เช็ก วิธีปฏิเสธ ! ปฏิเสธไม่เป็น ทำยังไงดี ? ชวนดูวิธีปฏิเสธคนให้เป็น ที่ไม่ให้ลำบากใจทั้งเขาและเราเอง
เวลามีคนมาขอความช่วยเหลือจากเรา หรือขอให้เราช่วยทำบางสิ่งบางอย่างให้ บางครั้งเราก็เต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่ก็มีหลายครั้งที่เรารู้สึกลำบากใจ ไม่สะดวกที่จะทำตามคำขอเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกเกรงใจที่จะปฏิเสธ หรือไม่กล้าพูดว่าไม่ ซึ่งการตกลงยอมรับปากทำตามคำขอไป ก็ทำให้เรารู้สึกอึดอัดและเป็นกังวลไม่น้อย ถ้าใครที่มักจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ละก็ เรามี วิธีปฏิเสธ คนอย่างนุ่มนวลมาฝากกัน รับรองว่าทำตามได้ และไม่สร้างความลำบากใจให้กับทั้งเขาและเราด้วยค่ะ
ชวนดูสาเหตุ ทำไมเราถึงไม่กล้าปฏิเสธคน
ก่อนจะไปดูถึงวิธีปฏิเสธนั้น มาดูกันก่อนว่า ทำไมบางคนถึงไม่กล้าปฏิเสธคน ไม่ว่าจะเป็นการปฏิเสธการขอความช่วยเหลือ ขอให้ทำบางสิ่งบางอย่างให้ หรือแม้กระทั่งขอยืมเงิน จนต้องพยายามหาวิธีปฏิเสธ คนยืมเงินกันให้วุ่นวาย มาดูกันค่ะว่า เพราะอะไรเราถึงไม่กล้าพูดว่า “ไม่” กันนะ ?
[affegg id=4439]
- เพราะไม่ต้องการทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ สำหรับบางคนที่เราพูดปฏิเสธไป ก็อาจทำใครคนนั้นรู้สึกแย่ หรือรู้สึกผิดหวังได้ เราก็เลยไม่กล้าพูดว่าไม่ นั้นเอง
- ไม่อยากรู้สึกผิด ในบางคน เวลาปฏิเสธไปแล้วก็จะรู้สึกผิด คิดมากว่าทำเราถึงไม่ช่วยเขา ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลหลักๆ ที่เราไม่ยอมปฏิเสธกัน
- คิดว่าเราสามารถรับมือได้ เช่น ในบางคนที่โดนขอความช่วยเหลือ อาจจะขอให้เราทำงานแทนหรือช่วยรับผิดชอบงานส่วนนั้นแทน แม้เราจะคิดว่ามันมากเกินไป แต่ก็คิดว่าตัวเองรับมือไหว ซึ่งการทำแบบนี้ จะทำให้เราแบกรับภาระคนอื่นโดยที่ไม่จำเป็นด้วย
- เราเป็นมนุษย์ประเภท People Pleaser หมายถึง คนที่ชอบตามใจคนอื่น ชอบทำให้คนอื่นพอใจ เอาความต้องการของคนอื่นมาก่อนความต้องการตัวเอง ก็มักจะเป็นคนที่ไม่กล้าปฏิเสธใคร และยินดีทำตามความต้องการคนอื่นเสมอ
อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดี การมีน้ำใจต่อคนอื่นก็จะทำให้เราเป็นที่รักของคนรอบข้าง และเราสามารถทำประโยชน์ให้กับคนอื่นๆ ได้ แต่คำขอความช่วยเหลือบางอย่างก็สร้างความลำบากใจให้เรา เพราะเป็นสิ่งที่เหนือความสามารถของเรา หรือเป็นที่เกินกำลัง และไม่สะดวกใจที่จะทำตามคำขอนั้นๆ เช่น ขอยืมเงินในจำนวนมากๆ ซึ่งเป็นเงินก้อนใหญ่ของเรา สำหรับคนที่ไม่รู้วิธีปฏิเสธ คนยืมเงิน ก็อาจจะลำบากใจ และไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรดี ซึ่งบางครั้งการปฏิเสธก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนแล้งน้ำใจ แต่หมายถึงเรากำลังปกป้องตัวเองอยู่ก็ได้ เพราะถ้าหากเราไม่ปฏิเสธ เราเองนั่นแหละที่จะเป็นคนลำบากแทน ดังนั้น การปฏิเสธ จึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลยค่ะ
ทำไมการปฏิเสธถึงสำคัญ ?
