การเก็บรักษานมแม่ ให้คงคุณค่าได้ดีต้องทำยังไง ? รวมทิปส์ดีๆ เกี่ยวกับนมแม่ ที่คุณแม่ต้องรู้ !

การเก็บรักษานมแม่ ให้คงคุณค่าได้ดีต้องทำยังไง ? รวมทิปส์ดีๆ เกี่ยวกับนมแม่ ที่คุณแม่ต้องรู้ !

เป็นที่รู้กันดีว่านมแม่นั้นมีประโยชน์ต่อเด็กแรกเกิดมากมายเพียงใด แต่ในปัจจุบันคุณแม่สมัยใหม่หลายๆ คนก็ไม่สามารถอยู่บ้านเลี้ยงลูกได้ตลอดเพราะต้องออกไปทำงานนอกบ้านด้วย ในช่วงเวลาที่ไม่สามารถให้นมลูกได้จึงจำเป็นจะต้องปั๊มนมเก็บไว้เพื่อสำหรับป้อนลูกน้อยในเวลาที่แม่ๆ ไม่อยู่บ้าน ทั้งนี้หากเก็บรักษานมไม่ถูกวิธีก็อาจจะทำให้น้ำนมแม่สูญเสียคุณประโยชน์ได้ แต่คุณแม่มือใหม่ไม่ต้องกังวลไป เรามีวิธี การเก็บรักษานมแม่ ให้คงคุณค่าไว้ได้มากที่สุดมาฝากกันค่ะ

รวมเคล็ดลับที่คุณแม่ควรรู้ แนะนำวิธี การเก็บรักษานมแม่ ที่ช่วยคงคุณค่าของน้ำนมไว้ได้ดีที่สุด !

การเก็บรักษานมแม่, เก็บนมแม่
Image Credit : freepik.com

เด็กทารกตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงอายุ 6 เดือนควรได้กินนมแม่เป็นหลักเพียงอย่างเดียวและควรกินต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 2 ปี เพราะในเด็กทารกยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่สมบูรณ์มากพอ การได้รับนมแม่จึงมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะช่วยทำให้เด็กเติบโตได้ตามวัยและมีสุขภาพแข็งแรง ก่อนที่จะไปพูดถึงวิธีเก็บรักษานมแม่ เรามาดูประโยชน์ของนมแม่กันก่อนดีกว่าค่ะ

  • สารภูมิต้านทานในน้ำนมแม่ (Secretory IgA) ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อย และป้องกันเชื้อโรคจากภายนอกได้
  • โมเลกุลน้ำตาลในน้ำนมแม่ (Human Milk Oligosaccharide) มีประโยชน์มากกว่าน้ำตาลในนมผงสำเร็จรูป ในนมแม่มีโอลิโกแซคคาไรด์ซึ่งจัดเป็น พรีไบโอติกหรือแหล่งอาหารสำคัญของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้เซลล์ทางเดินอาหารของทารกสร้างโปรตีนที่ช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้
  • ในน้ำนมแม่มีเม็ดเลือดขาว ช่วยดักจับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายรวมทั้งสามารถหลั่งสารต้านการอักเสบได้ด้วย
  • เมื่อโปรตีนในน้ำนมแม่ (lactoferrin) จับกับธาตุเหล็กจะทำให้เชื้อโรคไม่สามารถเอาธาตุเหล็กไปใช้งานได้ จึงทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันมากยิ่งขึ้น
  • มีสารอาหารเป็นจำนวนมาก ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และเกลือแร่วิตามินหลากชนิด ทำให้ทารกมีพัฒนาการทางร่างกายและสมองที่สมบูรณ์แข็งแรงตามวัย

ต้องเตรียมนมไว้เท่าไหร่จึงเพียงพอต่อความต้องการของลูก ?

