ใครอยากเรียนเก่งยกมือขึ้น! แม้ว่าในปัจจุบัน การทำคะแนนให้ได้เกรดสวยๆ อาจไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นเสมอไป ในการสมัครงาน หลายๆ องค์กรก็ไม่ได้พิจารณาแค่เกรดอย่างเดียว แต่เน้นไปที่ทักษะ ความสามารถ ประสบการณ์ที่เรามีมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม การมีคะแนนที่ดีในใบเกรด อย่างน้อยก็หมายถึงความตั้งใจและความพยายามของเรา หมายถึงการที่เราให้ความสำคัญกับหน้าที่การเป็นนักเรียน – นักศึกษา และการเรียนให้สอบผ่าน ได้คะแนนดีๆ ก็ย่อมดีกว่าการที่ต้องมานั่งสอบซ่อม หรือต้องลงทะเบียนเรียนใหม่ซ้ำๆ เพราะติด F รัวๆ ให้พ่อแม่กลุ้มใจเล่นๆ แถมเพื่อนๆ เค้าก็เรียนผ่านไปหลายวิชาแล้ว ทำไมเรายังต้องมานั่งเรียนกับรุ่นน้องอยู่เลยล่ะ! เอาล่ะ ถ้าใครอยากเรียนให้เก่งขึ้น เรามี 7 วิธี เรียนเก่ง มาฝากกันค่ะ จะเอาไปทำตามทุกวิธี หรือเลือกเอาวิธีที่เหมาะกับตัวเองก็ได้ จะมีวิธีไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย !
คำว่าเรียนเก่งของแต่ละคน หมายความว่าอย่างไรกันบ้างคะ ? ก่อนที่จะกลัวหรือกังวลกับคำนี้ มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า คำว่าเก่งของแต่ละคนนั้นต่างกัน และแต่ละคนก็นิยามความเก่งแตกต่างกันออกไป อยากให้เอาตัวเองเป็นที่ตั้งค่ะว่า เรียนเก่งของเราคืออะไร ? อาจหมายถึงการที่ทำข้อสอบได้ผ่านทุกวิชาก็เพียงพอแล้ว ซึ่งก็ไม่ผิดเลย หรือบางคนอาจหมายถึง อยากทำคะแนนให้ได้ดีมากขึ้น เพราะตกลงกับคุณพ่อคุณแม่เอาไว้ว่า ถ้าเทอมนี้คะแนนดีขึ้น เราจะได้รางวัล สิ่งสำคัญคือ ไม่อยากให้กดดันตัวเองมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้หมดไฟในการเรียน และเครียดกับการเรียนจนไม่มีความสุข เอาเป็นว่า ขอแค่อยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น และทำให้เต็มที่ ก็เพียงพอแล้ว ไม่ว่าเหตุผลและความหมายของการเรียนให้เก่งคืออะไร เรามีวิธีที่จะทำให้เรียนเก่งมากขึ้น 7 วิธีมาฝากกัน รับรองว่าทำตามได้ทุกคน
[affegg id=4301]
ถ้าอยากสำเร็จในสิ่งไหน ก็ต้องโฟกัสกับสิ่งนั้นให้มากที่สุด ถ้าอยากเรียนเก่ง ก็ต้องให้เรื่องเรียนมาเป็นอันดับหนึ่งค่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ห้ามไปเจอเพื่อน หรือไม่มีเวลาให้ครอบครัว หรือห้ามออกไปทำกิจกรรมอื่นๆ เลย แต่ก็ต้องไม่ละเลยการเรียน หากเป็นช่วงสอบแต่ยังอ่านหนังสือไม่เสร็จ ก็ต้องอ่านหนังสือให้เสร็จก่อนออกไปเที่ยวกับเพื่อน จริงไหมคะ ?