- เป็นการกำหนดขอบเขตให้กับตัวเอง การพูดปฏิเสธบ้างจะทำให้คนอื่นไม่ล้ำเส้นเราจนเกินไป เพราะถ้าหากเราพูดว่าได้ไปเสียหมด บางครั้งก็อาจจะถูกเอาเปรียบได้
- เป็นการจัดการความเครียด การทำตามความต้องการของคนอื่นมากเกินไปหรือตอบตกลงในสิ่งที่เราไม่อยากทำ แน่นอนว่าก่อให้เกิดความเครียดและสร้างความไม่สบายใจอย่างแน่นอน
- เพื่อป้องกันการแตกหักในภายหลัง เราอาจจะคิดว่า การพูดปฏิเสธอาจจะทำให้เกิดความบาดหมาง แต่ในความเป็นจริงคือ การปฏิเสธไปตั้งแต่แรก ก็เป็นการป้องกันการสร้างความบาดหมางได้เช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องผลประโยชน์
- เพื่อป้องกันความรู้สึกเสียใจหรือเสียดายที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต หากเราไม่ปฏิเสธหรือรับปากทำในสิ่งที่ไม่ตรงกับเป้าหมายของเรา หรือไม่ตรงกับการวางแผนชีวิตของเรา เช่น ตอบรับข้อเสนอของหัวหน้าในการเปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่การงานโดยที่เราไม่อยากจะทำ และไม่ตรงกับเป้าหมายชีวิตของเรา แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธเพราะความเกรงใจ ซึ่งนั่นจะสร้างความลำบากใจ และสร้างความเครียด ความเสียดายให้กับเราในอนาคตได้
5 วิธีปฏิเสธ คน จะปฏิเสธอย่างไรให้ไม่แตกหัก !
การรู้วิธิการบอกปฏิเสธ เป็นหนึ่งใน Soft Skill คือ มีวิธีการสื่อสารที่ดีและมีทักษะด้านอารมณ์ มาดูกันว่า มีวิธีปฏิเสธอย่างไร ที่เราสามารถทำได้ ซึ่งเป็นวิธีที่สุภาพ รักษาน้ำใจ และไม่สร้างความสำบากใจให้กับทั้งเขาและเรา ไปดูกันเลยค่ะ
1. ขอคิดดูก่อนนะ
หากเรารู้สึกไม่สบายใจที่จะเอ่ยปากว่า “ไม่” ในทันที การบอกว่า ขอคิดดูก่อน ก็เป็นวิธีที่เหมาะสมกับคนที่ต้องการพิจารณาถึงผลที่จะเกิดขึ้น เมื่อเราตกลงรับปากให้ความช่วยเหลือไป เช่น ในกรณีที่ถูกยืมเงิน ถ้าเป็นนวนเงินมากๆ และเรากำลังลังเลว่าจะให้ความช่วยเหลือดีหรือไม่ การบอกว่า “ขอคิดดูก่อน” ก็ฟังดูเป็นกลางๆ และไม่ได้เป็นการเสียมารยาทแต่อย่างใด เป็นวิธีปฏิเสธ คนยืมเงินแบบขอเวลาคิดสักครู่ และถ้าหากคนที่มาขอความช่วยเหลือเรารีบร้อนจริงๆ เขาก็จะไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแทนค่ะ
2. ต้องขอโทษด้วย ยังไม่สะดวกตอนนี้
ถ้าเราไม่สะดวกใจที่จะทำตามคำขอจริงๆ เช่น ขอให้ช่วยทำงานให้ หรือขอให้ช่วยทำอย่างอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่ ความรับผิดชอบของเรา ทั้งเวลาที่เสียไป จะทำให้งานของเราเสียหายหรือล้าช้าไปอีก อีกทั้งการปฏิเสธงานที่ไม่จำเป็น ก็เป็นการทำงานแบบ Work Smart ด้วย ซึ่งการกล่าวขอโทษ และบอกว่าเรายังไม่สะดวกที่จะทำให้ในตอนนี้ ก็เป็นวิธีปฏิเสธที่สุภาพ ชัดเจน ซึ่งในบางคนที่เข้าใจ และเห็นว่าเราไม่สะดวกจริงๆ ก็จะไม่คะยั้นคะยอหรือขอให้เราช่วยค่ะ