หลายคนอาจมีความกังวลว่านมที่ปั๊มเตรียมไว้อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูก แล้วควรเตรียมนมไว้เท่าไหร่จึงจะมั่นใจได้ว่ามีนมแม่สำรองมากพอแล้ว ? ตามปกติเด็กทารกต้องได้รับนมแม่ประมาณ 1 ออนซ์ (30 มิลลิลิตร) ต่อ 1 ชั่วโมง ดังนั้นถ้าหากต้องออกไปทำงานทั้งวันการเก็บรักษานมแม่ก็ควรเตรียมนมไว้ให้ได้ประมาณ 10 – 12 ออนซ์ต่อวัน หรือประมาณ 300 – 360 มิลลิลิตร แต่ถ้ามีช่วงเวลาการทำงานนานมากกว่านั้นก็อาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม หลังจากกลับจากการทำงานหรือกลับมาถึงบ้านแล้วก็ต้องปั๊มนมและเก็บนมแม่คืนให้ได้เท่าเดิมเพื่อเตรียมสำหรับวันถัดไป ทั้งนี้คุณแม่ควรกระตุ้นน้ำนมให้ได้ประมาณนี้ไปจนกว่าลูกจะอายุถึง 1 ขวบ แล้วค่อยๆ ลดปริมาณลงเมื่อเด็กสามารถกินอาหารชนิดอื่นๆ ได้เพิ่มมากขึ้น

หากเก็บนมแม่ไม่ถูกวิธีจะทำให้น้ำนมมีลักษณะเป็นอย่างไร?

การเก็บรักษานมแม่, เก็บนมแม่
Image Credit : freepik.com

เหล่าคุณแม่ย่อมรู้กันดีว่ากว่าจะได้น้ำนมสักหนึ่งหยดนั้นยากแค่ไหน แต่ถ้าไม่รู้จักการเก็บรักษานมแม่ด้วยวิธีที่ถูกต้องก็จะทำให้น้ำนมเหล่านั้นบูดเสียได้ วิธีการสังเกตว่านมที่เก็บไว้ยังใช้ได้หรือไม่ควรสังเกตจากกลิ่นและรสชาติเพราะไม่สามารถรับรู้ได้จากสีน้ำนมแม่ หากน้ำนมแม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวและมีรสชาติเปรี้ยวผิดปกติก็ควรทิ้งในทันทีและไม่ควรให้ลูกกินเพราะอาจทำให้เด็กท้องเสียได้ แต่ถ้านมมีเพียงแค่กลิ่นเหม็นหืนก็ยังสามารถกินได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากกลิ่นเหม็นหืนนั้นเกิดจาก เอมไซม์ไลเปส (Lipase) ที่อยู่ในน้ำนมแม่ ซึ่งทำหน้าที่ย่อยไขมันให้เป็นอนุภาคเล็ก แต่ถ้ามีมากเกินไปก็จะทำให้น้ำนมที่เก็บไว้มีกลิ่นเหม็นหืนได้

วิธีการเก็บรักษานมแม่ให้คงคุณค่าไว้ได้นานที่สุด

การเก็บรักษานมแม่, เก็บนมแม่
Image Credit : vecteezy.com

1. เลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม

สิ่งแรกสุดที่ควรคำนึงถึงในการเก็บรักษานมแม่คือการเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับเก็บน้ำนม เช่น ถุงสุญญากาศหรือถุงเก็บน้ำนมโดยเฉพาะ และควรเลือกเป็นเกรดโรงพยาบาลหรือมีมาตรฐานความปลอดภัยรองรับ มีฝาปิดแน่นหนาไม่รั่วซึม ไม่ชำรุดเสียหาย และไม่ควรเลือกเป็นวัสดุรีไซเคิลที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว เพราะอาจปนเปื้อนได้

2. เก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม

เมื่อปั๊มนมใส่ถุงหรือใส่ขวดเสร็จแล้ว นมแม่สามารถอยู่ในห้องแอร์อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง หลังจากนั้นต้องเก็บเข้าตู้เย็นทันที โดยไม่ควรเก็บที่ฝาประตูตู้เย็นเพราะจะทำให้อุณหภูมิไม่คงที่และทำให้นมบูดเสียได้ ซึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเก็บนมแม่มีดังนี้

  • นมแม่ที่แช่ในตู้เย็นช่องปกติอุณหภูมิ 2- 4 องศา สามารถเก็บได้ 8 วัน
  • นมแม่ที่แช่ในช่องแช่แข็ง สามารถเก็บได้ 2 สัปดาห์
  • นมแม่ที่แช่ไว้ในช่องแช่แข็งอุณหภูมิต่ำกว่า – 18 องศา สามารถเก็บไว้ได้นาน 6 เดือน

