ออกแบบปฏิทิน ตั้งโต๊ะ ด้วยตัวเองยังไง ? แจกไอเดียทำตามง่าย ใช้ได้จริง !
ชวนมาดูไอเดีย ออกแบบปฏิทิน ตั้งโต๊ะ สวยๆ พร้อม how to ที่ทำตามได้ง่ายๆ ออกแบบเองได้ตามความคิดสร้างสรรค์ และการใช้งาน ใช้เองก็ได้ ให้คนอื่นก็ดี
Self Motivation เป็นพลังภายในที่ขับเคลื่อนชีวิตเราสู่ความสำเร็จ โดยไม่ต้องพึ่งพาแรงกระตุ้นจากภายนอก ยิ่งในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีแรงจูงใจภายในตนเองที่เข้มแข็งจึงเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะช่วยให้เราก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ Self Motivation ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมาย แต่ยังนำมาซึ่งความพึงพอใจและความภาคภูมิใจในตนเอง การเข้าใจ และพัฒนาเรื่องนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จและความสุขในชีวิต ในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะพาคุณสำรวจความลึกซึ้งของ Self Motivation และวิธีการนำมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคุณกันค่ะ
เคยรู้สึกเบื่อหน่ายกับงาน หรือเป้าหมายในชีวิตบ้างไหม? บางครั้งเราอาจรู้สึกขาดพลังในการทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จ แต่รู้ไหมว่ามีวิธีที่จะช่วยให้เรามีแรงฮึดสู้ได้ด้วยตัวเอง? นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “Self Motivation” หรือ การสร้างแรงจูงใจให้ตัวเอง มันเป็นเหมือนพลังวิเศษที่ช่วยให้เราลุกขึ้นมาทำสิ่งต่างๆ ได้แม้ในวันที่รู้สึกท้อ ลองมาทำความรู้จักกันว่ามันคืออะไร และทำไมมันถึงสำคัญกับชีวิตของเราทุกคนกัน
Self Motivation คือ แรงจูงใจภายในตนเอง คือความสามารถในการกระตุ้นและผลักดันตัวเองให้ทำสิ่งต่างๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาแรงกระตุ้นหรือรางวัลจากภายนอก มันเป็นพลังขับเคลื่อนที่เกิดขึ้นจากภายในจิตใจของเราเอง ซึ่งทำให้เรามีความมุ่งมั่น ความกระตือรือร้น และความพยายามในการบรรลุเป้าหมายหรือทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จ มาดูลักษณะสำคัญให้เข้าใจมากขึ้นกันค่ะ
การพัฒนา Self Motivation เป็นทักษะสำคัญที่สามารถช่วยให้บุคคลประสบความสำเร็จในชีวิตและการทำงาน โดยช่วยให้สามารถฝ่าฟันอุปสรรคและความท้าทายต่างๆ ได้ด้วยตนเองค่ะ
ความสำคัญของ แรงจูงใจภายในนั้น แทรกซึมอยู่ในทุกแง่มุมของชีวิตเลยค่ะ ทั้งในด้านความสำเร็จ และความเป็นอยู่ที่ดี แรงจูงใจภายในตนเองเป็นพลังขับเคลื่อนที่ช่วยผลักดันให้เราก้าวไปสู่เป้าหมาย แม้ต้องเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการเรียนรู้ อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องด้วย นอกจากนี้ Self Motivation ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง เมื่อเรามีแรงผลักดันจากภายใน ย่อมเกิดความภาคภูมิใจและความมั่นใจที่จะเผชิญความท้าทายใหม่ๆ ในอนาคต แถมยังทำให้เรามีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เพราะเรากล้าที่จะคิดนอกกรอบและทดลองวิธีการใหม่ๆ โดยไม่กลัวต่อความล้มเหลว
