงวัย 30 ที่กำลังจะมาถึง คิดว่าตัวเราจะเป็นยังไงบ้าง มีการวางเป้าหมายว่า explore สิ่งที่เราชอบไปเรื่อยๆ หรือมีเรื่องที่ชอบและอยากต่อยอดให้มากขึ้นไหม

ปัจจุบันคุณพลอยอายุ 28 ปี ถ้ามองในแง่ของประสบการณ์ในชีวิตและการทำงานแล้ว ในช่วงวัย 20 ปลายๆ ก็ยังเป็นช่วงที่คนเราอาจจะกำลังค้นหาตัวเองหรือกำลังทำทดลองทำงานที่คิดว่าตอบโจทย์กับความต้องการของชีวิตอยู่ ในฐานะที่คุณพลอยทำอะไรมาอย่างหลากหลาย และยังอยู่ในวัยที่ไม่ถึง 30 ปี เราเลยอยากถามคุณพลอยว่า คุณพลอยมีการวางแผนในช่วงชีวิต 30 ปีเอาไว้อย่างไร เธอตอบว่า “เราก็อยากจะหยิบเอาจุดแข็งของเรามาพัฒนาต่อ และทำให้มันขยายผลมากขึ้น เพราะตอนนี้เรารู้แล้วว่าจุดแข็งของเราคืออะไร ซึ่งก็คือการทำงานเกี่ยวกับคน ทั้งในเรื่องของการบริหารจัดการ หรือการให้คำปรึกษาทางความคิดจิตใจ” ซึ่งในอนาคตเธอก็อาจจะศึกษาตรงนี้มากขึ้น และอยากจะต่อยอดให้มีความรู้ความสามารถมากขึ้น หรือมีแนวทางชัดเจนมากขึ้น เธอบอกว่า เธอเป็นคนที่เชื่อในเรื่องของคน และศักยภาพในตัวคนมาตลอด และเชื่อในเรื่องของความดีงามของมนุษย์ การพัฒนาในเรื่องของคน น่าจะเป็นสิ่งที่เธออยากเอาไปต่อยอดในอนาคต ทั้งนี้ เธอก็บอกว่า เธอก็คงไม่หยุดที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ อื่นๆ ไปเรื่อยๆ ตามความสนใจที่เกิดขึ้น เพราะนั่นมันคือสิ่งที่เธอเป็น และเป็นตัวตนของเธอเอง

9. คุณพลอยเคยนิยามตัวเองไหมว่าเป็นอะไร มีอาชีพอะไร เรามีสิทธิ์ที่จะนิยามตัวเองและเลือกในเส้นทางตามความต้องการของตัวเองไหม มีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง

รู้จักตัวเอง, explorer แปลว่า
Image Credit : Ploypilin Kasemsuk

เราจึงถามเธอต่อว่า เธอได้นิยามตัวเองไว้ไหมว่าตัวเองเป็นใคร เธอตอบว่า “เรามองว่าเราเป็น Seeker นะ เป็นนักค้นหา แล้วก็เป็นนักเล่น” เธอบอกว่าด้วยความที่ชอบทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ คล้ายกับการเล่นของเด็กที่ไม่กลัวว่าจะบาดเจ็บหรือจะล้ม และพร้อมที่จะกระโจนลงไปเล่นด้วยความสนุก และลองทำในทันที แล้วด้วยปัจจุบันที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงไป มีความคิดความเชื่อใหม่ๆ ที่ต่างจากกรอบเดิมๆ ว่าคนเราจะต้องมีอาชีพเดียวหรือทำสิ่งเดียวไปตลอด ตอนนี้คนเรามีทางเลือกมากขึ้นและมีโอกาสหลากหลายมากขึ้น เธอจึงนิยามตัวเองไว้หลายบทบาท “ถ้าเป็นผู้ใหญ่มาถามว่าเราทำอาชีพอะไร มันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะท้าทายว่า เราทำเกี่ยวกับอะไรเราก็จะตอบไปกว้างๆ ว่าเป็นนักบริหารจัดการ อยู่ในฝ่ายประสานงาน เป็นผู้ให้คำปรึกษา หรือถ้าเป็นคนทั่วไปมาถาม เราก็จะบอกว่า เราเป็นนักสื่อสารเพื่อการเปลี่ยนแปลง เป็นนักเยียวยา หรือหมอดู ง่ายสุด”