3. จดวันที่ให้ชัดเจน

เมื่อปั๊มนมใส่ภาชนะบรรจุแล้วควรเขียนวันและเวลาที่ปั๊มลงบนถุงให้ชัดเจนเพื่อความสะดวกในการลำดับหยิบใช้ โดยควรเลือกเป็นหมึกที่กันน้ำและกันความชื้นเพื่อไม่ให้เลือนหายไปในขณะแช่เย็น และต้องระวังอย่าให้หมึกซึมเข้าถึงน้ำนมได้เป็นอันขาด

การนำน้ำนมที่เก็บรักษาไว้มาใช้

ควรนำน้ำนมแม่ที่เก็บรักษาไว้ในช่องแช่แข็งเปลี่ยนมาแช่ในช่องแช่เย็นธรรมดาก่อนประมาณ 12 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำมาตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องไม่เกิน 2 ชั่วโมงก่อนที่จะป้อนนมให้เด็ก สำหรับนมแช่แข็งที่นำมาละลายแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 24 ชั่วโมงและห้ามนำกลับไปแช่แข็งใหม่ ส่วนนมที่อยู่ในช่องแช่เย็นธรรมดาหรืออุณหภูมิห้องนั้นสามารถป้อนให้เด็กได้เลย เพราะเด็กทารกสามารถกินนมที่เย็นได้ แต่ถ้าต้องการอุ่นนมให้ใช้วิธีแช่น้ำนมแม่ทั้งขวดหรือถุงในน้ำอุ่นที่อุณหภูมิไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส และห้ามอุ่นบนเตาหรือนำเข้าไมโครเวฟ เพราะอาจจะเสียคุณค่าทางอาหารได้ค่ะ

คุณแม่ตั้งครรภ์มือใหม่ควรเตรียมพร้อมสำหรับการให้นมลูกไว้ให้ดี เพราะการให้ลูกกินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดนั้นมีความสำคัญอย่างมาก นอกจากจะทำให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่แข็งแรงสมบูรณ์แล้ว ยังเป็นการเชื่อมสายใยความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากคุณแม่ไม่สะดวกที่จะให้นมจากเต้าได้ตลอดเวลาก็สามารถใช้วิธีเก็บรักษานมแม่ที่เราเอามาฝากกันได้นะคะ จะได้มีนมไว้ให้ลูกกินไปยาวๆ เลยค่ะ

Inspire Now ! : นมแม่ถือเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก วิธีการเก็บรักษานมแม่อย่างถูกต้องนั้น จะช่วยให้ลูกน้อยของเรามีนมกินได้ไม่ขาดและทำให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคและเติบโตตามเกณฑ์ ทั้งนี้ วิธีการป้อนนมลูกนั้นก่อนที่จะป้อนนมลูกไม่ควรเขย่าขวดนม เพราะอาจทำให้เม็ดเลือดขาวในนมแม่แยกชั้นกันได้ ซึ่งจะส่งผลทำให้คุณภาพของน้ำนมแม่ลดลง แต่สามารถแกว่งขวดนมไปมาเบาๆ ได้ เพื่อให้น้ำนมมีความเข้ากันมากขึ้น

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันพร้อมที่จะเป็นคุณแม่ใช่ไหม ? การปั๊มน้ำนมแต่ละหยดไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่แม่ก็สามารถอดทนได้เพื่อลูก หากคุณแม่ท่านไหนมีเคล็ดลับอื่นๆ ในการเก็บรักษานมแม่เพิ่มเติม ก็สามารถพูดคุยคอมเมนต์แชร์กันได้นะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : parents.com, pharmacy.mahidol.ac.th, healthychildren.org, cdc.gov

Featured Image Credit : vecteezy.com/pilin petunyia

Facebook Comments
Share via

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    เราขออนุญาติใช้คุกกี้นี้เก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ เพื่อประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดีขึ้นให้กับคุณ

  • คุกกี้การวิเคราะห์

    เราขออนุญาติใช้คุกกี้นี้เก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ เพื่อประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดีขึ้นให้กับคุณ
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    เราขออนุญาติใช้คุกกี้นี้เก็บข้อมูลต่างๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคุณ เพื่อนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหาให้เหมาะสมกับความสนใจของคุณ
    Cookies Details

บันทึก
Send this to a friend