เทรนด์ปลูกผักกินเองกำลังมาแรง แต่ถ้าใครเบื่อวิธีปลูกผักสวนครัวแบบเดิมๆ แต่อยากปลูกผักกินเองไม่ง้อร้านผักสดออนไลน์ ลองมาดู วิธีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ กันไหมคะ ในบทความนี้ DIYINSPIRENOW มีขั้นตอนการปลูกผักแบบไม่ใช้ดินหรือวิธีปลูกแบบไฮโดรโปรนิกส์ง่ายๆ ในภาชนะต่างๆ ถึง 7 รูปแบบมาฝากกัน ใครกังวลเรื่องมีพื้นที่น้อยก็หมดห่วงไปได้เลย เพราะแม้จะอยู่ในอพาร์ตเมนต์หรือคอนโดฯ ก็สามารถปลูกได้ ใช้งบไม่มากประหยัด แถมได้ผักสดสะอาดไว้กินเองยาวๆ ไปเลยค่ะ
ชวนดู วิธีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ แบบ Step by Step ทำตามได้ไม่ยาก มาปลูกผักกันเถอะ!
Image Credit : canva.com-pro
การปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์คือ การปลูกผักโดยไม่ใช้ดิน แต่จะใช้น้ำในการปลูกเป็นหลัก โดยการผสมสารละลายที่มีธาตุอาหารสำคัญที่พืชใช้สำหรับการเจริญเติบโต ซึ่งการปลูกผักแบบนี้ มีมานานแล้วและถูกพัฒนาวิธีการปลูกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นวิธีการปลูกผักที่แพร่หลายในปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการปลูกผักที่กินใบ และใช้ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวไม่นาน เช่น ผักสลัดจำพวก เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค ร็อคเก็ต บัตเตอร์เฮด ผักกาดหอม เป็นต้น ซึ่งระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวคือ 40 – 60 วัน ใครที่อยากมีผักสลัดไว้กินตลอด ก็มาดูวิธีปลูกกันได้เลยค่ะ
ชุดทดลองปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ พร้อมปลูก สุดคุ้ม แถมฟรีชุดรีฟิล
1. ปลูกในถาดปลูก
วิธีปลูกผักแบบไฮโดรโปรนิกส์วิธีแรกคือ การปลูกในถาดเพราะสำเร็จรูป ซึ่งเป็นวิธีที่ง่าย อุปกรณ์หาได้ถั่วไป โดยถาดเพาะนั้นสามารถซื้อได้ที่ตลาดขายต้นไม้หรือจะสั่งออนไลน์ก็ได้เช่นกัน ทั้งยังได้ผักในปริมาณมากอีกด้วย
อุปกรณ์ :
- ถ้วยเพาะสำเร็จรูป
- ฟองน้ำสำหรับเพาะเมล็ด
- กรรไกร
- คัตเตอร์
- ถาดรองใส่น้ำ
- เมล็ดพันธ์ุผักที่ต้องการ
วิธีการ :
- ตัดฟองน้ำเป็นขนาด 1X1 นิ้ว ตามจำนวนถ้วยเพาะที่ต้องการปลูก จากนั้นกรีดตรงกลางของฟองน้ำไขว้เป็นรูปกากบาทสำหรับการนำเมล็ดลงไปปลูก โดยไม่ต้องกรีดลึกมาก (หากซื้อฟองน้ำเพาะเมล็ดสำเร็จก็ไม่ต้องกรีดฟองน้ำเองค่ะ)
- นำฟองน้ำกดลงในน้ำจนชุ่ม
- นำเมล็ดพืชวางในช่องที่กรีดไว้ของฟองน้ำ
4. นำเอาฟองน้ำที่มีเมล็ดพืชอยู่ลงวางในถาดเพาะสำเร็จรูป