“เรามองว่าเราเป็น Seeker นะ เป็นนักค้นหา แล้วก็เป็นนักเล่น”

สำหรับประเด็นที่ว่า แล้วคนอื่นๆ ที่ก็ทำหลายบทบาทหน้าที่อยู่เหมือนกัน ซึ่งอาจจะไม่ใช่อาชีพที่เป็นพื้นฐานของกรอบสังคม บุคคลเหล่านั้นสามารถนิยามความเป็นตัวเองได้หรือไม่ คุณพลอยมีมุมมองในส่วนนี้อย่างไร เธอบอกว่า “พลอยจะชอบให้กำลังใจคนเหล่านั้นว่า ชีวิตมันไม่ได้มีเพียงคำตอบเดียว เราสามารถลองทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ และสิ่งที่สำคัญเลยคือ เราต้องหาให้เจอว่า คุณค่าของเราอยู่ตรงไหน และมั่นใจในคุณค่าของตัวเอง แล้วไม่ต้องกลัวว่ามันจะล้มเหลว อาจจะต้องฟังเสียงตัวเองให้มากกว่าเสียงภายนอก และมีความชัดเจนกับตัวเองและเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าเรามีความชัดเจนกับตัวเอง ทุกอย่างก็จะชัดเจนมากขึ้น”

10. ด้วยความที่ทำอะไรหลายๆ อย่าง มีการบริหารชีวิตส่วนตัวและเรื่องงานอย่างไรบ้าง

เมื่อเห็นว่าคุณพลอยทำอะไรหลายอย่างมาก เราจึงอยากถามเกี่ยวกับการดูแลตัวเองและการบริหารจัดสรรเวลาส่วนตัวว่ามีวิธีบาลานซ์ชีวิตอย่างไร คุณพลอยบอกกับเราว่า เธอไม่เชื่อว่าเราจะต้องแบ่งเวลาอย่างชัดเจนเป็นเวลาทำงานแปดโมงเช้าถึงหกโมงเย็น แล้วช่วงเวลาที่เหลือคือการใช้เวลาเพื่อดูแลตัวเอง เธอบอกว่า หากได้ทำในสิ่งที่รักและรู้สึกเติมเต็มตัวเองได้ แม้ว่าสิ่งนั้นคืองาน แต่มันก็สามารถดูแลในเรื่องของจิตใจและสุขภาพจิตของตัวเองได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะบริหารกาย ใจ และจิตวิญญาณของเราอย่างไรให้มีความสมดุล แต่ถ้ามีความเครียดเกิดขึ้นหรือรู้สึกว่าต้องพัก เธอจะฟังร่างกายของตัวเองเป็นหลัก “เราจะฟังเสียงร่างกายของตัวเอง เพราะร่างกายของเราเป็นสิ่งที่ไม่โกหก มันเป็นสิ่งที่เป็นจริงมากๆ หากมีความผิดปกติหรือสงสัญญาณว่าต้องพักผ่อน เราก็อาจจะรู้สึกปวดหัว ปวดเมื่อย รู้สึกว่ากล้ามเนื้อเกร็ง หัวใจเต้นแรง นั่นแสดงว่าต้องพักจากการทำงาน หรือพักจากเรื่องนั้นๆ แล้ว” เธอจึงใช้วิธีสังเกตร่างกายของตัวเองเป็นหลัก และเห็นว่ามีความสำคัญมาก เพื่อหาความสมดุลระหว่างการพักผ่อน และการทำงานในแต่ละบทบาท “ดีกว่าฝืนแล้วไปจนสุดทาง จนกระทั่งป่วยหนักในที่สุด” คุณพลอยบอกว่า การสังเกตร่างกายตัวเองเป็นอะไรที่สำคัญมาก และเป็นวิธีการรักษาเบื้องต้นที่ดีด้วย

11. อยากฝากอะไรถึงคนที่กำลังค้นหาตัวเอง หรือยังไม่มีความกล้าที่จะลองทำสิ่งต่างๆ ตามที่ตัวเองต้องการไหม มีคำแนะนำให้กับคนที่กำลังสำรวจความรักความชอบของตัวเองยังไงบ้าง

