ออกแบบปฏิทิน ตั้งโต๊ะ ด้วยตัวเองยังไง ? แจกไอเดียทำตามง่าย ใช้ได้จริง !
ชวนมาดูไอเดีย ออกแบบปฏิทิน ตั้งโต๊ะ สวยๆ พร้อม how to ที่ทำตามได้ง่ายๆ ออกแบบเองได้ตามความคิดสร้างสรรค์ และการใช้งาน ใช้เองก็ได้ ให้คนอื่นก็ดี
คุณเคยมี การตั้งคำถาม กับตัวเองในลักษณะนี้ขึ้นมาบ้างรึเปล่าคะว่าความสุข, ความสำเร็จในชีวิตของคุณคืออะไร? แล้วจะมีวิธีรักตัวเองแบบไหนบ้างที่สามารถนำพาเราไปสู่ความสุขได้? ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยมี การตั้งคำถาม ลักษณะนี้มาก่อนต้องขอบอกเลยว่า บทความนี้อาจมีคำตอบให้กับคุณก็เป็นได้ค่ะ วันนี้เราเลยขอรวบรวม การตั้งคำถาม เปลี่ยนชีวิตทั้งหมด 5 คำถามจาก Quote ของบุคคลที่มีชื่อเสียงและผลงาน research จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของ Standford University หรือ University of Pennsylvania มาให้คุณได้ลองมีการตั้งคำถาม เพื่อมองย้อนกลับมาพิจารณาตัวเองดูดีๆ ว่าสิ่งต่างๆ ที่คุณเคยผ่านมาและกำลังเป็นอยู่ตอนนี้มันใช่ความสุขความสำเร็จในชีวิตที่คุณเกิดมาเพื่อมีและพร้อมจะตายอย่างภูมิใจไปกับมันจริงๆ แล้วหรือเปล่ากับ ตัวอย่างการตั้งคำถามทั้ง 5 ข้อที่เราเลือกมานำเสนอในวันนี้ค่ะ
“Many of life’s failure are people who did not realize how close they were to success when they gave up.”
-Thomas Edison
เราเชื่อว่าทุกคนล้วนมีความกลัวที่จะทำอะไรใหม่ๆ หรือกลัวว่าถ้าทำไปอาจจะผิดพลาดเลยเลือกที่จะไม่ลงมือทำ ซึ่งคุณแน่ใจได้ยังไงว่านั่นคือความผิดพลาดแล้วจริงๆ วันนี้เราเลยอยากจะยกตัวอย่างคนดังที่เคยผิดพลาดกันมาแล้วให้ดูว่าท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้จมอยู่กับมัน แต่เขาเลือกที่จะลุกขึ้นสู้แทน ได้แก่ Thomas Edison เขาถูกคุณครูของตัวเองด่าว่า “คุณโง่เกินไปที่จะเรียนหนังสือได้” ซึ่งสิ่งที่ Edison ทำคือเขาทดลองผลิตหลอดไฟกว่า 1,000 ครั้งจนสำเร็จ ทั้งที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนว่าเขาจะสามารถทำได้ เขาได้ทำให้โลกได้ประจักษ์ว่า ความพยายามไม่เคยไร้ค่า หากคุณไม่ล้มเหลวมาก่อนมันก็คงไม่มีวันที่จะเกิดสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้แบบนี้
สำหรับตัวอย่างการตั้งคำถามข้อนี้อยากจะสื่อว่า บางทีเส้นทางแต่ละเส้นที่เราเคยเดินผ่านมานั้นถึงแม้บางทีมันจะเป็นเส้นทางที่ผิดพลาดหรือไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังเอาไว้ แต่อย่างน้อยทุกอย่างที่เราได้ผ่านมามันคือประสบการณ์ที่จะทำให้เราแข็งแกร่งและสามารถพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้ในวันหน้า ดังนั้นแล้วให้คิดว่าไม่มีสิ่งไหนที่เป็นความผิดพลาดที่แท้จริงมากกว่าการที่เราไม่รู้ว่าเราชอบอะไร? ต้องการจะทำหรือดำเนินชีวิตให้มีความหมายต่อตัวเองต่อไปได้อย่างไร? สิ่งนี้ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็เปรียบเสมือนครูที่คอยช่วยสอนและย้ำเตือนให้เราเข้มแข็งขึ้นก็เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นอย่าจมปลักอยู่กับสิ่งนั้นนานไปจนเปลี่ยนเป็นพลังลบ แต่จงเปลี่ยนให้เป็นพลังบวกและมีความสุขไปกับมันแทนจะดีกว่าค่ะ