แทนที่จะมุ่งเป้าไปที่การเรียนให้ได้เกรดสวยๆ อย่างเดียว หรือคิดไว้ว่า ขอแค่ไม่สอบตกก็พอ อาจจะทำให้เรียนไม่สนุกเท่าไหร่ ลองเปลี่ยนมามองดูว่า แต่ละวิชาที่เรียนนั้นจะเพิ่มพูนความรู้ทักษะด้านใดของเราบ้าง และเราอยากพัฒนาความรู้ทักษะด้านใด อยากทำคะแนนให้ได้มากกว่าตอนก่อนเรียนกี่คะแนน ? วิธีเรียนเก่งให้มากขึ้นคือ อาจจะลองตั้งเป้าหมายแบบ SMART Goals เพื่อเป็นการกระตุ้นตัวเองให้มีแรงจูงใจในการเรียนเพิ่มมากขึ้นก็ได้ค่ะ
คนที่วางแผนตารางเวลาประจำวันและบริหารจัดการเวลาได้ดีจะเครียดน้อยกว่าคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน และจะเกิดความกดดันอย่างหนักถ้าทำงานไม่เสร็จในขณะที่ใกล้หมดวันแล้ว ลองวางตารางทำการบ้าน ตารางอ่านหนังสือ และทำตามตารางนี้อย่างเคร่งครัด พร้อมกับตัดสิ่งรบกวนออกไป เช่น ไม่เล่นโทรศัพท์ขณะอ่านหนังสือหรือทำการบ้าน ก็จะช่วยให้เราทำสิ่งต่างๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำได้ในเวลาที่กำหนด หลังจากจบภารกิจหลักแล้ว ก็ค่อยทำกิจกรรมผ่อนคลายให้เต็มที่ค่ะ
คำว่าเรียนเก่งของแต่ละคนนั้นต่างกัน บางคนอาจมีเป้าหมายว่าต้องทำคะแนนให้ได้ 90 คะแนนขึ้นไป บางคนได้ 75 คะแนน ก็พอใจและมองว่าตัวเองเก่งแล้ว การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นมีแต่จะบั่นทอนกำลังใจในการเรียนของเรา ลองตั้งเกณฑ์ของตัวเองดูค่ะว่า เราอยากจะเรียนให้เก่งมากขึ้นแค่ไหน ไม่ต้องไปสนใจผลการเรียนของพี่ชายพี่สาว ของเพื่อนร่วมชั้น(ที่สอบได้ที่ 1 มา 3 ปีรวด) หรือของลูกชายป้าข้างบ้านที่ชอบเอามาอวดให้แม่เราฟังบ่อยๆ สุดท้ายแล้ว ความสำเร็จของเรา ก็คือสิ่งที่เราทำมันด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ แค่นั้นก็พอ
[affegg id=4302]
พยายามมองหาความสนุกหรือสิ่งที่เราสนใจในวิชาที่เรียน จะทำให้เราจดจ่อกับการเรียนมากขึ้น มีแพชชั่นกับการเรียนมากขึ้น ทำให้มีสมาธิและสนุกกับการเรียน ส่งผลให้เรามีผลการเรียนที่ดีขึ้น และถ้าพบว่าวิชานี้เป็นวิชาที่เราสนใจจริงๆ ก็อาจหาความรู้นอกห้องเรียนเพิ่มเติม เช่น ชอบวิชาดาราศาสตร์ก็อาจจะลองไปเที่ยวท้องฟ้าจำลองหรือลองไปที่หอดูดาวดู นอกจากจะสนุกแล้ว ยังได้ความรู้แบบเต็มๆ เพียงแค่นี้ A ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม !
การจดโน้ตเป็นวิธีเรียนเก่งแบบเบสิคที่ทำกันมาเนิ่นนาน แต่ปัจจุบันการ Take note อาจห่างหายในห้องเรียนไปบ้าง เพราะส่วนใหญ่จะนิยมให้อาจารย์แชร์ไฟล์หรือถ่ายรูปหน้าจอโปรเจคเตอร์กันไปแทน แต่รู้หรือไม่ว่า การจดนั้น จะทำให้เราจำเนื้อหาได้มากกว่าการท่องปากเปล่าหรือการอ่านเฉยๆ การจดโน้ตเป็นเทคนิคการจำที่จะทำให้เราจำได้ดียิ่งขึ้น และการจดบันทึกยังทำให้เรามีส่วนร่วมในการเรียน จดจ่ออยู่กับเนื้อหาและฟังอาจารย์อย่างเต็มที่ ไม่วอกแวก และจะได้ไม่ต้องไปอ่านทบทวนเนื้อหาใหม่ทั้งหมดหลังเลิกเรียน (ซึ่งบางคนก็ไม่อ่าน ถ่ายรูปเสร็จก็ปล่อยผ่านแล้วผ่านเลย) เพราะฉะนั้น มาเริ่มจดโน้ตกันดีกว่าค่ะ
