เช็ก ! 8 Mindsets วิธีพัฒนาตนเอง ที่ยั่งยืนต้องเริ่มปรับจากวิธีคิดอะไรบ้าง ? มาฝึกเป็นคนที่รักตัวเองได้ทุกมิติกัน !
ชวนรู้จัก วิธีพัฒนาตนเอง แบบยั่งยืนด้วยการปรับ 8 Mindset พร้อมวิธีการฝึกที่ใช้ได้จริงที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
เมื่อคนเรามีความรัก หรืออยู่ในความสัมพันธ์แบบคู่รัก เป็นธรรมดาที่จะต้องมีการแสดงความรักต่อกัน บางคนอาจจะเป็นการบอกรักบ่อยๆ บางคนอาจจะเป็นการดูแลเอาใจใส่ บางคนอาจจะเป็นการพาไปเที่ยว ไปกินของอร่อยๆ ด้วยกัน บางคนอาจจะชอบซื้อของขวัญให้คนรัก หรือมีวิธีการบอกรักทางอ้อมในแบบต่างๆ ซึ่งการแสดงความรักในแบบต่างๆ นั้น เรียกว่า Love Language คือ การแสดงความรักในรูปแบบวิธีการต่างๆ การเข้าใจตัวเองว่าภาษารักของเราเป็นแบบไหน และคู่ของเรามีภาษารักแบบไหน ก็จะช่วยให้เข้าใจกันและกันมากขึ้น แสดงความรักต่อกันได้ดียิ่งขึ้นและทำให้ความสัมพันธ์ราบรื่น พัฒนาไปในทิศทางที่ดี ในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะพามาดูภาษารักทั้ง 5 รูปแบบกันเลยค่ะ
ความรักนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเรียบง่ายในเวลาเดียวกัน นอกจากจะมีประเภทของความรักแต่ละแบบแล้ว ยังมีภาษารักที่มีหลายรูปแบบอีกด้วย ภาษารัก หรือ Love Language คือ วิธีการแสดงความรักนั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการบอกรัก การกอด การสัมผัส การใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ฯลฯ ทราบหรือไม่คะว่า แต่ละคนก็มีภาษารักที่แตกต่างกันไป และชอบที่จะได้รับรักต่างกันด้วยเหมือนกัน อย่างเราคงเคยเห็นว่า บางคนไม่ได้อยากได้ของขวัญ แต่อยากได้การใช้เวลาร่วมกันมากกว่า หรือบางคนอาจจะไม่ถนัดบอกรัก แต่ชอบที่จะสื่อสารทางกาย เช่น การกอด หอมแก้ม จูบ จับมือ หรือบางคนอาจจะชอบได้ยินเป็นคำพูดออกมาเลยว่า “ฉันรักเธอ” ถ้าไม่ได้ยินคำบอกรัก ก็อาจทำให้รู้สึกไม่มั่นคงหรือไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายรักเราจริงๆ หรือเปล่า การที่เรารู้ตัวเองว่าภาษารักของเราเป็นแบบไหน และคู่ของเราเป็นแบบไหน ก็จะช่วยให้เข้าใจการกระทำของกันและกันมากขึ้้น และแสดงความรักในรูปแบบที่อีกฝ่ายต้องการมากขึ้น และทำให้ความสัมพันธ์ยังคงดำเนินต่อไปได้นั่นเอง
Dr. Gary Chapman ผู้เขียนหนังสือ “The 5 Love Languages” ได้แบ่งภาษารักออกเป็น 5 แบบใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ Words of Affirmation, Quality Time, Receiving Gifts, Acts of Service และ Physical Touch ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว แต่ละคนจะมี Love Language คือ ภาษารักที่ตัวเองชอบหรือให้ความสำคัญมากกว่า 1 แบบ บางคนอาจจะชอบทั้ง 5 แบบ แต่ให้ระดับความสำคัญแตกต่างกัน และจะมีแบบที่ให้ความสำคัญมากที่สุดหรือต้องการมากที่สุด 1 – 2 แบบ การที่เรารู้ว่าภาษารักของเราเป็นแบบไหน ก็จะช่วยให้เข้าใจความต้องการของตัวเองมากขึ้น และสื่อสารกับคู่รักของเราได้ว่าเราอยากให้แสดงความรักแบบไหน ในขณะเดียวกัน การที่เรารู้ว่า ภาษารักของคนรักเป็นแบบไหน ชอบให้แสดงความรักแบบไหน เราก็จะได้แสดงออกแบบนั้นเพื่อให้คนรักของเรารู้สึกดี เป็นการบริหารความสัมพันธ์ให้เข้าใจกันและกันมากขึ้น มาดูรายละเอียดของ Love Language แต่ละรูปแบบกันเลยค่ะ