“If Money Doesn’t Make You Happy, Consider Time” เป็นงานวิจัยที่ลงในวารสารเกี่ยวจิตวิทยาของ Jennifer Aaker และ Melanie Rudd จาก Standford University, และ Cassie Mogilner จาก University of Pennsylvania ที่ได้ร่วมมือกันทำงานวิจัยเรื่องที่ว่า “ถ้าเงินไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้คุณมีความสุขแต่เป็นเวลาที่คุณเลือกที่จะใช้แทนหล่ะ” ซึ่งงานวิจัยนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อเรียนรู้ว่าความสุขที่แท้จริงของคนคืออะไรกันแน่ ซึ่งผลสรุปที่ทำให้เกิดความสุขได้นั้นเกิดจากการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้แก่ การใช้เวลากับคนที่เราชอบ, การใช้เวลาไปกับการกิจกรรมที่อยากทำ, การมีความสุขเวลานึกถึงประสบการณ์ดีๆ ที่เคยทำ ฯลฯ มากกว่าการมีเงินใช้มากมาย
เราขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดในสังคมปัจจุบันที่สามารถเห็นภาพได้ชัดเจนที่สุดเลยก็คือ ณ ตอนนี้คนในสังคมไทยส่วนใหญ่มักใช้เวลาไปกับการทำงานหาเงินมากกว่าที่จะจัดสรรเวลาให้กับคนที่รักและทำกิจกรรมอื่นๆ โดยมองว่าการทำงานหาเงินให้ได้มากๆ สามารถสร้างความสุขในอนาคตได้ แต่ผลที่เกิดในบั้นปลายชีวิตของเขากลับไม่มีความสุข มีสุขภาพที่ไม่ดีและนำเงินที่หาได้มากๆ มารักษาตัวเองแทน
สำหรับเราคิดว่า เงินคือสิ่งที่ทำให้การใช้ชีวิตเป็นไปได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นก็เท่านั้น ซึ่งการมีเงินเยอะก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความสุขเสมอไป เพราะสำหรับบางคนต่อให้ไม่ได้มีเงินมากมายแต่ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขจากการจัดสรรเวลาให้มีความหมายและคุ้มค่าที่สุดในทุกๆ วันนั่นเอง
[affegg id=2722]
“‘Knowing yourself is the beginning of all wisdom”
-Aristotle
“Tell me, What is it you plan to do with your one wild & precious life?”
-Mary Oliver
จากคำพูดของ Aristotle ที่กล่าวว่า “การรู้จักตัวเองคือจุดเริ่มต้นแห่งปัญญาทั้งปวง” และ Mary Oliver ที่กล่าวว่า “บอกฉันทีสิว่าอะไรคือสิ่งที่คุณวางแผนว่าจะทำในหนึ่งชีวิตที่แสนระห่ำและเลอค่าของคุณ” ซึ่งจาก quote ทั้ง 2 ที่เราได้หยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างนั้นก็เพื่ออยากจะให้คุณได้ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า คุณรู้จักตัวเองและสิ่งที่อยากจะทำดีแค่ไหน ? สำหรับบางคนอาจมองว่ามันเป็นเหมือนเรื่องธรรมดา แต่เราคิดว่ามันคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราได้ตระหนักรู้กับการมีตัวตนของเราและยังสามารถรับรู้ได้อีกว่าเราควรจะหันเหชีวิตของเราไปในทิศทางไหน
