7 วิธีเลี้ยงลูก อย่างไร ให้เป็นเด็กและผู้ใหญ่ในอนาคตที่มีความสุข ?!

สำหรับคนที่มีลูก คงพูดได้เต็มปากว่า ลูกคือคนสำคัญที่สุดในชีวิต เปรียบเป็นดั่งดวงใจ และก็พยายามจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ให้เด็กๆ เติบโตมาอย่างดี ดำรงชีวิตได้อย่างสุขกายสบายใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นอกจากอาการหลังคลอดที่คุณแม่ต้องเผชิญแล้ว การเลี้ยงดูลูกอาจสร้างความกังวลใจให้กับพ่อแม่ได้เช่นกัน และนอกเหนือไปจากการดูแลเรื่องสุขอนามัยที่ดีของเด็กๆ ไม่ให้เด็กๆ เจ็บป่วยและมีสุขภาพที่แข็งแรงแล้ว สุขภาพใจ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องใส่ใจด้วยเช่นกัน และพ่อแม่ทุกคนก็หวังจะให้ลูกมีความสุขในทุกๆ วัน แต่จะมี วิธีเลี้ยงลูก อย่างไร ให้ลูกเป็นเด็กที่มีความสุข และเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขในชีวิตได้ จะเลี้ยงอย่างที่เราเคยถูกเลี้ยงมาก็ใช่ว่าจะเหมาะสมและเป็นวิธีที่ได้ผลเสมอไป ยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย พ่อแม่คนไหนที่กำลังกังวลใจอยู่ว่าจะเลี้ยงลูกอย่างไรให้มีความสุข มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ

7 วิธีเลี้ยงลูก จะเลี้ยงลูกอย่างไรให้มีความสุข

มาดูกันว่า มีวิธีใดบ้างในการเลี้ยงดูลูกๆ ซึ่งเปรียบเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ ให้เป็นเด็กที่มีความสุข และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขได้ ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ

[affegg id=4412]

1. ทำให้ตัวเองมีความสุขก่อน

จะเลี้ยงลูกให้ลูกมีความสุข อันดับแรกคือ พ่อแม่หรือผู้ปกครองจะต้องเป็นคนที่มีความสุขก่อนค่ะ เนื่องจากเด็กๆ เป็นเหมือนผ้าขาว ที่ดูดซับทุกอย่างจากเรา อารมณ์ความรู้สึกของคนที่เลี้ยงดูจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก พ่อแม่ที่มีความสุขมักจะเลี้ยงลูกอย่างมีความสุข และเด็กๆ ก็มีความสุขตามไปด้วย ในทางกลับกัน หากผู้ปกครองมีภาวะซึมเศร้าหรือมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคซึมเศร้า ก็จะทำให้เลี้ยงลูกได้อย่างไม่เต็มที่ และเด็กๆ อาจซึมซับอารมณ์ทางลบเข้ามาด้วย ดังนั้น เพื่อการมีสุขภาพที่ดีของลูกทั้งกายและใจ คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องดูแลตัวเอง หาเวลาพักผ่อน ระบายความเครียด สร้างเสียงหัวเราะในบ้าน และมีความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ที่ดี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีชีวิตคู่ที่ดีและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ความสุขของเด็กๆ ก็มักจะตามมาโดยธรรมชาติ

2. สนับสนุนให้ลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง

เด็กๆ อาจผูกพันกับคนในครอบครัวเป็นปกติ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีวิธีเลี้ยงลูกให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในวัยเดียวกัน หรือเพื่อนๆ ของพ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่คนอื่นๆ เพื่อฝึกทักษะการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ฝึกนิสัยแบ่งปัน มีน้ำใจต่อเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างทักษะการเข้าสังคม เพื่อที่จะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี และทำให้มีความสุขมากขึ้น

3. ปล่อยให้ลูกเป็นอิสระบ้าง

บางครั้งการปกป้องลูกมากเกินไปหรือตั้งกฎกับลูกมากเกินไปก็จะทำให้ลูกๆ รู้สึกว่าถูกควบคุม ไม่มีอิสระ หรือรู้สึกว่าต้องพึ่งพาพ่อแม่อยู่ตลอดเวลา ทำให้เด็กอาจกลายเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจ หรือเอาตัวเองไปเทียบกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันที่ได้รับอิสระมากกว่า การที่ห้ามให้ลูกเล่นซนหรือห้ามทำโน่นทำนี่อาจทำให้ลูกไม่มีความสุขได้ในระยะยาว เป็นความจริงที่พ่อแม่ทุกคนรักและเป็นห่วงลูก แต่การปล่อยให้ลูกลองเรียนรู้อะไรเองโดยกิจกรรมนั้นไม่ได้เป็นอันตรายต่อชีวิต เช่น ได้ลองเล่นอะไรที่มันเลอะเทอะอย่างการทำงานศิลปะ โดยที่ไม่ดุลูกว่าจะทำเสื้อผ้าเลอะ หรือลองฝึกทำอาหารเมนูง่ายๆ ก็จะทำให้เด็กรู้สึกสนุก อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างพัฒนาการด้านอื่นๆ อีกด้วย

