work smart, productive คือ

Work Smart คืออะไร ? แชร์ทิปส์ทำงานแบบมีเวลาพัก เมื่อ Work Hard อาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป !

เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินคำว่า Work Hard กันมาบ้าง ซึ่งก็แปลตรงตัวคือ การทำงานอย่างหนัก หลายคนทุ่มเททำงานหนักเพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิต จะได้มีความก้าวหน้าในอาชีพ ได้เลื่อนขั้น หรืออาจจะอยากพัฒนาศักยภาพของตัวเอง ซึ่งการทำงานหนักก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ตราบใดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจของเรา แต่ถ้าเราเลิกงานดึกทุกวัน หอบเอางานไปทำต่อที่บ้านทุกวันให้งานมาก่อนสิ่งอื่นใดในชีวิต แต่ก็ดูเหมือนว่างานที่เราทำก็ไม่ได้มีคุณภาพมากเท่าไหร่ ถ้าเป็นแบบนั้นอาจหมายความว่า วิธีทำงานของเราอาจไม่ถูกต้องเท่าไหร่ เราอาจจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ โดยใช้วิธีแบบ Work Smart คือ การทำงานอย่างมีกลยุทธ์ มีการวางแผนที่ดี เพื่อให้เรามีเวลาส่วนตัวมากขึ้น แถมงานยังมีคุณภาพมากขึ้นด้วย

Work Hard อาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป มาทำงานแบบ Work Smart กันเถอะ !

work smart, productiveคือ
Image Credit : Freepik

ในยุคที่การทำงานมีความซับซ้อนและท้าทายมากขึ้น การทำงานหนักเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อความสำเร็จ แนวคิดนี้จึงเป็นแนวคิดสำคัญที่เน้นการทำงานอย่างชาญฉลาด โดยใช้กลยุทธ์และวิธีการที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แทนที่จะเน้นการทุ่มเทแรงกายแรงใจเพียงอย่างเดียว แนวคิดนี้จะช่วยให้เราสามารถจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ทั้งเวลา แรงงาน และพลังงาน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำงาน เราลองมาปรับตัวเองจาก work hard ให้ work smart มากขึ้นกัน

Bewell โต๊ะปรับระดับไฟฟ้า โต๊ะทำงานเพื่อสุขภาพ มอเตอร์ 2 ตัว ปรับความสูงได้ 4 ระดับ รับประกัน 5 ปี

Work Smart คืออะไร ?

work smart, productiveคือ
Image Credit : Freepik

Work Smart คือแนวคิดในการทำงานที่เน้นการใช้สติปัญญา วางแผน และเลือกใช้วิธีการที่ชาญฉลาด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นเวลา แรงงาน หรือพลังงาน แนวคิดนี้ให้ความสำคัญกับการจัดลำดับความสำคัญของงาน การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสม รวมถึงการวางแผนและจัดระบบการทำงานที่ดี เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน นอกจากนี้ยังรวมถึงการเรียนรู้จากประสบการณ์เพื่อปรับปรุงวิธีการทำงานให้ดียิ่งขึ้น โดยไม่ได้เน้นการทุ่มเทแรงงานหรือเวลามากเกินจำเป็น แต่เน้นการทำงานอย่างฉลาดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเอง

อยาก เวิร์ค สมาร์ท แบบ Productive ต้องทำยังไงบ้าง ?

work smart, productiveคือ
Image Credit : Freepik

การทำงานแบบ work smart ไม่ใช่การทำงานหนักขึ้น แต่เป็นการทำงานให้ฉลาดขึ้น จัดการเวลาให้ดีขึ้น และรักษาสมดุลระหว่างงานกับการพักผ่อน หากคุณลองทำตามนี้ คุณจะพบว่าตัวคุณเองจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่เหนื่อยน้อยลง ลองมาดูกันค่ะ

1. จัดลำดับความสำคัญ

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการเขียนงานที่ต้องทำทั้งหมดลงบนกระดาษหรือแอปจดบันทึก จากนั้นวิเคราะห์แต่ละงานว่าอะไรที่ต้องทำด่วนและส่งผลกระทบสูง ให้ทำเป็นอันดับแรก งานที่สำคัญแต่ยังไม่เร่งด่วนให้วางแผนทำในช่วงที่เหมาะสม ส่วนงานทั่วไปที่ไม่เร่งรีบให้จัดการในช่วงท้ายวันหรือเมื่อมีเวลาว่าง การจัดลำดับแบบนี้จะช่วยให้เราไม่หลงทำงานเล็กๆ น้อยๆ จนลืมงานสำคัญ

2. ใช้เทคนิค Pomodoro

เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือการตั้งนาฬิกาจับเวลา 25 นาที แล้วตั้งใจทำงานเดียวให้จบในช่วงเวลานั้น ห้ามเช็คโซเชียล ห้ามดูโทรศัพท์ เมื่อครบเวลาให้พัก 5 นาที ทำแบบนี้ 4 รอบติดต่อกัน จากนั้นให้พักยาว 15-30 นาที เทคนิค Pomodoro นี้ จะช่วยให้สมองได้พักเป็นจังหวะและรักษาความสดชื่นได้ตลอดวัน

