MBTI คืออะไร มีอะไรบ้าง ? ชวนรู้จัก 16 บุคลิกภาพที่จะช่วยให้เข้าใจตัวเองและคนรอบข้างมากขึ้น !
ชวนเข้าใจ MBTI คืออะไร มีอะไรบ้าง บุคลิกภาพแบบเราทำงานยังไง เหมาะกับอาชีพแบบไหน มาเข้าใจตัวเรา และคนรอบข้างเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกัน
เมื่อนานมาแล้ว เราเคยเข้าใจกันว่า ความงามล้วนขึ้นอยู่กับสายตาของผู้มอง เพราะความชอบของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ความงามเป็นเรื่องส่วนบุคคล สิ่งที่ดูสวยงามสำหรับคนหนึ่งอาจไม่ดึงดูดใจอีกคนหนึ่ง แต่ในยุคปัจจุบันการประเมินรูปลักษณ์ภายนอก ตัดสินว่าสวยไม่สวย เป็นเรื่องส่วนตัวจริงหรือ ? ในทุกวันนี้ เราต่างได้รับอิทธิพลจากมาตรฐานความงามบางอย่างทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว เมื่อเราคิดถึงความงาม เราวัดความสวยอย่างไร สิ่งที่เรียกว่า beauty standard คือ อะไรกันแน่ มาหาคำตอบกันเลยค่ะ
เชื่อว่าแต่ละคนต่างก็เคยได้ยินคำว่า beauty standard มาไม่มากก็น้อย แล้วความหมายของคำนี้คืออะไรกันแน่ ? beauty standard คือ ชุดความคิดเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกของทั้งชายและหญิง ที่ถือว่าสวยหล่อและเป็นที่ยอมรับของวงสังคม เรียกว่าเป็นพิมพ์นิยมของความสวยหล่อเลยก็ว่าได้ มักได้รับอิทธิพลอย่างมากจากค่านิยมและบรรทัดฐานทางสังคมในช่วงเวลานั้นๆ มาตรฐานเหล่านี้มักมีพื้นฐานอยู่บนคุณลักษณะทางกายภาพช่วงแคบๆ ที่ไม่ได้กำหนดขึ้นตามรสนิยมส่วนตัวของบุคคล หรือความเป็นตัวเอง แต่ถูกกำหนดโดยค่านิยมของสังคมที่ต่างมองเห็นตรงกันว่า นี่คือความงามตามสมัยในยุคนั้นๆ
beauty standard วิจัยหาที่มาที่ไปได้จากสื่อกระแสหลัก ที่นอกจากจะสะท้อนค่านิยมแล้ว ยังเป็นเป็นปัจจัยสำคัญในการปลูกฝังถ่ายทอดอุดมคติว่าผู้ชายหรือผู้หญิงควรมีความดูดีในแบบใด หรือควรจะมีรูปลักษณ์หน้าตาเป็นอย่างไร ถึงจะถือว่าดูสวยหล่อและเป็นที่ยอมรับ เมื่อศึกษาย้อนกลับไปตลอดประวัติศาสตร์การรับรู้ชื่นชมความงาม พบว่าความงามนั้นผันแปรตามยุคสมัย ผู้หญิงตามอุดมคติสไตล์บาโรกคือ หญิงที่มีร่างกายอวบอ้วน ดูอุดมสมบูรณ์ ความงามในภาพวาดมักสะท้อนความเป็นหญิงสาวที่มีร่างกายยั่วยวนและสง่างามในเวลาเดียวกัน ซึ่งความนิยมในความงามแบบนี้ก็มีให้เห็นในยุคเรเนซองส์ด้วยเช่นกัน
เชื่อว่าพวกเราเองก็เคยเห็นในโซเชียลมีเดียที่ดารานางแบบ นักร้อง หรือไอดอลในแต่ละยุคสมัย มีรูปร่างหน้าตา เทรนด์ทรงผม การแต่งหน้า การสวมใส่เสื้อผ้า และการโพสท่าที่นิยมในสมัยต่างๆ อันมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลามาตลอดหลายทศวรรษ และหลายครั้งเราก็อาจจะรู้สึกไม่พึงใจกับความงามแฟชั่นในสมัยนั้นๆ โดย beauty standard หรือมาตรฐาน “ความงาม”สมัยก่อน กลายเป็นตกยุคสมัยไปแล้วในปัจจุบัน ส่วนในโลกปัจจุบันที่เป็นยุคของโซเชียลมีเดียและการใช้โปรแกรมแต่งภาพอย่างหลากหลาย ทำให้เรามองเห็นแต่คนสวยคนหล่อตามพิมพ์นิยมปัจจุบัน ที่ออกจะผอมเพรียว หน้าเล็กเกินจริง มีผิวขาววาวราวกับกระจกตามมาตรฐานเกาหลี หรืออีกฟากหนึ่งก็คือความงามตามแบบสายฝอ เครื่องหน้าชัด รูปร่างมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ดวงตาโต ริมฝีปากอวบอิ่ม หน้าอกใหญ่ ก้นกลม ซึ่งการนำเสนอความงามในรูปแบบนี้ตามโซเชียลมีเมียก็มักจะเรียกยอดไลก์ได้อย่างล้นหลาม ทำให้ beauty standard ในรูปแบบดังกล่าวกลายเป็นตัวขับเคลื่อนชีวิตมากจนเกินไป และทำให้เกิดทัศนคติขึ้นมาว่า ต้องมีรูปลักษณ์หน้าตาแบบนั้นเท่านั้น ถึงจะได้รับการยอมรับในสังคม