ถ้าไม่เข้าใจเนื้อหาที่เรียนจริงๆ ก็ต้องถามอาจารย์ค่ะ จะหันไปถามเพื่อนข้างๆ ก็เกรงว่าจะไม่ได้คำตอบ เพราะเพื่อนของเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน! ไม่มีใครมองว่าเราเป็นคนที่ไม่ตั้งใจเรียนหรอก กลับกัน อาจจะมีเพื่อนๆ ที่ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ไม่กล้าที่จะยกมือถามก็ได้ วิธีเรียนเก่งอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลก็คือ ต้องถามให้เข้าใจ ให้ได้คำตอบชัดเจนแจ่มแจ้ง จะได้ไม่มานั่งงงไปจนถึงเวลาสอบ เพราะการทำข้อสอบไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องสนุกอย่างแน่นอน ถ้าไม่กล้ายกมือถามตรงๆ ในห้องเรียน ก็อาจจะไปหาอาจารย์นอกรอบ หรือไปถามอาจารย์ตอนท้ายคาบก็ได้ค่ะ จริงๆ แล้ว อาจารย์จะมองว่าเราเป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนเสียอีก ถ้าอยากเรียนให้เก่งขึ้น ก็ต้องกล้าที่จะถามให้มากขึ้นนะคะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ 7 วิธีที่เรานำมาฝากกัน ไม่ได้ยากเกินไปเลยใช่ไหม ? ใครๆ ก็เรียนเก่งขึ้นได้ ขอแค่เชื่อมั่นในตัวเอง และตั้งใจที่จะทำมันจริงๆ ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล ไม่ต้องตั้งเป้าหมายใหญ่โต แต่ขอให้กล้าที่จะเริ่มต้น และก้าวไปทีละขั้น ไม่ต้องกดดันตัวเอง จะได้มีความสุขกับการเรียน และได้คะแนนสวยๆ มาเป็นของแถมให้เราภาคภูมิใจในตัวเองเล่นๆ กันค่ะ
[affegg id=4303]
| Inspire Now ! : แม้เกรดหรือผลการเรียนจะไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต แต่ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า เราจริงจังและให้ความสำคัญกับการเรียนมากน้อยแค่ไหน ในฐานะนักเรียน – นักศึกษา ซึ่งเป็นช่วงชีวิตที่อยู่ในวัยเรียนเป็นหลัก การให้ความสำคัญกับการเรียน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรจะทำ ใช่ไหมคะ ? เหมือนคนที่อยู่ในวัยทำงาน ก็ต้องให้ความสำคัญกับหน้าที่การงานเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องทุ่มให้กับการเรียนทั้งหมด โดยที่ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง และละเลยความสัมพันธ์กับพ่อแม่และเพื่อนๆ แบบนั้นก็จะสุดโต่งเกินไป อยากให้ทำแบบพอดีๆ และไม่กดดันตัวเอง ไม่ต้องได้ A ทุกวิชาก็ได้ แค่เราเรียนเก่งในวิชาใดวิชาหนึ่ง ก็แสดงถึงความสนใจ และความเชี่ยวชาญในวิชานั้นๆ และอาจนำไปต่อยอดการทำงานในอนาคตได้ |
|---|
DIY INSPIRE NOW คือแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? รู้วิธีที่จะทำให้เรียนดีขึ้นแล้ว อย่าลืมเอาไปลองปรับใช้กันนะคะ ขอให้มีความสุข และมีความสนุกกับการเรียนค่ะ มาคอมเมนต์บอกกันด้วยนะคะว่า มีเคล็ดลับการเรียนยังไงบ้างที่อยากเอามาแบ่งปันกัน รออ่านอยู่นะคะ ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : youthcentral.vic.gov.au, mcgraw.princeton.edu, wikihow.com
Featured Image Credit : freepik.com/benzoix
ชวนฟังเสียงในใจของคุณแล้ว เป็นตัวของตัวเอง กับ 10 วิธีช่วยให้คุณเป็นตัวเองได้มากขึ้น มาดูกันว่าปรับแล้วชีวิตของคุณจะมีความสุขเพิ่มขึ้นได้ยังไงกันบ้าง
ชวนเข้าใจ MBTI คืออะไร มีอะไรบ้าง บุคลิกภาพแบบเราทำงานยังไง เหมาะกับอาชีพแบบไหน มาเข้าใจตัวเรา และคนรอบข้างเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกัน
ชวนรู้จัก วิธีพัฒนาตนเอง แบบยั่งยืนด้วยการปรับ 8 Mindset พร้อมวิธีการฝึกที่ใช้ได้จริงที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น