5. จากนั้นนำถาดเพาะมาวางในถาดที่ใส่น้ำรองเอาไว้ จนกว่าเมล็ดจะงอกเป็นต้นกล้า
6. เมื่อเมล็ดงอกเป็นต้นกล้า ให้ใส่สารละลายธาตุอาหารพืชแบบเจือจางผ่านรากผักในถาดเพาะ เพื่อช่วยให้รากแข็งแรง
7. เมื่อรากแข็งแรง มีอายุประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ จึงย้ายต้นกล้าไปยังแปลงปลูกอีกครั้ง หรือทิ้งไว้ในถาดแบบนี้ แล้วดูแลเรื่องน้ำกับอาหารพืชต่อไป จนผักของเราโตพอที่จะเก็บกินก็ได้เช่นกันค่ะ
2. ปลูกในกล่องพลาสติกเหลือใช้
Image Credit : www.thespruce.com
กล่องพลาสติกหรือกล่องอาหารที่เราได้จากการสั่งอาหารกลับบ้านหรือสั่งแกรบนั้น ก็สามารถเอามาปลูกผักได้เหมือนกันนะคะ แต่จะต้องเป็นกล่องอาหารที่มีก้นลึกเล็กน้อย เพื่อที่จะได้มีพื้นที่ใส่น้ำที่ผสมสารอาหารอยู่ เป็นวิธีการรีไซเคิลกล่องพลาสติกโดยไม่ต้องทิ้งไปเปล่าๆ และสามารถนำเอามาใช้ประโยชน์ได้ค่ะ
อุปกรณ์ :
- กล่องพลาสติกสองอันที่สามารถซ้อนกันได้ ที่ล้างสะอาดแล้ว
- ใยสังเคราะห์
- ใยมะพร้าว
- ที่เจาะรู อาจจะใช้สว่านหรือตะปูก็ได้
- เชือก
- ปุ๋ย A – B สำหรับปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
- เมล็ดผักที่ต้องการ
วิธีการ :
- เริ่มจากการเจาะรูกล่องพลาสติก 1 อัน ประมาณ 6 รู จากนั้นนำเอาเชือกมาร้อยไว้แต่ละรู ให้เชือกห้อยลงด้านล่าง
- ผสมปุ๋ย A – B กับน้ำลงในกล่องพลาสติกอีกอันที่เตรียมไว้
- นำใยสังเคราะห์ที่ชุบน้ำจนชุ่มแล้วใส่ลงไปบนกล่องพลาสติกที่ทำการร้อยเชือกไว้ จากนั้นวางเมล็ดพันธุ์ลงไป และนำเอาขุยมะพร้าวมากลบทับอีกครั้ง
- นำเอาไปวางซ้อนบนกล่องที่ผสมสารอาหารเอาไว้ โดยให้เชือกหย่อนลงในน้ำเพื่อทำการดูดสารอาหารไปเลี้ยงเมล็ดผัก
- นำเอาไปวางไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดรำไร ถ้าน้ำลดหมั่นเติมน้ำ จนกว่าผักจะเริ่มโตในที่สุด
3. ปลูกในขวดน้ำ
วิธีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์แบบแรกคือการปลูกในขวด วัสดุหาง่าย ไม่ต้องลงทุนเยอะ แถมยังไม่ต้องพิถีพิถันมาก เป็นขั้นตอนการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ที่เหมาะกับมือใหม่ค่ะ ซึ่งทีม DIYINSPIRENOW ก็ใช้วิธีนี้ในการปลูกผักกินเองเหมือนกัน ลองดูวิธีการกันค่ะ
อุปกรณ์ :
- ขวดน้ำพลาสติก
- กระบอกฉีดน้ำ
- กระดาษทิชชู่
- ปุ๋ย A – B สำหรับปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
- ถาดเพาะเมล็ด
- เมล็ดพันธุ์ผัก
- แผ่นฟองน้ำ
- กรรไกร
- กระบอกฉีดยา
- กระดาษ A4
- เทปใส
วิธีการ :
- วางเมล็ดพันธุ์วางลงบนกระดาษทิชชู่แล้วนำไปใส่ถาดเพาะเมล็ดพรมน้ำให้ชุ่ม นำไปวางในที่ทึบแสง ระหว่างนี้ต้องหมั่นทำให้กระดาษชุ่มน้ำเสมอ