ในแง่ของอารมณ์และจิตใจนั้น การมี Self Motivation ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางอารมณ์ ทำให้เรารับมือกับความเครียดและความผิดหวังได้ดีขึ้น พร้อมทั้งสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อชีวิตและการทำงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม นำไปสู่ความพึงพอใจในชีวิตที่สูงขึ้นและการมีสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับการทำงานที่ดีขึ้น ทั้งนี้ Self Motivation ยังส่งผลดีต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่น เมื่อเรามีแรงจูงใจภายในที่เข้มแข็ง เราจะกลายเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับคนรอบข้าง เพิ่มความน่าเชื่อถือและการยอมรับในสังคม จึงเปรียบเสมือนเครื่องยนต์สำคัญที่ขับเคลื่อนชีวิตของเราไปสู่ความสำเร็จและความสุขที่ยั่งยืน โดยไม่ต้องพึ่งพาแรงกระตุ้นจากภายนอกมากจนเกินไปนั่นเองค่ะ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Self Motivation มีหลากหลาย และมีความเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อนค่ะ เราลองมาดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันต่อค่ะ
เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ส่งผลโดยตรงต่อแรงจูงใจภายใน ทั้งการมองโลกในแง่บวก ความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง การมี Growth Mindset เหล่านี้จะช่วยเสริมสร้าง Self Motivation ได้อย่างมาก บุคคลที่เชื่อว่าตนเองสามารถพัฒนาและเรียนรู้ได้อยู่เสมอ มักจะมีแรงจูงใจในการเอาชนะอุปสรรค และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องค่ะ
การมีเป้าหมายที่ชัดเจน ท้าทาย และสอดคล้องกับค่านิยมส่วนตัว จะช่วยกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจภายในอย่างต่อเนื่อง เมื่อเราเห็นภาพของความสำเร็จที่ต้องการจะบรรลุ ก็จะมีแรงผลักดันในการก้าวไปสู่จุดนั้น การตั้งเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวที่เชื่อมโยงกัน จะช่วยสร้างความรู้สึกก้าวหน้า และรักษาระดับแรงจูงใจให้คงอยู่ตลอดเส้นทางได้ค่ะ
การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุน และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาตนเอง สามารถเสริมสร้างแรงจูงใจภายในได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงานที่มีทัศนคติเชิงบวก และมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเอง ล้วนส่งผลให้เกิดแรงบันดาลใจและแรงจูงใจในการพัฒนาตนเองเช่นกัน นอกจากนี้ วัฒนธรรมองค์กรหรือสังคมที่ให้คุณค่ากับการเรียนรู้และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยหล่อหลอมให้บุคคลมี Self Motivation ที่เข้มแข็งได้ค่ะ
ประสบการณ์แห่งความสำเร็จจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ และแรงจูงใจในการทำสิ่งท้าทายต่อไป ในขณะที่ความล้มเหลวที่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมนั้นก็จะช่วยเป็นบทเรียน และแรงผลักดันให้พัฒนาตนเองได้เช่นกัน การมองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้ จะช่วยรักษาระดับ Self Motivation ให้คงอยู่ได้แม้ในช่วงที่เราเผชิญกับอุปสรรค
การมีสุขภาพที่ดี การพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ ล้วนส่งผลให้เรามีพลัง และแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ ดังนั้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมนั้นจึงเป็นรากฐานสำคัญในการสร้าง และรักษาแรงจูงใจภายในให้ ยั่งยืนได้
ลองมาดูเทคนิคการพัฒนา Self Motivation ที่อาจช่วยให้คุณเห็นภาพในการสร้างแรงจูงใจให้กับตัวเองกันค่ะ
เอาหล่ะค่ะ หากคุณยังไม่ค่อยมั่นใจว่าวิธีข้างต้นจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้คุณได้ตอนไหน ลองมาถามตัวเองด้วย 5 คำถามนี้ดูดีมั้ยคะ บางทีอาจจะทำให้คุณดึงแรงจูงใจที่ซ่อนอยู่ออกมาก็ได้