3. ฉันทำสิ่งนี้ให้เธอไม่ได้ แต่ฉันทำสิ่งนั้นให้ได้
วิธีนี้ เป็นวิธีปฏิเสธแบบต่อรอง และยื่นข้อเสนออื่นแทน ในกรณีที่เราต้องการให้ความช่วยเหลือคนนั้นจริงๆ แต่อาจไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ทั้งหมด ด้วยอาจจะเพราะไม่มีเวลา หรือมันเป็นเรื่องที่เกินความสามารถ เกินขอบเขตความรับผิดชอบของเราไป เช่น ในสถานการณ์ที่เพื่อนร่วมงานมาขอให้เราช่วยทำงานให้ ซึ่งเราไม่อาจสามารถทำได้ทั้งหมด 100% ก็อาจจะบอกไปว่า ทำให้ได้แค่ 30% แทน ซึ่งวิธีก็จะช่วยให้ไม่เกิดความลำบากใจทั้งเราและเพื่อน และอย่างน้อยเราก็สามารถช่วยได้จริงๆ แม้จะไม่ได้ช่วยทั้งหมดก็ตาม
4. บอกเหตุผลไปตรงๆ
กรณีนี้ เป็นวิธีปฏิเสธในสถานการณ์ที่ไม่สามารถประนีประนอมหรืออ้อมค้อมได้ การบอกเหตุผลตรงๆ ก็จะทำให้คนที่มาขอความช่วยเหลือเข้าใจว่าเพราะอะไรเราถึงไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ อาทิ ไม่สามารถช่วยทำงานได้เพราะงานของเรายุ่งมากและต้องส่งงานด่วน การช่วยงานเธอจะทำให้เราส่งงานไม่ทัน และหัวหน้างานจะตำหนิเราได้ หรือในกรณีที่ไม่สามารถไปงานเลี้ยงของบริษัทได้ ก็ต้องบอกเหตุผลของเราว่า เพราะต้องกลับไปดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่บ้าน และแม้กระทั่งการปฏิเสธให้ความช่วยเหลือในเรื่องเงินๆทองๆ ในกรณีที่เราไม่สามารถจะใช้ความช่วยเหลือได้จริงๆ ก็ให้บอกไปตามตรงค่ะว่า เพราะอะไรถึงให้ยืมไม่ได้ เช่น เป็นเงินจำนวนมาก ต้องเก็บสำรองไว้ยามคับขัน หรือมีภาระใช้จ่ายอีกมาก หรือเราเองก็ไม่มีเงินเพียงพอในจำนวนนั้นจริงๆ ซึ่งการบอกเหตุผลตรงๆ ด้วยท่าทีจริงจัง ก็เป็นวิธีปฏิเสธ คนยืมเงิน ที่คนมายืมจะเข้าใจเราได้และไม่คะยั้นคะยอเราอีก
[affegg id=4440]
5. บอกปฏิเสธอย่างหนักแน่น และปล่อยวาง
ในบางสถานการณ์ถ้าใช้ตั้งแต่วิธีที่ 1 – 4 มาแล้ว ก็ยังไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะบอกว่ายังไม่สะดวกตอนนี้ ขอคิดดูก่อน เสนอทางเลือกอื่นแทน หรือบอกเหตุผลตรงๆ แต่คนที่มาขอความเหลือกับเราก็ยังดึงดันจะให้เราช่วยให้ได้ ในกรณีที่เราไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้จริงๆ ก้ต้องบอกว่า “ไม่” อย่างหนักแน่น จริงจัง ตรงประเด็น ยื่นคำขาด