เช็ก ! 8 Mindsets วิธีพัฒนาตนเอง ที่ยั่งยืนต้องเริ่มปรับจากวิธีคิดอะไรบ้าง ? มาฝึกเป็นคนที่รักตัวเองได้ทุกมิติกัน !
ชวนรู้จัก วิธีพัฒนาตนเอง แบบยั่งยืนด้วยการปรับ 8 Mindset พร้อมวิธีการฝึกที่ใช้ได้จริงที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำงานนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา การทำงานก่อให้เกิดรายได้ ทำให้เรารู้สึกมีคุณค่า ได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองให้มีความรู้ความสามารถมากกว่าเดิม แต่ชีวิตการทำงานนั้นอาจไม่ได้ราบรื่นและสะดวกสบายเสมอไป ย่อมต้องเจอกับปัญหาอุปสรรคต่างๆ บางครั้งก็รู้สึกว่า ไม่ได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมกับสิ่งที่พยายามทุ่มเทไป แต่ก็ไม่พร้อมที่จะลาออกหรือสมัครงานใหม่ จึงทำงานไปแบบหมดใจ ไม่ทุ่มเทให้กับงานอีกต่อไป เรียกกันว่า Quiet Quitting คือ การลาออกทางใจ แต่ตัวยังอยู่ การทำงานแบบนี้ส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง มาเจาะลึกกันค่ะ
ถ้าแปลตรงตัวแล้ว คำว่า Quitting หมายถึงการลาออก แต่คำว่า Quiet Quitting ไม่ได้หมายถึงการที่พนักงานลาออกไปเงียบๆ แบบไม่บอกใครหรือไม่มีใครรู้ แต่เป็นวิถีการทำงานที่พนักงานจะทำงานเฉพาะตามหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น และไม่ทุ่มเทให้กับงานแบบสุดตัว อย่างการทำงานอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง หรือทำงานหนักจนเกินเวลา ไม่มีการทำงานในวันหยุดอย่างเด็ดขาด และทำงานตามเวลางานที่กำหนดไว้เท่านั้น Quiet Quitting คือการทำงานให้เสร็จไปวันๆ โดยที่ไม่ได้มีแรงจูงใจอยากจะพัฒนาตัวเองหรืออยากทุ่มเทในงานเพื่อให้องค์กรเห็นค่าแต่อย่างใด มีการศึกษาว่า การทำงานแบบนี้ มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มเจนเนอเรชั่น Y และ เจนเนอเรชั่น Z ที่ไม่เชื่อว่าการทำงานหนักจะทำให้ตนเองมีความเติบโตก้าวหน้าอีกต่อไป
จากการแพร่ระบาดของ COVID – 19 ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานในอุตสาหกรรมแรงงาน พนักงานต้องทำงานหนักด้วยการทำงานแบบ Work from Home ที่บางคนก็ไม่ได้รับค่าตอบแทนอย่างเหมาะสม ทั้งยังเกิดความเครียดจากการทำงานทั้งวันทั้งคืนที่บ้านและสูญเสีย Work life Balance ไป และไม่เห็นว่าผู้บังคับบัญชาหรือองค์กรเห็นคุณค่าของพนักงานแม้ว่าพวกเขาจะทุ่มเทให้กับงานมากแค่ไหนก็ตาม เมื่อสถานการณ์โรคระบาดดีขึ้น จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า “The Great Resignation” หรือกระแสการลาออกครั้งใหญ่ เนื่องจากในช่วงการระบาดของโรคนั้น พนักงานได้พบเจอกับความเปลี่ยนแปลงในการทำงานครั้งใหญ่ จึงได้มีการทบทวนตัวเองว่า บริษัทที่ตนเองทำงานอยู่นั้นตอบโจทย์กับความต้องการและวิถีชีวิตของตนเองอยู่หรือไม่ นำไปสู่การตัดสินใจลาออกในที่สุด
ทั้งนี้ แต่ละองค์กรก็คาดหวังให้พนักงานทำงานหนักและมีประสิทธิภาพ สามารถทำกำไรหรือสร้างเม็ดเงินให้กับองค์กรได้ และทำให้องค์กรคงอยู่ต่อไปได้ แต่ในขณะเดียวกัน ค่านิยมในการทำงานหนักนั้น อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไปในยุคปัจจุบัน เพราะพนักงานต่างเล็งเห็นว่า การทำงานหนักนั้นไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอย่างเหมาะสม ไม่ได้รับการถูกชื่นชม ไม่ได้รับความสนใจจากนายจ้างเท่าที่ควร ทั้งยังได้ค่าตอบแทนไม่เพียงพอ ไม่มีความก้าวหน้า