เรื่องนี้คือสิ่งที่เราคิดว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งเลยที่จะเป็นทางแยกไปสู่บั้นปลายชีวิตของคนๆ หนึ่งได้ คือเรื่องความชอบในการเรียน ในปัจจุบันระหว่างพ่อแม่และลูกมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันน้อยลงเพราะพ่อแม่บังคับให้ลูกเลือกเดินในเส้นทางที่พวกเขาไม่ได้อยากจะเป็น ทำให้เด็กเป็นโรคซึมเศร้าและคิดอยากจะจบชีวิตตัวเองเพิ่มมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเป็นได้อย่างที่ครอบครัวอยากจะให้เป็น หรือไม่สามารถเลือกทำในสิ่งที่ชอบได้ เพราะการที่พ่อแม่เลือกเส้นทางให้ลูกมันเป็นเหมือนดาบสองคม ตรงที่พ่อแม่หวังดีหยิบยื่นความรักและความหวังดีให้กับลูก ซึ่งสิ่งนั้นมันไม่ใช่ตัวตนของลูกที่เขาอยากจะเป็น มันทำให้ความหวังดีที่พ่อแม่อยากมอบให้ย้อนกลับไปทำลายชีวิตของเด็กคนหนึ่งทั้งชีวิต โดยการยัดเยียดให้พวกเขาเดินไปตามเส้นทางที่ไม่ได้เกิดมาจากความชอบและอยู่กับมันไปจนตาย
ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เดินมาในเส้นทางที่ไม่ได้เกิดจากความชอบของตัวเองในอดีตและได้พลาดพลั้งไปกับมันแล้ว การตั้งคำถามนี้จะทำให้คุณได้ลองมองย้อนกลับไปดูว่าอะไรคือสิ่งที่คุณทำแล้วรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำมันจริงๆ สิ่งนั้นแหละค่ะคือความชอบของคุณและถ้าหากทำได้ไม่ดีก็อย่าพึ่งไปท้อกับมัน ลองพยายามเรียนรู้ไปกับมันก่อน ถ้าหากคุณได้ทำในสิ่งที่คุณชอบแล้วจริงๆ มันคงไม่เหนื่อยหากคุณจะสามารถทุ่มเททั้งชีวิตเพื่ออยู่ไปกับสิ่งที่คุณชอบ
[affegg id=2723]
ในคำถามที่ 4 และ 5 เราได้หยิบยกคำถามบางส่วนมาจาก “32 Questions to change your life” ของ Spencer Greenberg นักคณิตศาสตร์และนักประกอบการที่ได้ปล่อยโครงงานวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับการตั้งคำถามทั้งหมด 32 คำถาม เพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้ในชีวิตการทำงานและจุดประกายให้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีและลึกซึ้ง ว่าแต่คำถามจะเป็นยังไบ้าง เราลองมาดูกันค่ะ
“What do you want to make sure you do, achieve or experience before you’re gone?”
เรารู้สึกว่าหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตล้วนเป็นเส้นทางที่เคยผ่านมาแล้วทั้งสิ้นโดยผู้ที่เคยผ่านมาก็มีทั้งผู้ที่ประสบผลสำเร็จและไม่ประสบผลสำเร็จตามความคิดของคนในสังคม ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีใครมาสนใจหรอกว่าคุณเคยผ่านอะไรมาบ้าง เพราะเวลาที่พวกเขาทำความรู้จักกับคุณพวกเขาจะเริ่มมองที่ปลายทางของคุณก่อนว่าประสบความสำเร็จตามมุมมองที่พวกเขาคิดรึเปล่า ซึ่งเรื่องที่คนส่วนใหญ่มองว่าประสบความสำเร็จและมีความสุขก็มีอยู่แค่ไม่กี่อย่างคือมีเงินมากมาย มีรถให้ขับ มีบ้านให้อยู่ มีครอบครัวและการงานที่มั่นคง เป็นต้น
ซึ่งคนที่มีคุณสมบัติดังนี้มักจะถูกเหมารวมจากคนในสังคมว่าคือคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและเป็นคนที่มีความสุข ในอนาคตหากคนในสังคมเหล่านี้มีลูกหลานก็มักจะบังคับให้พวกเขาเดินไปตามเส้นทางของคนที่พวกเขามองว่าประสบความสำเร็จเหล่านี้ โดยมองเส้นทางอื่นที่มีปลายทางต่างออกไปว่าล้มเหลว
[affegg id=2724]
“What in your life that you have the power to change is most limiting your long-term happiness? and What could you start doing to address what you said is most limiting your happiness?”