3. การจัดสภาพแวดล้อมที่ดี

เริ่มจากการจัดโต๊ะทำงานให้โล่ง เก็บของที่ไม่จำเป็นออก เหลือแค่อุปกรณ์ที่ต้องใช้จริงๆ จัดวางคอมพิวเตอร์และหน้าจอให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม มีแสงสว่างพอดี อากาศถ่ายเทสะดวก ปิดการแจ้งเตือนในมือถือที่ไม่จำเป็น หรือตั้งโหมดห้ามรบกวน การจัดสภาพแวดล้อมที่เป็นระเบียบจะช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิในการทำงานมากขึ้นได้ค่ะ

4. การวางแผนงานล่วงหน้า

วิธีนี้ควรทำในช่วงเย็นก่อนเลิกงาน ลองใช้เวลาประมาณ 15 นาที เขียนรายการงานสำหรับวันพรุ่งนี้ จัดเรียงตามความสำคัญ เตรียมไฟล์หรือเอกสารที่ต้องใช้ให้พร้อม วิธีนี้จะช่วยให้เราเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องเสียเวลาคิดว่าจะทำอะไรก่อนดี ใครที่สนใจเรื่องวิธีการบริหารเวลาลองอ่านเพิ่มเติมได้อีกนะคะ

5. ใช้เครื่องมือ และแอพช่วยจัดการงานนั้น

ควรเลือกแอพที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เช่น Google Calendar สำหรับนัดหมาย Todoist สำหรับจดบันทึกงาน หรือ Trello สำหรับติดตามความคืบหน้าของโปรเจค สิ่งสำคัญคือต้องใช้งานอย่างสม่ำเสมอ อัพเดทสถานะงานทุกวัน และตั้งการแจ้งเตือนอย่างเหมาะสม

6. จัดกลุ่มงาน

การจัดกลุ่มงานที่คล้ายกันจะช่วยประหยัดเวลาและพลังงานสมอง เช่น กำหนดช่วงเช้าเป็นเวลาประชุม ช่วงสายเป็นเวลาตอบอีเมลและโทรศัพท์ ช่วงบ่ายเป็นเวลาทำงานที่ต้องใช้สมาธิ การทำงานแบบนี้จะช่วยให้สมองไม่ต้องสลับไปมาระหว่างงานที่แตกต่างกัน ทำให้ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

7. พักระหว่างวัน

การพักระหว่างวันเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรพักสั้นๆ ทุก 1 – 2 ชั่วโมง โดยลุกจากโต๊ะทำงาน เดินไปดื่มน้ำ ยืดเส้นยืดสาย หรือออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ การพักแบบนี้จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดความเมื่อยล้า และทำให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หนังสือ The Pomodoro Technique เทคนิคการเคลียร์งาน 25 นาทีจบ

8. ปฏิเสธให้เป็น

การปฏิเสธงานและการมอบหมายงานเป็นทักษะสำคัญ เราต้องรู้จักประเมินความสามารถของตัวเอง ไม่รับงานเกินกำลัง กล้าปฏิเสธงานที่ไม่จำเป็นอย่างสุภาพ และรู้จักขอความช่วยเหลือหรือมอบหมายงานให้คนอื่นเมื่อจำเป็น การทำแบบนี้จะช่วยให้เราจัดการงานสำคัญได้อย่างมีคุณภาพ

9. ประเมิน และปรับวิธีการทำงาน

การประเมินและปรับปรุงวิธีการทำงานควรทำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน โดยทบทวนว่าช่วงเวลาไหนที่เราทำงานได้ดีที่สุด งานประเภทไหนที่เราใช้เวลามากเกินไป มีวิธีไหนที่จะช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น มีทักษะอะไรที่ควรพัฒนาเพิ่มเติม การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

10. ให้รางวัลตัวเอง

การให้รางวัลตัวเองเป็นการสร้างแรงจูงใจที่ดี เมื่อทำงานสำเร็จตามเป้าหมาย ควรให้รางวัลตัวเองด้วยสิ่งที่ชอบ เช่น ดูหนังที่อยากดู กินอาหารที่ชอบ ไปเดินเล่นในที่ที่ชื่นชอบ หรือซื้อของที่อยากได้ การให้รางวัลจะช่วยสร้างความรู้สึกดีๆ และกระตุ้นให้อยากทำงานให้สำเร็จในครั้งต่อไป

วิธีคิดอะไรบ้าง ? ที่ส่งเสริมให้เราทำงานได้สมาร์ทมากขึ้น

work smart, productiveคือ
Image Credit : Freepik

การพัฒนาวิธีคิดอาจต้องใช้เวลา แต่เมื่อฝึกฝนจนเป็นนิสัย จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณจะเริ่มเห็นว่าใช้เวลาและพลังงานน้อยลง แต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีความสุขกับการทำงานมากขึ้นนั่นเอง