มีบางคนที่โชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำ และได้รับค่าตอบแทนจากการทำสิ่งนั้นด้วย เช่น ได้ทำงานที่ชอบ ได้ทำงานที่เป็นแพชชั่น เป็นความหลงใหลส่วนตัว แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะได้ทำงานที่ชอบเสมอไป งานที่เรากำลังทำอยู่ เราอาจทำเพราะเพื่อให้ได้รับค่าตอบแทน แต่ไม่ได้รักที่จะทำงานนั้นเลยก็ได้ กลับกัน ลองคิดดูว่า อะไรคือสิ่งที่เรายังคงทำมันอยู่อย่างนั้น แม้จะไม่ได้อะไรกลับมา
รู้จักแวนโก๊ะ (Van Gogh) ศิลปินระดับโลกกันใช่มั้ยคะ ? แล้วรู้มั้ยคะว่าตลอดช่วงชีวิตของแวนโก๊ะที่ผลิตผลงานศิลปะมากกว่า 900 ชิ้น แต่ว่าในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ขายได้จริงๆ เพียง 1 ชิ้นเท่านั้น เนื่องจากในยุคนั้น ผู้คนยังไม่ชื่นชอบหรือเข้าใจศิลปะที่แวนโก๊ะนำเสนอ อย่างไรก็ตาม แรงจูงใจของแวนโก๊ะในการวาดภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้คนหรือต้องการวาดภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพื่อที่จะขายงานได้ แต่แวนโก๊ะวาดภาพเพราะเขารักที่จะทำมัน ต่อให้ไม่คนคนจ้าง หรือไม่มีคนซื้อผลงานของเขาก็ตาม เขาก็ยังคงวาดภาพต่อไป ซึ่งสิ่งนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของ Self Motivation คือพลังขับเคลื่อนที่มาจากภายในตัวเองค่ะ
อะไรคือสิ่งที่เรามักจะนึกถึงอยู่เสมอ แม้กระทั่งช่วงก่อนนอน หรือในเวลาที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้า อะไรคือสิ่งที่วนเวียนอยู่ในใจอยู่ตลอดเวลา บางครั้งเราก็ใช้ชีวิตในแต่ละวันไปอย่างเร่งรีบ รีบทำในสิ่งที่ต้องทำ เพราะเป็นสิ่งที่คนอื่นบอกว่ามันดี หรือเป็นสิ่งที่สังคมคาดหวัง และเราก็ทำไปอย่างนั้นโดยที่ไม่ได้ฟังเสียงข้างในของตัวเอง หรือไม่ได้มีเวลามานั่งคุยกับตัวเอง และรับฟังเสียงที่อยู่ในใจ เพื่อให้เกิดการตกตะกอนในใจว่า ลึกๆ แล้ว เราต้องการอะไรในชีวิต เราเคยตั้งเป้าหมายชีวิตเอาไว้ยังไง ตอนนี้เรากำลังทำในสิ่งที่เข้าใกล้เป้าหมายของเราอยู่หรือเปล่า ?
มันอาจจะเป็นเรื่องการร้องเพลง เรื่องของการออกแบบ เรื่องของแฟชั่น การเล่นกีฬา การทำอาหาร หรือเรื่องอะไรต่างๆ ที่มักจะอยู่ในใจเราสมอ และบางครั้งเราอาจหลงลืมมันไป ให้หมั่นสังเกตตัวเอง และจดบันทึกสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาว่าเราคิดถึงสิ่งไหนบ่อยๆ จะได้เห็นภาพอย่างชัดเจนมากขึ้น และตกตะตอนกับตัวเองว่า นี่คือสิ่งที่เราต้องการใช่หรือเปล่า ? นอกจากนี้ลองสังเกตดูว่า หัวข้อบทสนทนา หรือประเด็นอะไรต่างๆ ที่เรามักจะพูดกับเพื่อนๆ หรือคนสนิทอยู่บ่อยๆ และเป็นสิ่งที่เรารู้สึกสนุกเวลาพูดถึงมัน รู้สึกตื่นเต้น หรือเหมือนได้รับแรงบันดาลใจ ได้รับพลังคืออะไร เพราะนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่คุณสนใจ และนำไปต่อยอดเพื่อให้เกิดความสำเร็จก็ได้ค่ะ