และปล่อยไปเลย ไม่ต้องคิดกังวลว่าเขาจะโกรธเราไหม หรือเขาจะไม่พอใจเราหรือไม่ ซึ่งก็อาจเกิดขึ้นได้ แต่นั่นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เพราะบางเรื่อง หากให้ความช่วยเหลือไปแล้ว ก็อาจจะทำให้ผิดใจกันทีหลังและก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าการไม่ให้ความช่วยเหลือเสียอีก โดยเฉพาะเรื่องเงินทองและประโยชน์ ซึ่งการบอกว่า ”ไม่ได้จริงๆ” ก็เป็นวิธีปฏิเสธ คนยืมเงินแบบยื่นคำขาดที่ชัดเจน หรือในบางเรื่องที่เราให้ความช่วยเหลือไปก็อาจจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น เช่น ขอให้ช่วยร่วมมือทำความผิด ซึ่งก็อาจจะสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเราเองด้วย ถ้ามันสุดทางจริงๆ การยืนยันว่า “ไม่” และปล่อยให้สถานการณ์เป็นไป ก็เป็นวิธีปฏิเสธที่ชัดเจนและหนักแน่นเพียงพอ
และนี่ก็เป็น 5 วิธีการปฏิเสธคน ในกรณีที่เราไม่สามารถทำตามคำขอได้ อย่างที่บอกว่า บางครั้งการปฏิเสธคนก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ถ้าเราไม่สะดวกที่จะให้ความช่วยเหลือได้จริงๆ และการให้ความช่วยเหลือ ก็อาจส่งผลเสียต่อตัวเรา และสร้างความลำบากกาย ลำบากใจให้กับเราได้ หรือถ้าต้องการจะช่วยเหลือจริงๆ ก็ให้ช่วยเหลือแต่พอดี และช่วยเท่าที่ช่วยได้ หรือเสนอทางเลือกอื่นที่เราสามารถทำได้แทน เพื่อไม่ให้ลำบากใจทั้งเขาและเราค่ะ
[affegg id=4441]
Inspire Now ! : การให้ความช่วยเหลือคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี แต่เราก็ต้องช่วยอย่างพอดี และพิจารณาว่า การทำตามคำขอนั้นๆ มีความสมเหตุสมผลหรือไม่ เป็นสิ่งที่ควรจะให้ความช่วยเหลือ หรือควรทำตามหรือไม่ อย่าลืมว่าเราเองก็มีสิทธิ์ที่จะทำหรือไม่ทำสิ่งใด ตราบใดที่ไม่ได้ไปก้าวก่ายหรือละเมิดสิทธิของผู้อื่น ในบางคนที่เป็นคนขี้เกรงใจ ไม่กล้าบอกปฏิเสธคนอื่น ก็อาจจะต้องลองมองในมุมใหม่ว่า เรามัวแต่นึกถึงจิตใจคนอื่น จนลืมนึกถึงจิตใจตนเอง และทำตามคำขอของคนอื่นจนเป็นการทำร้ายจิตใจตัวเองโดยไม่รู้ตัวอยู่ก็ได้ การบอกปฏิเสธบ้าง ก็เป็นวิธีรักตัวเองในอีกรูปแบบหนึ่งได้เหมือนกันค่ะ |
---|
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? ปฏิเสธบ้างก็ไม่เป็นไร ถ้าเราไม่สะดวกใจจริงๆ ใครมีวิธีปฏิเสธคนอื่นนอกเหนือจากนี้ มาคอมเมนต์บอกกันได้เลยนะ ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : grammarly.com, flowrite.com, verywellmind.com
Featured Image Credit : pexels.com/Vie Studio