4. ใช้เวลาสนุกสนานร่วมกัน

เชื่อหรือไม่ว่า เด็กๆ มักจะชอบนึกถึงความทรงจำที่มีร่วมกับพ่อแม่มากที่สุด ดังนั้น วืธีเลี้ยงลูกให้ลูกมีความสุขคือ ใช้เวลาร่วมกับเด็กๆ ในการทำกิจกรรมสนุกสนานต่างๆ เช่น การเล่นเกม เล่นกีฬา ร้องเพลง หรือกิจกรรมอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความสนุกสนานในครอบครัว ซึ่งลูกๆ จะรู้สึกว่าพ่อแม่เป็นเพื่อนให้กับพวกเขาได้ และจะเปิดใจให้กับพ่อแม่มากขึ้น ทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์และความสนิทสนมระหว่างพ่อแม่ลูกด้วย ซึ่งเป็นผลดีเมื่อลูกเริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่และมีความรู้สึกว่าสามารถพูดคุยปรึกษากับพ่อแม่ได้ในทุกๆ เรื่อง และไม่กลัวที่จะเข้าหา หรือมองว่าพ่อแม่เป็นคนที่ไม่สามารถพูดคุยด้วยได้

[affegg id=4413]

5. รับฟังลูกอย่างตั้งใจ

การรับฟัง แสดงถึงความใส่ใจอย่างแท้จริง แม้ในเด็กเล็กๆ ช่วง 2 – 6 ขวบอาจแสดงออกด้วยการร้องไห้หรือโวยวายเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีเลี้ยงลูกโดยการพยายามรับฟังลูกๆ ด้วยใจจริง และพยายามค้นหาสิ่งที่เด็กๆ ต้องการสื่อสารผ่านการร้องไห้ ไม่มองข้ามการแสดงออกผ่านการโวยวาย ก็อาจจะทำให้เข้าใจลูกๆ มากขึ้น และเข้าใจสิ่งที่เด็กๆ คิดและรู้สึกอย่างแท้จริง เช่น เด็กอาจรู้สึกกลัว เจ็บปวด กังวลใจ หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย อีกทั้งการรับฟังลูกๆ ยังทำให้ลูกๆ เชื่อใจในตัวผู้ปกครองและรู้สึกว่าสามารถพึ่งพาพ่อแม่ได้ ในอนาคตความเชื่อใจนี้จะพัฒนาไปสู่ความใกล้ชิดสนิทสนมกับพ่อแม่ ทำให้ลูกๆ มีความสุขและรู้สึกว่าตนได้รับการใส่ใจ ได้รับความอบอุ่น ในทางกลับกัน การไม่รับฟังหรือเพิกเฉยในสิ่งที่เด็กๆ พยายามจะพูดคุยด้วย จะทำให้เด็กๆ รู้สึกว่าตนไม่ได้รับการใส่ใจ ถูกเมิน รู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการ ซึ่งอาจทำให้พัฒนาไปสู่ความรู้สึกลบๆ กับตัวเองได้ การรับฟัง เป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง โดยที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลยค่ะ

6. สอนให้ลูกมีความฉลาดทางอารมณ์

ความฉลาดทางอารมณ์หรือ Emotional Intelligence คือทักษะที่สำคัญมากในยุคปัจจุบัน การมีความฉลาดทางอารมณ์หรือรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง และรู้วิธีรับมือกับอารมณ์ของคนอื่นจะทำให้มีทักษะในการเข้าสังคมและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี งานวิจัยหลายๆ ชิ้นกล่าวว่า ความฉลาดทางอารมณ์ส่งผลให้คนๆ หนึ่งประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากกว่าการมี IQ สูงเสียอีก ดังนั้น อีกหนึ่งวิธีเลี้ยงลูกให้ลูกเป็นเด็กที่มีความสุขคือ ฝึกให้ลูกๆ มีความฉลาดทางอารมณ์ อาทิ สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้อย่างเหมาะสม รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง และจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ สามารถรับมือกับความขัดแย้งได้อย่างเหมาะสม รวมถึง มีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น มีความเห็นใจผู้อื่น มีความห่วงใยผู้อื่น เป็นต้น