ลองสังเกตตัวเองดูว่า เวลาเราทำอะไรแล้วเรามักจะเพลิดเพลินไปกับสิ่งนั้นจนหลงลืมเวลา และไม่เหลือบมองนาฬิกาเลยแม้แต่น้อย บางครั้งอาจเพลินจนถึงขั้นลืมกินข้าวกินน้ำ ลืมง่วงไปเลยก็ได้ เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของสิ่งๆ นั้นโดยสมบูรณ์ และรู้สึกว่า ทำเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ สามารถทำต่อได้อีกเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ร่างกายยังไหวอยู่ เช่น บางคนนั่งวาดรูปได้เป็นวันๆ โดยที่ไม่ยอมเลิกจนกระทั่งรู้สึกปวดข้อมือขึ้นมาเลยต้องหยุดพักก่อน หรือบางคนที่เป็นนักเขียน ก็เขียนงานติดต่อกันได้ 7 – 8 ชั่วโมงโดยที่ไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้ว ซึ่งกุญแจสำคัญของ Self Motivation คือสิ่งที่ผลักดันหรือเป็นแรงขับให้เราลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง ถ้าเราอยู่ในสภาวะนิ่งเฉยหรือไร้แรงจูงใจมาชั่วระยะหนึ่ง ไม่อยากทำอะไรเลยในช่วงนั้น แล้วจู่ๆ ก็อยากลุกขึ้นมาทำบางสิ่งบางอย่างแล้วก็ทำได้ยาวๆ โดยที่ไม่ยอมพักเลย เหมือนหลุดเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่ง และไม่รู้สึกเบื่อกับมันเลยแม้แต่น้อย นั่นแปลว่า คุณอาจกำลังพบแรงจูงใจภายในตัวเองเข้าแล้วค่ะ
ลองใช้เวลาเงียบๆ กับตัวเอง แล้วนึกดูค่ะว่า เหตุการณ์ช่วงเวลาใด หรืออะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าถูกเติมเต็มทางจิตวิญญาณ หรือทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย มีคุณค่า และรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองมากๆ รู้สึกปลื้มปริ่มและมีความสุข แม้จะเหนื่อยหรือไม่ได้อะไรตอบแทน แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มและทำให้เราภาคภูมิใจในตัวเองได้ เช่น การวาดรูปของตัวเอง ที่แม้จะไม่ได้มีคนมาจ้างหรือไม่ได้วาดเพื่อนำไปโชว์ในงาน แต่ก็สามารถนั่งวาดได้ตลอดทั้งวันจนลืมเวลา ลืมความเมื่อย ความเหนื่อยที่เกิดขึ้น และรู้สึกภูมิใจในตัวเองเมื่อวาดเสร็จ หรือในบางคนอาจเป็นการทำกิจกรรมอาสาสมัครหรือจิตอาสาโครงการต่างๆ ที่ไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรแต่ก็ยินดีทำเพราะรู้สึกว่า ทำแล้วมีความสุข รู้สึกได้รับการเติมเต็มจากการช่วยเหลือผู้อื่น เป็นต้น
ถ้าคุณรู้แล้วว่า สิ่งๆ นั้นคืออะไร ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเลือกมาเพียงเหตุการณ์เดียวหรือสิ่งเดียวเท่านั้น อาจจะเป็น 5 สิ่งที่เราภูมิใจเมื่อได้ทำมัน ถ้านึกออกแล้วก็เขียนออกมาเลยค่ะ จะได้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรม แล้วดูว่ามีสิ่งใดที่เป็นจุดร่วมเดียวกันบ้าง เช่น สิ่งที่ทำให้เราภาคภูมิใจหรือมีความสุขมากที่สุด คือตอนที่เราได้สร้างสรรค์ผลงานออกมา หรืออาจจะเป็นตอนที่เราได้อยู่กับครอบครัว อยู่กับคนที่เรารัก หรืออาจจะเป็นตอนที่เราได้ช่วยเหลือคนอื่น ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม ซึ่งจุดร่วมนี่แหละเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องหาให้เจอว่ามันคืออะไร ลองถามตัวเองดูค่ะว่า “อะไรบ้างที่เราเคยทำแล้วทำให้เราภาคภูมิใจในตัวเองมากที่สุด และรู้สึกถูกเติมเต็มมากที่สุด” เพื่อที่จะได้เจอ Self Motivation ของตัวเอง
สิ่งที่เราทำในชีวิต อาจเป็นเพราะสังคมมองว่ามันดี มันคือสิ่งที่ต้องทำ เช่น การมีหน้าที่การงานที่ดี มีอาชีพที่สังคมให้คุณค่า หรือมีทรัพย์สิน มีความมั่นคงต่างๆ ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ ก็ได้ แต่เราทำเพราะแคร์สายตาของคนภายนอก หรือกลัวการถูกตัดสิน หรือทำเพราะรู้ว่าพ่อแม่จะต้องภูมิใจ เพื่อนจะต้องอิจฉา และคนอื่นๆ จะต้องชื่นชม เป็นต้น ซึ่งการทำแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่อาจจะต้องกลับมาถามตัวเองดีๆ ว่า นี่คือสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ หรือเปล่า นี่คือความต้องการของเราจริงๆ ใช่ไหม ?