ไม่มีความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ประกอบกับการทำงานหนักยังทำให้เกิดความเครียด ส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ทำให้ทำงานอย่างไม่มีความสุข ซึ่งสุดท้ายแล้ว พนักงานก็จะลาออกจากงานนั่นเอง แต่ในปัจจุบัน ด้วยภาวะทางเศรษฐกิจการเมืองที่ยังไม่มีความเสถียร การลาออกอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด จึงเกิดวิถึการทำงานแบบ Quiet Quitting คือการลาออกทางใจ ทำงานไปอย่างนั้นเท่าที่จำเป็น ทำเฉพาะหน้าที่ของตนเองและไม่ทุ่มเทให้กับงานจนส่งผลเสียกับตัวเอง
หากมองในมุมมองขององค์กร อาจมองว่าพนักงานที่ทำงานแบบ Quiet Quitting คือพนักงานที่ไม่สู้งาน ไม่เอาจริงเอาจังกับงาน ไม่มีความอดทน และไม่ทุ่มเทให้กับองค์กร แต่ในทางกลับกันนั้น การที่พนักงานมีรูปแบบการทำงานดังกล่าว อาจมีสาเหตุมาจากตัวงานและตัวองค์กรเอง และอาจเป็นการปรับตัวในการทำงานเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต สาเหตุของการทำงานแบบ Quiet Quitting มีดังนี้
จะเห็นได้ว่าการทำงานแบบ Quiet Quitting นั้น มีสาเหตุอยู่หลายปัจจัยเช่นกัน ในบางองค์กรที่ต้องการขับเคลื่อนธุรกิจของตัวเองให้เติบโตก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง วิถีการทำงานดังกล่าวก็อาจทำให้องค์กรเติบโตได้ช้าหรือไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งทางธุรกิจได้ เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานทำงานแบบหมดใจซึ่งอาจส่งผลเสียต่อองค์กรได้ องค์กรควรทำอย่างไร มาดูกันเลยค่ะ
Inspire Now ! : หากเป็นมุมมองของพนักงานเอง แม้การทำงานแบบ Quiet Quitting จะทำให้เราสามารถบริหารจัดการเวลาได้ดีขึ้น มีสมดุลในชีวิตและการทำงานมากขึ้น และอาจทำให้เกิดความเครียดน้อยลงด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การทำงานแบบหมดใจและไร้ซึ่งแรงจูงใจในระยะยาวนั้น อาจทำให้เราไม่มีความสุขในการทำงานและไม่มีแรงจูงใจที่จะพัฒนาศักยภาพของตนเอง ทำให้เราไม่มีการเติบโตก้าวหน้าได้ การหางานที่ใช่และเหมาะกับเราจริงๆ อาจดูเป็นเรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะอย่างไรแล้ว การทำงานก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้น การทำงานที่มีความสุขและยังสามารถสร้างสมดุลได้ พร้อมมีรายรับที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้นะคะ |
---|
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? การทำงานอย่างมีความสุขนั้นยังคงเป็นเป้าหมายสำหรับคนส่วนใหญ่ คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการทำงานแบบ Quiet Quitting มาคอมเมนต์บอกกันได้นะคะ ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : bangkokbanksme.com, bbc.com, washingtonpost.com, investopedia.com
Featured Image Credit : freepik.com/DCStudio
ชวนรู้จัก วิธีพัฒนาตนเอง แบบยั่งยืนด้วยการปรับ 8 Mindset พร้อมวิธีการฝึกที่ใช้ได้จริงที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
ชวนมารู้จักกับการ Self Compassion คือ การเมตตาต่อตัวเอง ฝึกแล้วดีกับชีวิตยังไง อยากมีความสุขได้ด้วยตัวเองต้องทำยังไง มาเข้าใจและฝึกไปด้วยกัน
วิธีออมเงิน มนุษย์เงินเดือน ที่น่าสนใจ และยังใช้ได้จริงในยุคปัจจุบัน มีอะไรบ้าง คนทำงานประจำ อยากมีอิสรภาพทางการเงิน มีเงินใช้ไม่ติดขัด ต้องทำยังไง มาเช็กกัน