- เมื่อเมล็ดเริ่มมีรากงอก ให้ย้ายเมล็ดพันธุ์ไปวางบนแผ่นฟองน้ำที่ตัดเป็นขนาด 1 x 1 นิ้ว พรมน้ำให้ชุ่ม ตัดตรงกลางเป็นกากบาท จากนั้นวางเมล็ดให้รากทะลุลงไป
3. ผสมปุ๋ย A – B ในขวดพลาสติกรอไว้ก่อน อัตราส่วนผสมคือ 5 มล. ต่อน้ำ 1 ลิตร ตัดส่วนบนของขวดออกแล้วหันฝาขวดลงไปในขวดเพื่อเตรียมพื้นที่วางฟองน้ำ
4. เมื่อรากแข็งแรงดีแล้ว ทำการย้ายต้นกล้าที่เราปลูกบนฟองน้ำชุ่มๆ ใส่ลงไปในขวดพลาสติกที่ผสมสารละลายปุ๋ยเอาไว้ โดยให้รากจุ่มน้ำพอดี
5. หมั่นดูแล เติมน้ำให้ได้ระดับพอดีกับราก และวางไว้ในที่มีแสงและอากาศถ่ายเท จนกระทั่งผักเติบโตในที่สุด
4. ปลูกในราง
สำหรับวิธีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในรางนั้นไม่ยากอย่างที่หลายคนคิดและไม่จำเป็นต้องใช้ระบบปั๊มน้ำก็สามารถปลูกได้ แต่อาจต้องมีพื้นที่ในแนวยาวเพื่อหาตำแหน่งสำหรับวางรางปลูกผักของเราค่ะ
อุปกรณ์ :
- เมล็ดพันธุ์ผัก
- ถาดเพาะเมล็ด
- ทิชชู่
- เพอร์ไลท์ หรือ เวอร์มิคูไลท์
- กระถางเพาะเมล็ด
- รางสำหรับปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ความยาว 1.5 เมตร
- ปุ๋ย A – B
วิธีการ :
- ทำการเพาะเมล็ดก่อนโดยวางเมล็ดผักลงบนกระดาษทิชชู่ชุ่มน้ำ จากนั้นวางไว้ในที่ทึบแสง
- เมื่อรากแก้วเริ่มงอกแล้ว ย้ายเมล็ดผักมาปลูกในกระถางที่รองด้วยเพอร์ไลท์หรือเวอร์มิคูไลท์ จากนั้นหมั่นรดน้ำให้ชุ่ม
- ผสมปุ๋ย A – B อัตราส่วน 5 มล. ต่อน้ำ 1 ลิตร จากนั้นเติมน้ำที่ผสมสารอาหารปริมาณ 10 ลิตรลงไปในราง
- ย้ายกระถางมาวางลงในหลุมบนรางสำหรับปลูกผัก ดูแลด้วยการหมั่นเติมน้ำและสารอาหารในรางเสมอ (สำหรับคนที่ปลูกแบบมือสมัครเล่นไม่จำเป็นต้องใช้ระบบปั๊มน้ำก็ได้นะคะ แต่ให้หมั่นดูแลเรื่องน้ำ เติมน้ำและปุ๋ยที่ผสมกันดีแล้วลงในน้ำเสมอหากระดับน้ำลดลง เท่านี้ก็ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในรางแบบง่ายๆ ได้แล้วค่ะ)
ชุดกล่องปลูกผัก *ครบชุดพร้อมปลูก* กล่องโฟม ปลูกผัก
5. ปลูกในกล่องโฟม
Image Credit : canva.com-pro
ใครชอบ DIY ลองใช้วิธีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ในกล่องโฟมกันดูค่ะ เพราะเราสามารถครีเอทขนาดของกล่องโฟมได้ตามความเหมาะสม ไม่ต้องลงทุนเยอะและยังดูแลง่ายอีกด้วย
อุปกรณ์ :
- เมล็ดผัก
- ฟองน้ำหนา 1 นิ้ว
- ปุ๋ย A – B
- โฟมหนา 1.5 นิ้ว
- โฟมหนา 1 นิ้ว
- กาวลาเท็กซ์
- ไม้เสียบลูกชิ้น
- ไม้บรรทัด คัตเตอร์
วิธีทำกล่องโฟมสำหรับปลูก :
- ตัดฐานโฟม 1.5 นิ้ว ให้ได้ขนาด 60X60 ซม.