การบอกรักด้วยคำพูดตามแบบ Love Language คือ เป็นการแสดงความรักด้วยการบอกความรู้สึกต่างๆ ออกมาเป็นคำพูด เช่น “ผมรักคุณ” “คิดถึงจังเลย” “คุณน่ารักจัง” “คุณสวยจัง” ฯลฯ นอกจากจะบอกรักแล้ว ยังชอบเอ่ยคำชมหรือพูดสิ่งดีๆ กับคู่รักของตัวเองอีกด้วย เช่น ให้กำลังใจ บอกว่าเธอทำได้ เราเชื่อมั่นในตัวเธอ เราภูมิใจในตัวเธอมาก รวมถึงพูดขอบคุณในเวลาที่คนรักทำสิ่งดีๆ ให้กับตัวเองด้วย ทั้งนี้ คนกลุ่มที่มีภาษารักแบบ Words of Affirmation ก็มักจะไวต่อคำพูดแย่ๆ หรือคำพูดแรงๆ ด้วยเช่นกัน และจะรู้สึกเจ็บปวดเสียใจมากหากได้ยินคำพูดที่ไม่ดีจากคนรัก
ถ้าคนรักของใครชอบภาษารักแบบนี้ หมั่นบอกรักพวกเค้าบ่อยๆ เพราะเค้าจะรู้สึกว่าได้รับความรักอย่างเต็มเปี่ยม หมั่นเอ่ยคำชม หรือพูดขอบคุณในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกเค้าทำให้ ถ้าใครไม่กล้าเอ่ยปาก ก็อาจจะเป็นการเขียนโน้ตหรือส่งข้อความแทนก็ได้เหมือนกันนะคะ หรืออาจเป็นการทำการ์ดบอกรักหลายภาษาให้ในวันพิเศษก็ได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าเราเองเป็นคนที่ชอบภาษารักแบบนี้ ก็อาจจะลองบอกแฟนของเราว่า บอกรักเราบ่อยๆ หรือชมเราบ่อยๆ แสดงความรู้สึกผ่านคำพูดให้มากขึ้นเพราะเราชอบ ก็จะทำให้ความสัมพันธ์หวานชื่นขึ้นได้
กลุ่มคนที่ชอบบอกรักด้วยการสัมผัส จะมี Love Language คือ ชอบการสัมผัสใกล้ชิดกัน ไม่ว่าจะเป็นการโอบไหล่ การกอด การหอมแก้ม การจับมือ การควงแขน การจูบ การลูบผม การลูบหัว หรือการสัมผัสในรูปแบบต่างๆ เพราะพวกเขารู้สึกว่า การสัมผัสกันนั้นแสดงความรักความอบอุ่นที่มีต่อกัน เป็นการแสดงความสนิทสนม รู้สึกอบอุ่นใจและมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดกับคนรัก เราคงเคยเห็นคู่รักบางคู่ที่ชอบนั่งตัวติดกัน หรือชอบจับมือ ชอบโอบกันอยู่เสมอๆ แม้จะไม่ได้พูดคุยกันก็ขอให้ได้สัมผัสตัวกันก็ยังดี นั่นก็คือการแสดงความรักของพวกเขานั่นเองค่ะ ลองสังเกตดูว่าแฟนของเราชอบมาสัมผัสเราหรือเปล่า ถ้ามากอดเราบ่อยๆ ก็เป็นไปได้ว่า ภาษารักของเค้าเป็นแบบนี้ ลองกอดเค้าก่อนดูบ้าง หรือสัมผัสตัวเค้าบ่อยๆ จับมือเค้าบ่อยๆ แฟนของเราอาจจะแฮปปี้มากขึ้นก็ได้นะคะ
Acts of Service ตามแบบ Love Language คือ การทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้คนรัก หรือการดูแลคนรักให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น คนที่มีภาษารักแบบนี้ อาจจะไม่ค่อยบอกรักหรือไม่ค่อยสัมผัสตัวกัน แต่ชอบที่จะดูแลคนรักด้วยการกระทำมากกว่า เช่น ทำกับข้าวให้กิน ไปรับไปส่งที่ทำงานทุกวัน ช่วยทำงานบ้าน จัดเตรียมเสื้อผ้าให้ จัดโต๊ะทำงานให้ เตรียมข้าวกล่องให้ อาสานวดให้เมื่อแฟนบ่นว่าเมื่อย ฯลฯ หรืออาจจะเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ อย่างการบีบยาสีฟันให้กัน เอาน้ำให้ดื่มเมื่อกลับมาจากที่ทำงาน เอาของว่างมาให้กิน เป็นต้น ซึ่งการกระทำเหล่านี้ถือว่าเป็นการแสดงความรักสำหรับพวกเค้า
ถ้าคนรักของเราชอบแบบนี้ ลองดูแลเค้าตอบ ช่วยเหลือเค้าในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรืออาสาทำนั่นทำนี่ให้บ้าง เค้าก็อาจจะรู้สึกว่าได้รับความรักความใส่ใจมากขึ้น หรือถ้าตัวเราเองเป็นแบบนี้ อยากได้การดูแลแบบนี้ ก็ลองเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากแฟนของเราดูบ้าง หรืออ้อนให้เค้าทำอะไรบางอย่างให้ เช่น นวดให้หน่อย ทำอาหารง่ายๆ ให้กินหน่อยอะไรแบบนี้ดูก็ได้ค่ะ