  1. คิดแบบมองภาพรวมก่อนลงมือทำ เปรียบเสมือนการดูแผนที่ทั้งหมดก่อนออกเดินทาง เมื่อเห็นภาพรวมทั้งหมดของงาน เราจะสามารถวางแผนและจัดลำดับขั้นตอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เสียเวลาทำงานซ้ำซ้อนหรือแก้ไขภายหลัง
  2. คิดแบบมุ่งผลลัพธ์ ไม่ยึดติดกับกระบวนการเดิมๆ หากวิธีการทำงานแบบเก่าใช้เวลานานเกินไป ต้องกล้าที่จะคิดค้นหรือลองวิธีใหม่ที่อาจทำให้ได้ผลลัพธ์เร็วกว่า โดยที่คุณภาพงานยังคงเดิมหรือดีขึ้น
  3. คิดเชิงวิเคราะห์แบบแยกแยะ เมื่อเจองานใหญ่ ให้แบ่งเป็นงานย่อยๆ ที่จัดการได้ง่าย แล้วค่อยๆ ทำทีละส่วน วิธีนี้จะช่วยให้งานที่ดูยากกลายเป็นเรื่องที่จัดการได้ และทำให้เราเห็นความคืบหน้าชัดเจน
  4. คิดแบบ 80/20 หรือหลักการพาเรโต คือให้โฟกัสกับ 20% ของงานที่สร้างผลลัพธ์ 80% แทนที่จะทุ่มเทเวลาเท่ากันกับทุกงาน เช่น ถ้ามีลูกค้า 10 ราย แต่มี 2 รายที่สร้างรายได้หลัก ก็ควรให้ความสำคัญกับ 2 รายนี้มากกว่า
  5. คิดแบบยืดหยุ่นและปรับตัว ไม่ยึดติดกับแผนมากเกินไป พร้อมปรับเปลี่ยนวิธีการเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน เช่น ถ้าวิธีที่วางแผนไว้ไม่ได้ผล ก็พร้อมที่จะลองวิธีใหม่ทันที
  6. คิดแบบเชื่อมโยงประสบการณ์ นำความรู้และบทเรียนจากงานก่อนหน้ามาประยุกต์ใช้กับงานปัจจุบัน เพื่อไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง เช่น การนำเทมเพลตหรือวิธีการที่เคยใช้ได้ผลดีมาปรับใช้
  7. คิดแบบมีกลยุทธ์ มองการณ์ไกล วางแผนล่วงหน้า และเตรียมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น แทนที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเรื่อยๆ วิธีนี้จะช่วยลดเวลาในการแก้ไขปัญหาที่ไม่จำเป็น
  8. คิดแบบให้คุณค่ากับเวลา มองเวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด ตัดสินใจทำหรือไม่ทำอะไรโดยคำนึงถึงคุณค่าของเวลาที่ต้องใช้ เช่น บางครั้งการจ้างคนอื่นทำอาจคุ้มค่ากว่าการเสียเวลาทำเอง
  9. คิดแบบสร้างระบบ พยายามสร้างระบบหรือกระบวนการที่ทำซ้ำได้สำหรับงานที่ต้องทำประจำ เพื่อประหยัดเวลาและพลังงานในระยะยาว เช่น การสร้างเทมเพลต การตั้งค่าอัตโนมัติ หรือการทำคู่มือขั้นตอนการทำงาน
  10. คิดแบบรักษาสมดุล เข้าใจว่าการทำงานอย่างฉลาดไม่ได้หมายถึงการทำงานตลอดเวลา แต่รวมถึงการรู้จักพักผ่อน รักษาสุขภาพ และมีเวลาส่วนตัว เพราะการมีสมดุลชีวิตที่ดีจะช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว
Parin สปาซิลิโคนน้ำแข็งนวดหน้า

Inspire Now ! : แต่ละคนมีสไตล์การทำงานเป็นของตัวเอง การรู้จักวิธีการทำงานของตัวเอง พัฒนาในจุดแข็ง และปรับปรุงในจุดอ่อน ก็จะทำให้เรา Productive มากขึ้น และอย่าไปเคร่งเครียดหรือกดดันตัวเองมากจนเกินไป เพียงแค่เลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งจะทำให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้เวลาทำงานทั้งวันทั้งคืนหรือทำงานหนักนั้นอาจจะไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ลองให้วิธีทำงานแบบ Work Smart ดูบ้าง เราอาจจะทำงานสนุกขึ้น งานออกมาดีมากกว่าเดิมแถมยังมีเวลาพักผ่อนของตัวเองด้วย

DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ?ใครลองเปลี่ยนมาทำงานแบบ Work Smart กันแล้ว ได้ผลยังไงมาคอมเมนต์บอกเรากันบ้างนะคะ ♡

Facebook Comments

หาข้อมูล-ลงมือเขียนและเรียบเรียงโดยทีมกองบรรณาธิการเว็บไซต์ DIY INSPIRE NOW