- ตัดโฟมเพื่อทำขอบ สูง 12 ซม. ส่วนความยาวให้เท่ากับฐาน
- ตัดโฟมเพื่อทำขอบใน สูง 8 ซม. เพื่อกำหนดระดับน้ำและเผื่อพื้นที่ให้มีอากาศ ส่วนโฟมแผ่นบนตัดเป็นช่องๆ ขนาด 1 นิ้วสำหรับวางฟองน้ำเพาะเมล็ด
- ทากาวลาเท็กซ์ให้ทั่วแนวที่เราต้องจับโฟมมาประกอบกัน จากนนั้นประกบกันให้แน่น ทากาวให้มากที่สุด ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำรั่ว จากนั้นใช้ไม้เสียบลูกชิ้นยึดกล่องแต่ละส่วนเข้าด้วยกันอีกครั้ง
วิธีการ :
- เพาะเมล็ดบนฟองน้ำ โดยวางแผ่นฟองน้ำลงในถาด เติมน้ำลงไปจนชุ่ม แล้วค่อยวางเมล็ดผัก
- เมื่อเมล็ดมีรากงอกให้เตรียมย้ายลงกล่องโฟม ผสมน้ำกับปุ๋ย A – B เอาไว้ก่อน โดยกล่องโฟมจะจุน้ำประมาณ 40 ลิตร ให้ใช้ปุ๋ย A – B อย่างละ 20 มล.
- วางฟองน้ำลงในกล่องโฟม ตามช่องที่เราตัดไว้
- หมั่นเติมน้ำให้ระดับน้ำสัมผัสกับรากผักพอดี
6. ปลูกในกะละมัง
Image Credit : dessert-trick.com
อีกหนึ่งวิธีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ที่ง่ายที่สุดในสามโลก วิธีนี้มีข้อดีคือไม่ต้องย้ายต้นกล้า เพราะเราปลูกผักลงในภาชนะปลูกเลย ใครชอบความสะดวกสบาย ไม่ต้องกะระยะเวลาย้ายต้นกล้าก็ลองนำวิธีนี้ไปใช้ดูนะคะ
อุปกรณ์ :
- กะละมัง
- ตะกร้าที่มีรูใหญ่และสามารถวางบนปากกะละมังได้พอดี
- ใยสังเคราะห์
- เมล็ดพันธุ์ผัก
- ปุ๋ย A – B
- น้ำสะอาด 20 ลิตร
- ขุยมะพร้าว
วิธีการ :
- เตรียมน้ำสะอาดในกะละมัง จากนั้นผสมปุ๋ย A – B ลงไปในอัตราส่วน 5 มล. ต่อน้ำ 1 ลิตร
- วางตะกระลงบนกะละมัง ให้ก้นตะกร้าโดนน้ำเล็กน้อย
- นำใยสังเคราะห์มาวางในตะกร้า ให้ใยสังเคราะห์เปียกน้ำจนชุ่ม วางเมล็ดผักลงไปให้กระจายตัวพอดี
- นำขุยมะพร้าววางกลบเมล็ดพันธุ์ผักให้มิด
- นำกะละมังไปวางบริเวณที่มีแสงรำไร หมั่นเติมน้ำหากน้ำลด รอจนกว่าผักจะโต
7. ปลูกในแก้วกาแฟ
Image Credit : canva.com-pro
แก้วกาแฟแบบพลาสติกที่เราซื้อตามร้านกาแฟกันอยู่ทุกวันนั้น สามารถเอามาล้างเก็บไว้และทำเป็นภาชนะปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ได้ นอกจากจะไม่ต้องเสียเงินซื้อภาชนะปลูกแล้ว ยังสามารถนำเอาแก้วน้ำพลาสติกมารีไซเคิลได้อีกด้วย จะมีวิธีการอย่างไรนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
อุปกรณ์ :
- แก้วกาแฟพลาสติกและฝาแก้ว ล้างให้สะอาด ตามจำนวนที่ต้องการปลูก
- ปุ๋ยน้ำ A – B
- เมล็ดผักที่ต้องการปลูก
- กระดาษที่ไม่ใช้แล้ว
- ฟองน้ำสำหรับปลูกต้นกล้า
- กรรไกร
- คัตเตอร์
วิธีการ :