ไอคอนแฟชั่นและนางแบบชั้นนำที่ปรากฏในสื่อต่างๆ สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนด้วยสไตล์และลุคใหม่ทุกครั้งที่กลับมา กลายเป็นความปรารถนาอันแรงกล้าในใจของทุกคนที่อยากจะดูสวยราวกับภาพที่ฉายในสื่อ หลายคนพบว่าตัวเองเหนื่อยล้าจากการพยายาม เพราะมาตรฐานความงามไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกที่ต้องแข่งขันกันสุดฤทธิ์ แต่ยังส่งผลต่อความเป็นตัวตนภายในของเราอีกด้วย ก่อให้เกิด “การเปรียบเทียบทางสังคม” ที่ผู้คนมักเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น ซึ่งมักนำไปสู่การรับรู้ตนเองเชิงลบเมื่อพบว่า ตัวเองไม่เข้าข่ายความงามแบบ beauty standard แต่ถ้าหากมีรูปลักษณ์หน้าตาที่ได้รับคำชม ได้ยอดไลก์ ก็หมายถึงการได้รับการยอมรับในสังคมไปโดยปริยาย ทำให้เกิดความคิดไปว่า คนสวยกว่าได้อภิสิทธิ์ที่เหนือกว่า ได้รับการยอมรับมากกว่า ทำให้เสียความมั่นใจในตัวเอง มองตัวเองในแง่ลบ ไม่ชอบตัวเอง ทำให้เกิดภาวะ Low Self Esteem ที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตตามมา
การยอมรับมาตรฐานความงามที่ไม่สมจริงเป็นสาเหตุหลักของการเหยียดรูปลักษณ์และการแบ่งชนชั้นทางสังคมที่เพิ่มมากขึ้น หลายๆ คนรู้สึกไม่มั่นคงทางจิตใจและสูญเสียความเป็นตัวเอง ถูกกระตุ้นทางจิตใจและอารมณ์จากโซเชียลมีเดียที่นำเสนอภาพลักษณ์ความงามเกินจริง ประกอบกับการถูกตัดสินโดยสังคมเกี่ยวกับรูปลักษณ์ ทำให้หลายคนหมกมุ่นกับความงามตามแบบพิมพ์นิยมจนไม่ตระหนักว่า beauty standard คือมาตรฐานที่สังคมยัดเยียดให้กลายเป็นรสนิยม และมักจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ตามแต่มุมมองเกี่ยวกับความงามที่จะเกิดขึ้นในยุคสมัยนั้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมความงามก็มีส่วนสำคัญเช่นกันโดยหยิบยกเอา beauty standard มาเป็นบรรทัดฐาน และทำให้ beauty standard กลายเป็นไม้บรรทัดวัดความงาม ความพึงปรารถนา การมีเสน่ห์ ดูสมบูรณ์แบบ และสวยงาม โดยไม่คำนึงถึงคุณสมบัติอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากรูปลักษณ์ภายนอก ชุดอุดมคติความงามนี้อาจเป็นประตูสู่ปัญหาสุขภาพ สูญเสียความเป็นตัวตน หลายคนต้องดิ้นรนตลอดเวลาเพื่อปรับรูปลักษณ์ การแต่งหน้าทำผม การอดอาหาร และแม้แต่การใช้มาตรการที่รุนแรงเพื่อทำให้รูปลักษณ์ของตนสมบูรณ์แบบ เช่น การใช้สเตียรอยด์ การทำศัลยกรรม การเติมฟิลเลอร์จนล้นเกินงาม ที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพตามมา
ความจริงแล้ว รากฐานของ beauty standard วิจัยศึกษามาแล้วว่า มีจริงและไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยด้วยซ้ำ รู้จักกันในนามของ “ศิลปะแห่งความงาม” ซึ่งเป็นองค์ประกอบแบบกว้าง ที่ไม่ว่าใครก็ตามก็สามารถมีเสน่ห์จากรูปลักษณ์ภายนอกได้ อันแสดงออกให้สัมผัสได้ด้วยตาตั้งแต่แรกเห็น แม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนสวยหรือคนหล่อตาม “พิมพ์นิยม” ก็ตาม beauty standard วิจัย ตามศิลปะนี้มีองค์ประกอบของความงามที่บ่งบอกว่า ทุกคนไม่จำเป็นต้องสวยเหมือนใคร แต่เป็นความสวยในแบบตัวเอง
ทั้งนี้ ปัจจัยของ beauty standard ได้แก่ ความสว่างสดใสของผิวพรรณ สีผิวใดก็ได้แต่ให้สุขภาพผิวดี มีความน่าคบหา หน้าตาไม่ไล่แขก ไม่เย่อหยิ่งและดูถูกคนอื่น อาภรณ์ความงามที่สำคัญคือรอยยิ้ม มีความตื่นตัวดูไม่เศร้าหมองไม่ขี้เกียจ มีความกลมกลืนลื่นไหลไปด้วยกันได้ขององค์ประกอบต่างๆ ของใบหน้ารูปร่าง จะว่าไปแล้ว beauty standard สมัยใหม่ที่กำหนดแม้แต่รูปหน้า รูปจมูก ลักษณะคิ้ว ตา ถ้าเราจัดทุกอย่างเอาไปอยู่ในใบหน้าเดียว เป็นความสวยทุกอย่าง แต่ดูรวมๆ แล้วไม่ลงตัว ไม่มีความเหมาะสมกลมกลืน ก็ไม่น่าจะเป็น beauty standard ที่ถูกต้องนัก ใช่ไหมคะ ?