คุณพลอยบอกว่า การค้นหาตัวเองนั้น คือการลงมือทำ และสัมผัสกับสิ่งนั้นด้วยตัวเอง “ไม่มีวิธีไหนที่เราจะสามารถเรียนรู้ได้ดีไปกว่าการลงมือทำด้วยตัวเอง” เธอบอกแบบนั้น สำหรับคนที่ยังค้นหาตัวเองอยู่ แล้วไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร การทดลองทำ หรือทดลองเล่น น่าจะทำให้เรามีคำตอบกับตัวเองได้ว่าสิ่งนั้นเหมาะกับเราจริงๆ หรือไม่ และสำหรับคนที่อาจจะไม่มีความกล้าในการลงมือทำสิ่งที่ตัวเองชอบหรือรัก คุณพลอยบอกว่า ท้ายที่สุดแล้วมันก็ต้องทดลองทำด้วยตัวเอง การไปบอกหรือถามประสบการณ์จากคนอื่น ก็ไม่เท่ากับการเรียนรู้ด้วยตัวเอง

“ไม่มีวิธีไหนที่เราจะสามารถเรียนรู้ได้ดีไปกว่าการลงมือทำด้วยตัวเอง”

สำหรับบางคน อาจจะไม่กล้าลองทำเพราะเรากลัวความผิดพลาด กลัวที่จะล้มเหลว แต่ถ้าเราได้เตรียมทางออกหรือคิดถึงวิธีแก้ไขปัญหาเอาไว้แล้ว เราก็อาจจะมีความกล้ามากขึ้น แต่ก็อย่าลืมว่า ถึงแม้จะผิดพลาดหรือผิดหวัง หากมีวิธีรับมือกับความผิดหวังอย่างเหมาะสม เราก็จะสามารถลุกขึ้นสู้และก้าวต่อไปได้

“ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราจะรู้ได้ยังไงว่าเรารักในสิ่งนั้นจริงหรือไม่ ก็ให้ดูว่ามันสามารถเติมเต็มจิตใจของเราได้หรือเปล่า ถ้าเรารู้สึก fullfill เมื่อได้ลงมือทำ นั่นก็อาจจะเป็นคำตอบก็ได้” ทั้งนี้ คุณพลอยยังเสริมต่อว่า การที่เรายังสามารถอยู่กับสิ่งๆ นั้นได้ แม้ในวันที่แย่ เพราะแม้จะเป็นสิ่งที่รัก เป็นงานที่รัก ก็ต้องมีสักวันที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีหรือมีความเครียดความกังวลเกิดขึ้น “ถ้าเรายังสามารถอยู่กับสิ่งๆ นั้นได้  ไม่ว่าจะต้องพยายามเป็นร้อยครั้ง เรายังอยู่กับมันได้และอยากจะทำมันต่อไปไหม ถ้าเรายังอยู่กับมันได้ นั่นก็อาจจะแสดงว่าเรารักมันอย่างที่มันเป็นจริงๆ นั่นก็อาจจะเป็นสิ่งที่ใช่สำหรับเรา”

 “ถ้าเรายังสามารถอยู่กับสิ่งๆ นั้นได้  ไม่ว่าจะต้องพยายามเป็นร้อยครั้ง เรายังอยู่กับมันได้และอยากจะทำมันต่อไปไหม ถ้าเรายังอยู่กับมันได้ นั่นก็อาจจะแสดงว่าเรารักมันอย่างที่มันเป็นจริงๆ นั่นก็อาจจะเป็นสิ่งที่ใช่สำหรับเรา”

แต่สำหรับคนที่ยังไม่เจอสิ่งที่ชอบหรือสิ่งที่ใช่ คุณพลอยก็บอกว่า เราไม่จำเป็นจะต้องรีบหาข้อสรุปให้กับตัวเองก็ได้ เราอาจจะเจอเส้นทางที่ใช่ ในวันที่อายุมากกว่านี้ก็ได้ อย่างน้อยการได้ลองทำสิ่งต่างๆ ที่สนใจ มันก็ทำให้เรารู้ว่าสิ่งนี้ไม่เหมาะกับเรา และประสบการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะค่อยๆ หล่อหลอมเรา การเป็น Explorer แปลว่า นักสำรวจที่พร้อมจะเสาะหาโอกาสใหม่ๆ ในชีวิต ก็อาจจะเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ทำให้เราได้เจอคำตอบได้ในสักวัน

12. เดินทางมาถึงตอนนี้แล้ว อยากจะขอบคุณตัวเอง หรือบอกรักตัวเองบ้างไหมคะ ?