ในภาษารัก 5 แบบนั้น การใช้เวลาอยู่ด้วยกันอาจดูเป็นเรื่องธรรมดาๆ เพราะบางคนก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันหรืออยู่บ้านเดียวกันอยู่แล้ว แต่การใช้เวลาร่วมกันในที่นี้คือ เป็น Quality Time หรือเป็นช่วงเวลาที่มีคุณภาพ มีคุณค่าและมีความหมายสำหรับทั้งคู่ อาจเป็นการได้ทำกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน เช่น การไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ การไปทำ Activity ต่างๆ ที่จะทำให้ต่างฝ่ายต่างได้รู้จักตัวตนของกันและกันมากขึ้น การได้ไปกินอาหารอร่อยๆ ด้วยกัน การได้ไปทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบทั้งสองคน การไปนั่งคุยกันในร้านกาแฟโดยที่ไม่มีใครเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่การนั่งพูดคุยกันในบ้านหรือมี Deep Talk ที่ได้ทำความรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้น ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีคุณภาพแล้วนั่นเองค่ะ
ถ้าใครรู้สึกว่า การได้ใช้เวลาร่วมกันเป็น Love Language คือภาษารักของเรา ก็อาจจะชวนคนรักออกไปทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น วางแผนมี Trip ท่องเที่ยวด้วยกันมากขึ้น หรือในขณะที่อยู่ด้วยกัน ก็ขอให้สนใจคนตรงหน้าให้ได้มากที่สุด ไม่คิดเรื่องอื่นหรือใจลอยไปกับเรื่องงานหรือเรื่องอื่นๆ ตั้งใจรับฟังกันและกัน พูดคุยกันให้มากขึ้น สื่อสารกันให้มากขึ้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจกันและกัน ก็จะช่วยให้ความรักความสัมพันธ์เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นค่ะ
ภาษารักแบบสุดท้ายคือ การแสดงความรักด้วยการให้ของขวัญ ใครที่มี Love Language แบบนี้ ก็มักจะมีของขวัญมาให้คนรักเสมอ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นของชิ้นใหญ่โตหรือมีราคาแพง แต่อาจเป็นสิ่งของที่แสดงถึงความรักความใส่ใจ เช่น เมื่อรู้ว่าแฟนของเราชอบกินขนมร้านนี้ก็ซื้อมาฝากบ่อยๆ หรือซื้อให้ทุกครั้งที่ขับรถผ่านร้านนี้ หรืออาจเป็นการทำขนมไปให้ ซื้อดอกไม้มาให้ในวันที่ไปเดทกัน หรือถ้าไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปต่างประเทศก็จะซื้อของฝากมาฝากคนรักเสมอ ซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับให้บ่อยๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับช่วงโอกาสพิเศษต่างๆ อีกด้วย เช่น วันเกิด วันครบรอบ วันปีใหม่ วันวาเลนไทน์ และมักจะมีของขวัญให้แฟนในโอกาสพิเศษเสมอๆ
ถ้ารู้ว่าคนรักของเราชอบภาษารักแบบนี้ หรือชอบที่จะได้ของขวัญจากเรา เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เค้ารู้สึกว่าได้รับความรัก ก็อย่ารอช้าค่ะ มีของติดไม้ติดมือไปให้เค้าบ่อยๆ อาจจะไม่ต้องเป็นของมีราคาสูงหรือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ แค่อะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงถึงความรักความใส่ใจ คนรักของเราก็รู้สึกดีมากๆ แล้ว และที่สำคัญคือ อย่าลืมวันครบรอบ วันเกิด และวันสำคัญต่างๆ เด็ดขาด เพราะอาจทำให้คนรักรู้สึกเสียใจหรือรู้สึกว่าไม่ได้รับความรักความเอาใจใส่ได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าเรามีภาษารักแบบนี้ แต่คนรักของเราไม่ได้เป็นแบบนี้และไม่ได้ให้ความสำคัญกับการให้ของขวัญ ก็ควรมีการพูดคุยสื่อสารให้เข้าใจกันหรือเจอกันครึ่งทาง เราอาจจะบอกคนรักของเราเลยก็ได้ว่า เราชอบการได้รับของขวัญเพราะทำให้เรารู้สึกว่าได้รับความรักความเอาใจใส่มากขึ้น ก็จะทำให้คนรักของเราเข้าใจเรามากขึ้นด้วยค่ะ