มีคำกล่าวว่า สิ่งที่เราทำโดยไม่ได้สนใจสายตาของคนภายนอกว่าจะมองอย่างไร นั่นคือสิ่งที่อธิบายความเป็นตัวตนของเราได้ชัดเจนมากที่สุด ลอกนึกดูค่ะว่า อะไรที่เราทำเพราะอยากทำจริงๆ โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงคนอื่นๆ เลยนอกจากตัวเอง เช่น เห็นแมวถูกทิ้ง แม้ไม่ได้มีคนมองอยู่หรือไม่ได้มีคนชื่นชมเราที่ช่วยเหลือแมว แต่เราก็ยินดีที่จะพามันไปหาหมอ หรือช่วยให้มันปลอดภัย หรือการออกแบสร้างสรรค์ผลงาน สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เช่น บางคนชอบทำงานประดิษฐ์ ทำของ DIY ต่างๆ แม้ไม่ได้มีคนมาชื่นชมผลงานของเรา หรือเราไม่ได้ทำเพื่อที่จะถ่ายรูปลงโซเชียลเรียกยอดไลก์ แต่ทำเพราะอยากทำจริงๆ เป็นสิ่งที่เราชอบจริงๆ สิ่งนั้นคือ Self Motivation คือแรงจูงใจของเราเอง แม้ไม่ได้มีคนมายกย่องชื่นชมในสิ่งที่เราทำ แต่เราก็ยังเลือกที่จะทำมันอยู่ดี ลองถามตัวเองดูค่ะว่า สิ่งนั้นคืออะไร ?
อย่างไรก็ตาม แรงจูงใจในชีวิตของเรา เป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนได้อยู่เสมอตามกาลเวลา อาจะขึ้นกับช่วงชีวิต อายุ ประสบการณ์ หรือเป้าหมายชีวิต ณ ขณะนั้น สิ่งที่สร้างแรงจูงใจให้กับเราในตอนที่ยังเรียนอยู่ กับสิ่งที่สร้างแรงจูงใจในวัยทำงาน ย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน หรือบางคนเมื่อชีวิตเปลี่ยนแปลงไป เช่น แต่งงาน มีครอบครัว แรงจูงใจก็อาจจะเปลี่ยนไป และต่างกับตอนที่ยังโสดอยู่ เพราะสิ่งสำคัญในชีวิต ณ ขณะนั้น หรือ First Priority ของเราเปลี่ยนไปด้วย แต่ถ้าในตอนที่เรากำลังอยู่ในช่วงที่ชีวิตรู้สึกไร้แรงจูงใจ รู้สึกเฉื่อยชา ไม่มีเป้าหมายในชีวิต เคว้งคว้างว่างเปล่า แต่ก็อยากลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างแล้ว ลองถาม 5 คำถามนี้กับตัวเองดูค่ะ เราอาจจะพบ Self Motivation หรือแรงจูงใจที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเอง แล้วหยิบมาเป็นเชื้อไฟเพื่อเติมพลังให้กับชีวิต และต่อยอดไปเป็นเส้นทางหรือความสำเร็จได้ในอนาคตก็เป็นได้ค่ะ
Inspire Now ! : Self Motivation คือ พลังที่ขับเคลื่อนจากภายในที่ทำให้เราก้าวไปสู่เป้าหมาย โดยเริ่มจากการกำหนดจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนและแบ่งเป็นขั้นตอนย่อยที่จัดการได้ การสร้างทัศนคติเชิงบวกและฉลองความสำเร็จแต่ละขั้นช่วยรักษาแรงจูงใจให้คงอยู่ อีกทั้งการดูแลสุขภาพกายใจ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนก็มีส่วนสำคัญ ท้ายที่สุด การมุ่งเน้นที่กระบวนการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องมากกว่าเพียงผลลัพธ์สุดท้าย จะช่วยให้เรารักษาแรงจูงใจภายในได้อย่างยั่งยืน |
---|
DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? แรงจูงใจในชีวิตของคุณคืออะไร มาคอมเมนต์แชร์กันบ้างนะคะ ♡
ชวนมาดูไอเดีย ออกแบบปฏิทิน ตั้งโต๊ะ สวยๆ พร้อม how to ที่ทำตามได้ง่ายๆ ออกแบบเองได้ตามความคิดสร้างสรรค์ และการใช้งาน ใช้เองก็ได้ ให้คนอื่นก็ดี
เกษียณแล้ว ทำอะไรดี แนะนำ อาชีพหลังเกษียณ พร้อมคำแนะนำในการเลือก ให้คุณได้ใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุข และรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง
ชวนดูวิธี โสดอย่างมีความสุข เอาใจสาวโสดทั้งที่ตั้งใจ และไม่ได้ตั้งใจ พร้อมแชร์นิยาม โสด หมายถึง อะไร พร้อมวิธีพัฬฒนาตัวเองที่ทำได้จริง