ในโลกใบนี้ไม่มีใครที่เหมือนกัน 100% หรือแม้แต่ฝาแฝดที่เกิดออกมาจากไข่ใบเดียวกันก็มีอุปนิสัยที่แตกต่างกันได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่นในสังคมที่เกิดมาจากต่างที่ต่างถิ่นกัน ดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหาก ความสุข หรือ ความสำเร็จของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ซึ่งการที่ผู้ใหญ่บังคับให้เด็กทำในสิ่งที่ตนต้องการโดยไม่ได้หันมาคุยหรือมีการตั้งคำถามกับเด็กๆ เลยว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการจะทำจริงๆ คืออะไร? แล้วสิ่งที่พ่อแม่หยิบยื่นให้นั้นใช่ความสุขหรือความสำเร็จในชีวิตที่เด็กๆ ต้องการและอยากอยู่กับมันในระยะยาวจริงๆ รึเปล่า? ซึ่งการที่ไม่ได้มีการตั้งคำถามกับเขาผลอาจจะส่งผลทำให้ความสุขภายในครอบครัวค่อยๆ จางหายไปอย่างไม่รู้ตัวก็เป็นได้
หากจะมองเรื่อง “เมื่อรักจึงหวังดี” ก็อยากให้ถามตัวเองว่าแน่ใจแล้วหรือว่ามันคือความสำเร็จที่จะทำให้ลูกหลานของคุณมีความสุขในบั้นปลายชีวิตของพวกเขาจริงๆ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจะมาโทษว่าผู้ใหญ่เป็นต้นเหตุทั้งหมดก็ไม่ถูก เพราะสิ่งที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริงคือการละเลยการตั้งคำถามกับเด็กถึงความชอบที่แท้จริงของเขาว่าจริงๆ แล้วเขามีความชอบหรือความต้องการเกี่ยวกับอะไรกันแน่ หลังจากนั้นเราก็ค่อยมาสนับสนุนและส่งเสริมพวกเขา และมันคงจะเป็นเรื่องที่ดีมากขึ้นหากเราจะช่วยกันสานต่อค่านิยมในด้านนี้แทนการดูถูกความชอบในด้านใดด้านหนึ่งที่มากเกินไป
ยกตัวอย่างเช่น อาชีพแต่ละอาชีพในสังคมต่างมีเอกลักษณ์และมีความสำคัญในแบบของตัวเองทั้งสิ้น การที่คนในสังคมดูถูกอาชีพใดอาชีพหนึ่งและเชิดชูอีกอาชีพหนึ่งขึ้นมา เป็นการผลักดันให้สังคมเป็นไปในทิศทางแบบเดียวกันมากจนเกินไป ซึ่งสิ่งดังกล่าวที่ว่าจะไปลดความสัมพันธ์อันหลากหลายที่เรียกว่า สังคมที่แท้จริง
สำหรับการตั้งคำถามข้อนี้เราอยากให้คุณได้ลองย้อนกลับมาถามตัวเองว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่คุณทำและเป็นอยู่ตอนนี้ใช่ความสุขระยะยาวที่คุณต้องการจะมีและอยากจะอยู่กับมันไปจนตายเลยหรือเปล่า? ถ้าใช่ก็ไม่ต้องกังวลและลุยไปกับมันไปได้เลย แต่ถ้าไม่ใช่ก็ลองใช้เวลาคุยและศึกษากับตัวเองดู ซึ่งเราเชื่อว่าไม่ช้าไม่เร็วคุณจะต้องได้รู้คำตอบนี้อย่างแน่นอน
ดังนั้นพอลองมองย้อนกลับขึ้นไปดูในตัวอย่างการตั้งคำถามที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนั้นก็อยากให้ลองมาสรุปแล้ว ความสุข, ความสำเร็จในชีวิตของคุณคืออะไรกันแน่ ? ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถตอบคำถามนี้ให้กับคุณได้นอกจากตัวของคุณเอง
Inspire Now !: การได้มี การตั้งคำถาม หรือพูดคุยกับตัวเองมากขึ้น อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความสุขและความสำเร็จในชีวิตที่เราอาจจะไม่เคยคาดคิดมาก่อนก็เป็นได้ |
---|
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่า ให้คุณหาตัวเองเจอมากขึ้นจาก การตั้งคำถาม ในบทความนี้บ้างไหมคะ ? ลองพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก :gsb.stanford.edu, businessinsider.com, businessinsider.com, inc.com, Psychalive.org
ชวนมาดูไอเดีย ออกแบบปฏิทิน ตั้งโต๊ะ สวยๆ พร้อม how to ที่ทำตามได้ง่ายๆ ออกแบบเองได้ตามความคิดสร้างสรรค์ และการใช้งาน ใช้เองก็ได้ ให้คนอื่นก็ดี
เกษียณแล้ว ทำอะไรดี แนะนำ อาชีพหลังเกษียณ พร้อมคำแนะนำในการเลือก ให้คุณได้ใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุข และรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง
ชวนดูวิธี โสดอย่างมีความสุข เอาใจสาวโสดทั้งที่ตั้งใจ และไม่ได้ตั้งใจ พร้อมแชร์นิยาม โสด หมายถึง อะไร พร้อมวิธีพัฬฒนาตัวเองที่ทำได้จริง