- นำเมล็ดผักไปเพาะชำก่อนโดยการวางไว้บนกระดาษทิชชู่ จากนั้นพรมน้ำให้ชุ่ม นำไปวางในที่ทึบแสง หมั่นพรมน้ำเสมอ
- ตัดฟองน้ำให้มีขนาด 1X1 นิ้ว กรีดตรงกลางเป็นรูปกากบาทตรียมไว้สำหรับการวางเมล็ดพันธ์ุ
- เมื่อเมล็ดพันธ์ุมีรากงอกแล้ว ให้นำมาวางลงบนฟองน้ำตรงกากบาทเพื่อให้รากทะลุลงไป
- ผสมปุ๋ย A – B ลงในแก้วน้ำในอัตราส่วนเท่าๆ กัน
- นำเอาฟองน้ำที่มีต้นกล้างอกขึ้นมาเรียบร้อยแล้ววางไว้บนฝาแก้วน้ำในลักษณะหงายฝาขึ้นด้านบน เพื่อให้รากจุ่มลงในแก้วน้ำที่มีสารอาหารสำหรับการเจริญเติบโต
- นำเอากระดาษมาพันแก้วน้ำเอาไว้ให้ทึบแสง เพราะแสงแดดอาจทำให้เกิดตะไคร่น้ำได้ เพียงเท่านี้ก็ได้กระถางปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์จากแก้วน้ำพลาสติกแล้วค่ะ
ข้อดีของการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์คืออะไร ?
- ให้ผลผลิตมาก สามารถปลูกผักไว้ได้กินทั้งปี และสามารถออกแบบพื้นที่ปลูกได้อยากหลากหลาย
- มั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย เพราะเป็นการปลูกเอง ปราศจากยาฆ่าแมลง
- สารละลายธาตุอาการสำหรับการปลูกผักวิธีนี้เป็นสารที่มีคุณภาพสูง มาจากธรรมชาติ และไม่มีการปนเปื้อนของโรคและสารพิษ
- การปลูกผักวิธีนี้มีอัตราการเจริญเติบโตเร็ว มีต้นที่สมบูรณ์แข็งแรง สุขภาพดี มีอายุเก็บเกี่ยวผลผลิตเร็ว
- สามารถปลูกผักขายเป็นรายได้เสริมได้โดยที่ไม่ต้องลงทุนมากนัก จะปลูกผักเป็นอาชีพหลังเกษียณก็ได้เช่นกัน
ข้อควรระวัง และคำแนะนำเพิ่มเติมในการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์
การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เป็นวิธีการเพาะปลูกที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายหลายอย่างเหมือนกัน และเพื่อให้คุณปลูกผักได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ลองมาดู 10 ข้อ ที่จะช่วยเป็นข้อมูลให้คุณก่อนเริ่มปลูกผักแบบน้ำกันค่ะ
- คุณภาพน้ำ : น้ำที่ใช้ต้องสะอาด ปราศจากสารปนเปื้อน ค่า pH ควรอยู่ระหว่าง 5.5-6.5 เพราะช่วงนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับการดูดซึมแร่ธาตุของพืช หากค่า pH ไม่เหมาะสม อาจทำให้พืชไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สารอาหาร : ต้องให้สารอาหารที่ครบถ้วนและเหมาะสมกับชนิดของพืชและระยะการเจริญเติบโต โดยทั่วไปประกอบด้วยธาตุอาหารหลัก (N, P, K) และธาตุอาหารรอง ปริมาณและสัดส่วนต้องพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป
- แสงแดด : พืชต้องได้รับแสงแดดเพียงพอสำหรับการสังเคราะห์แสง แต่ไม่ควรได้รับแสงแดดจัดเกินไปจนทำให้พืชเหี่ยวเฉา หากที่บ้านคุณมีแดดตลอดทั้งวัน ลองใช้ตาข่ายพรางแสงได้นะคะ
- อุณหภูมิ : พืชแต่ละชนิดมีช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมแตกต่างกัน โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 18-30°C ซึ่งควรระวังไม่ให้อุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป อาจต้องใช้พัดลมหรือระบบทำความเย็นช่วยควบคุมอุณหภูมิ
- การถ่ายเทอากาศ : ต้องมีการหมุนเวียนอากาศที่ดีเพื่อป้องกันความชื้นสะสม เพราะอาจนำไปสู่การเกิดโรคและแมลง จึงแนะนำให้ใช้พัดลมช่วยในการหมุนเวียนอากาศ
- ความสะอาด : รักษาความสะอาดของระบบและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ ทำความสะอาดถังน้ำ ท่อ และวัสดุปลูกเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและแบคทีเรีย
- การเฝ้าระวังโรคและแมลง : ตรวจสอบพืชทุกวันเพื่อสังเกตอาการผิดปกติ เช่น จุดบนใบ ใบเหลือง หรือแมลงศัตรูพืช หากพบปัญหาให้แก้ไขทันที
- การจัดการน้ำ : ควบคุมการไหลเวียนของน้ำให้เหมาะสม ตรวจสอบปั๊มน้ำและระบบน้ำอย่างสม่ำเสมอ
- การเลือกพันธุ์พืช : เลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ บางพันธุ์อาจเติบโตได้ดีกว่าในระบบนี้ ศึกษาข้อมูลพันธุ์พืชก่อนเริ่มปลูก
- การดูแลรักษาระบบ : ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ทั้งหมดอย่างสม่ำเสมอ เช่น ปั๊มน้ำ ระบบท่อ เซ็นเซอร์วัดค่าต่างๆ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ชุดรางปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ น้ำวน 12 ช่องปลูก
Inspire Now ! : วิธีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ นั้นไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเลยใช่ไหมคะ ใครอยากปลูกผักสะอาด มั่นใจเรื่องปลอดสารพิษกินเองที่บ้านล่ะก็ ลองใช้วิธีที่เรานำมาฝากกันดูนะ ประหยัดกว่า สะอาดกว่า มีผักไว้กินยาวๆ และยังได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วย แล้วถ้าใครชอบในเรื่องการลงมือทำสวน และชอบเกี่ยวกับเรื่องการปลูกต้นไม้ละก็ ลองดูวิธีทำ คาราเม่ กระถางต้นไม้ เพิ่มเติมได้นะคะ |
---|
DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันได้ไอเดียใหม่ๆ หรือเปล่า ? ใครปลูกผักด้วยวิธีใช้น้ำแบบนี้กันอยู่บ้างคะ ? ปลูกแบบไหน ได้ผลยังไง มาคอมเมนต์พูดคุยกับเรากันนะคะ ♡