รู้จักตัวเอง, explorer แปลว่า

คุยกันมาถึงช่วงสุดท้าย เราเลยอยากให้คุณพลอยได้ขอบคุณตัวเองและบอกรักตัวเอง ในฐานะที่เป็นนักเล่น เป็น Seeker เป็นนักค้นหาและทดลองทำสิ่งต่างๆ จนได้เจอสิ่งที่เป็นตัวเอง ณ ปัจจุบัน คุณพลอยบอกว่า รู้สึกขอบคุณและภาคภูมิใจในตัวเอง การคุยกันในครั้งนี้ ทำให้คุณพลอยได้ย้อนเส้นทางชีวิตของตัวเอง แล้วก็เห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่กว่าจะมาเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นปัจจุบัน “กว่าที่เราจะเข้าใจคนอื่นได้มากขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะว่าเราเคยหลงทางมาก่อน เหมือนเราเคยอยู่ในจุดที่ไม่ถูกเข้าใจมามากที่สุด เคยอยู่ในจุดที่แย่ที่สุด แล้วสิ่งนี้ก็ทำให้เราได้เข้าใจผู้คนมากมาย” คุณพลอยบอกว่า ต้องขอขอบคุณทุกความยากลำบาก ทุกความเจ็บปวดที่เราได้เรียนรู้ชีวิต เพราะถ้าไม่ผ่านจุดนั้นมา ก็ไม่อาจเป็นตัวเองในทุกวันนี้ได้

นอกจากนี้ คุณพลอยยังอยากชื่นชมความเป็น Seeker ของตัวเอง และความอยากเรียนรู้ของตัวเอง ซึ่งทำให้เธอได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งผู้คนและการได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ซึ่งเป็นจุดแข็งของตัวเองที่เธอบอกว่า ถึงแม้จะเจอเรื่องยาก แต่ก็ยังหาแง่มุมที่จะเรียนรู้ไปกับมันได้ นอกจากนี้ เธอก็รู้สึกขอบคุณและรู้สึกชื่นชมความงดงามเล็กๆ น้อยๆ อย่างการฟังเสียงนกร้อง การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ การชื่นชมความงดงามของแสงแดด อยากขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่มันนำพาความเป็นตัวตนของเธอในทุกวันนี้ และนั่นก็ทำให้เธอมีความสุขได้ในแต่ละวัน และอยากที่จะเป็นนักเรียนรู้โลกเพื่อค้นหาความสุข ความงามใหม่ๆ ต่อไป

“กว่าที่เราจะเข้าใจคนอื่นได้มากขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะว่าเราเคยหลงทางมาก่อน เหมือนเราเคยอยู่ในจุดที่ไม่ถูกเข้าใจมามากที่สุด เคยอยู่ในจุดที่แย่ที่สุด แล้วสิ่งนี้ก็ทำให้เราได้เข้าใจผู้คนมากมาย”

Inspire Now ! : เส้นทางการ Explore ความรักความชอบของคุณพลอยนั้น มีพื้นฐานมาจากการเป็นนักค้นหา ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพลอยนิยามตัวตนของตัวเองว่าเป็น “Seeker” หรือเป็นนักค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ และไม่กลัวที่จะกระโจนลงไปทำในสิ่งที่ตัวเองสนใจ แม้บางสิ่งบางอย่างอาจจะเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากความเข้าใจทางบริบทสังคมในปัจจุบัน แต่ด้วยความที่ไม่กลัวในการทดลองทำสิ่งต่างๆ นั้น ทำให้เธอพบเส้นทางที่ใช่ของตัวเอง และมีความสุขกับสิ่งที่ทำในทุกๆ วัน ทั้งนี้ ความชัดเจนในตัวเอง และการรับรู้ถึงคุณค่าของตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ และอาจเป็นแนวทางในการนำพาให้เราได้พบเจอสิ่งที่ใช่ก็เป็นได้ หวังว่าเรื่องราวของคุณพลอย จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่กำลังค้นหาตัวเองและกำลัง Explore ความรักความชอบของตัวเองอยู่นะคะ

DIY INSPIRE NOW เป็นแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? ใครมีวิธีการค้นหาสิ่งที่รักและสิ่งที่ชอบยังไง มาแชร์กันได้นะคะ ♡

Facebook Comments

ฝันอยากเดินทางท่องโลกให้ได้มากที่สุด สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิทยา รักการอ่านหนังสือ ชอบถ่ายรูป หลงใหลแมวและกาแฟ