7. เน้นความพยายาม ไม่เน้นความสำเร็จ

วิธีเลี้ยงลูกโดยการโฟกัสที่ความสำเร็จของเด็กๆ มากเกินไป หรืออยากให้ลูกสมบูรณ์แบบไปทุกประการ เช่น ต้องเรียนเก่งได้ A ทุกวิชา ต้องเล่นดนตรีเป็น เล่นกีฬาเลิศ ต้องแข่งขันกับคนอื่นๆ และเป็นที่ 1 ตลอด ถ้าเลี้ยงลูกแบบนี้ ขอบอกเลยว่า นอกจากลูกๆ จะไม่มีความสุขเพราะถูกกดดันและถูกคาดหวังอย่างมากแล้ว ยังทำให้เด็กๆ มีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และเอาคุณค่าของตัวเองไปผูกอยู่กับความสำเร็จหรือความคาดหวังของพ่อแม่ หรือมี Mindset ที่ว่า ต้องทำให้พ่อแม่พอใจ พ่อแม่ถึงจะรัก ซึ่งแบบนี้ไม่ใช่วิธีการคิดที่ดีต่อตัวเด็กๆ และคงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกคิดแบบนี้ใช่ไหมคะ ?

แทนที่จะโฟกัสกับความสำเร็จของเด็กๆ ให้มุ่งไปที่ความพยายามของเด็กๆ แทน เช่น สนับสนุนและให้กำลังใจเด็กๆ ว่าสามารถทำได้ หรือถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่มีความพยายามก็เพียงพอแล้ว ไม่ดุด่าว่ากล่าวเมื่อเด็กๆ ล้มเหลว แต่ให้ความรักและให้กำลังใจแทน ซึ่งสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่เสริมสร้างทักษะวิธีการรับมือกับความผิดหวัง และทำให้เด็กๆ ไม่รู้สึกว่าความล้มเหลวหรือความผิดพลาดเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย และมีทักษะชีวิตมากขึ้น มีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น จนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ก็เป็นผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันในชีวิตเช่นกัน

[affegg id=4414]

และนี่ก็เป็น 7 วิธีเลี้ยงลูก ที่จะทำให้ลูกๆ มีความสุข และไม่ใช่เฉพาะแค่ตัวเด็กๆ เองเท่านั้นที่มีความสุข ถ้าเห็นลูกหลานมีความสุข ร้อยทั้งร้อย พ่อแม่และผู้ปกครองก็จะต้องมีความสุขไปด้วยอย่างแน่นอน ก็หวังว่าวิธีที่นำมาฝากนี้ จะเป็นประโยชน์กับพ่อๆ แม่ๆ หรือคนเลี้ยงดู ได้เลี้ยงดูเด็กๆ ให้เป็นเด็กที่อารมณ์ดี เติบโตอย่างดี และมีชีวิตที่ดีและมีความสุขมากขึ้นได้นะคะ

Inspire Now ! : เลี้ยงลูกอย่างไรให้มีความสุข ? คำถามนี้อาจมีคำตอบอยู่มากมาย แต่ก็ไม่ได้มีคำตอบที่ตายตัว และไม่ได้มีการระบุไว้ว่าวิธีใดเป็นวิธีที่ถูกที่สุด สิ่งสำคัญคือ เลือกวิธีให้เหมาะกับสไตล์ของตัวเองและสไตล์ของลูกๆ ด้วย และมุ่งเป้าไปที่ความสุขของเด็กๆ เป็นสำคัญ หากเด็กๆ มีพื้นฐานครอบครัวที่ดี ถูกห้อมล้อมไปด้วยความรักความเข้าใจ ความใส่ใจ และความอบอุ่น ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ถูกตามใจจนเกินไป และรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรคือสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ถ้าถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีแล้ว เด็กๆ ก็จะเติบโตมาอย่างดีและเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพได้ไม่ยากค่ะ

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเลี้ยงลูกได้ดีขึ้นใช่ไหม ? ลองนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้กันนะคะ หรือใครมีวิธีอื่นๆ ก็มาคอมเมนต์แชร์กันได้นะ ขอให้เลี้ยงลูกอย่างมีความสุขค่ะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : time.com, parents.com, parenting.firstcry.com

Featured Image Credit : freepik.com/tirachardz