บุฟเฟต์ และที่พัก Hongkong Disneyland กับ Klook
การทำความเข้าใจตัวเองเป็นพื้นฐานสำคัญของความสัมพันธ์ที่ดี คุณต้องรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรจากความรัก มีความคาดหวังอะไร และมีข้อจำกัดหรือสิ่งที่ทนไม่ได้อะไรบ้าง การเข้าใจตัวเองจะช่วยให้คุณสื่อสารกับคนรักได้ชัดเจนขึ้น
การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเข้าใจ ฝึกการพูดอย่างตรงไปตรงมาแต่นุ่มนวล รู้จักรับฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ด่วนตัดสิน และแสดงความเห็นอกเห็นใจ การสื่อสารที่ดีจะช่วยลดความเข้าใจผิดและความขัดแย้ง
แม้จะรักกัน แต่ทุกคนต้องการพื้นที่ส่วนตัว เคารพความเป็นปัจเจกของกันและกัน ให้อิสระในการใช้เวลากับเพื่อน งานอดิเรก หรือกิจกรรมส่วนตัว การให้พื้นที่จะช่วยให้ความสัมพันธ์สมดุลและยั่งยืน
คนแต่ละคนมีวิธีแสดงและรับความรักที่แตกต่างกัน บางคนชอบคำพูด บางคนชอบการสัมผัส หรือของขวัญ การเข้าใจภาษารักของกันและกันจะช่วยให้เราแสดงความรักได้ตรงใจ และรู้สึกถึงความรักที่อีกฝ่ายมอบให้
ทุกคนมีพื้นฐาน ความเชื่อ และมุมมองที่แตกต่างกัน แทนที่จะพยายามเปลี่ยนอีกฝ่าย ให้เรียนรู้ที่จะยอมรับและเข้าใจความแตกต่างนั้น ความแตกต่างสามารถเป็นจุดแข็งที่เติมเต็มซึ่งกันและกันได้
การใช้เวลาทำกิจกรรมด้วยกัน ท่องเที่ยว หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน จะช่วยสร้างความทรงจำและความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ประสบการณ์ร่วมกันจะช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ความรักไม่ได้เกิดขึ้นและดำเนินไปเองโดยอัตโนมัติ ต้องอาศัยความพยายาม การปรับตัว และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ความเข้าใจนี้จะช่วยให้เราอดทนและทุ่มเทในการพัฒนาความสัมพันธ์
Inspire Now ! : โดยทั่วไปแล้ว แต่ละคนก็จะแสดงความรักผ่านภาษารัก 5 แบบ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าใครให้ความสำคัญกับการแสดงความรักแบบไหนมากที่สุด แบบไหนรองลงมา หากเราและคู่ของเรามีภาษารักแบบเดียวกัน ก็จะทำให้ความรักความสัมพันธ์ดำเนินไปในทิศทางที่ดี ด้วยเพราะเข้าใจกันและกันและรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ทั้งนี้ หากมีภาษารักที่ต่างกัน หรือให้ความสำคัญในเรื่องที่ต่างกัน การสื่อสารพูดคุยกันอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ก็จะช่วยให้เข้าใจกันและกันมากขึ้น และแสดงความรักในรูปแบบที่อีกฝ่ายต้องการให้มากขึ้น เพื่อให้รักยังคงยืนยาวและไม่จืดชืด ด้วยพื้นฐานของการเอาใจใส่ซึ่งกันและกันนั่นเองค่ะ |
---|
DIYINSPIRENOW ให้ฉันสบายใจ และอยากมีความรักดีๆ ใช่ไหม ? ถ้าใครยังไม่รู้ว่าเราและคนรักของเรามีภาษารักแบบไหน สามารถเข้าไปทำแบบทดสอบได้ที่นี่เลยค่ะ ♡
ชวนรู้จัก วิธีพัฒนาตนเอง แบบยั่งยืนด้วยการปรับ 8 Mindset พร้อมวิธีการฝึกที่ใช้ได้จริงที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
ชวนมารู้จักกับการ Self Compassion คือ การเมตตาต่อตัวเอง ฝึกแล้วดีกับชีวิตยังไง อยากมีความสุขได้ด้วยตัวเองต้องทำยังไง มาเข้าใจและฝึกไปด้วยกัน
วิธีออมเงิน มนุษย์เงินเดือน ที่น่าสนใจ และยังใช้ได้จริงในยุคปัจจุบัน มีอะไรบ้าง คนทำงานประจำ อยากมีอิสรภาพทางการเงิน มีเงินใช้ไม่ติดขัด ต้องทำยังไง มาเช็กกัน