แต่แน่นอนว่าเมื่ออยู่ในสังคม อิทธิพลและผลกระทบจากมาตรฐานเหล่านี้มีผลกับเราแน่นอน แล้วเราจะมีวิธีการโต้ตอบแนวคิดเหล่านี้อย่างไร ทำอย่างไรให้สังคมเปิดรับความงามที่หลากหลายอย่างไม่แบ่งแยก ท้าทายอุดมคติที่ไม่สมจริง และชื่นชมความงามในรูปแบบที่หลากหลายและเป็นตัวเอง การตระหนักได้ว่าบทบาทของ beauty standard คือ มาตรฐานความงามที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา อันเป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืน น่าจะช่วยให้เราก้าวไปสู่แนวคิดเรื่องความงามในรูปแบบอื่นๆ ที่ครอบคลุมมากกว่า เป็นการเสริมพลังและความมั่นใจให้กับตัวเอง และให้ความสำคัญกับความเป็นปัจเจกบุคคล รวมทั้งความใส่ใจสุขภาพที่แท้จริงด้วย
beauty standard วิจัยกันอย่างกว้างขวางว่าไม่ควรปล่อยให้กระแสจากอุตสาหกรรมความงามเป็นตัวกำหนดความงามในอุดมคติ เพื่อช่วยให้ผู้คนในสังคมตระหนักถึงการยอมรับตนเอง รวมถึงการยอมรับความแตกต่างหลากหลายในสังคม ขจัดอุดมคติความงามที่ไม่สมจริง และยอมรับความงามที่มีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน คนที่มีรูปร่างหนาขึ้นต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติและความกดดันจากสังคม – กลุ่มเพื่อนฝูงในการลดน้ำหนัก เนื่องจากมีรูปร่างปกติที่ไม่ได้ผอมตามความผอมมาตรฐานความงามในอุดมคติ ถูกมองว่าสุขภาพไม่ดี นำไปสู่การกดดันให้ใช้วิธีลดน้ำหนักที่มีความเสี่ยงและไม่ดีต่อสุขภาพ เช่นเดียวกับแนวคิดคนสวยมีอภิสิทธิ์ ทำให้คนวิ่งตาม beauty standard อันเป็นความงามในอุดมคติที่เกินจริง หารู้ไม่ว่าอภิสิทธิ์ของคนที่มีความสามารถและดูแลตัวเองให้อยู่ในขั้นที่ดูดีตามมาตรฐานทั่วไปก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
มาตรฐานความงามทั่วโลกจะยังคงพัฒนาต่อไป และโลกก็จะหมุนไปตามคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ค่านิยมใหม่จะได้รับการสืบทอดในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่การยอมรับว่า beauty standard คือมาตรฐานความงามที่กำหนดโดยสังคมอย่างไม่มีหลักยึด ก็เหมือนกับการไม่คำนึงถึงความรักในตนเอง เป็นการบั่นทอนความมั่นใจและบดบังความงามจากภายในอันเป็นรากฐานความงามที่แท้จริง มนุษย์ทุกคนมีข้อบกพร่อง แต่ก็ย่อมมีความสวยงามในวิถีของตน รูปลักษณ์ที่สวยงามไม่จำเป็นจะต้องเพอร์เฟคในแบบที่ใครชอบ แต่หัวใจที่งดงามและเปล่งประกายจะกำหนดความงามที่แท้จริง อันเป็นความงามที่ยั่งยืนจากการยอมรับตัวเองนั่นเองค่ะ
Inspire Now ! : อยากชวนทุกคนมาตระหนักว่า beauty standard หรือความงามในอุดมคตินั้น ไม่ใช่คำจำกัดความที่แท้จริงของความงาม และการที่คนเราจะอยากสวยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ขอให้อยากสวยเพราะรักตัวเองและอยากจะสร้างความมั่นใจในตนเอง ไม่ใช่อยากสวยเพราะมันคือมาตรฐานของสังคม ความงามที่แท้จริงนั้นไม่ไช่การพยายามเป็นคนที่มีรูปลักษณ์หน้าตาสวยงาม แต่คือบุคคลที่มีความเป็นตัวเองและมีความสุขในการใช้ชีวิตต่างหากค่ะ |
---|
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? Beauty Standard เป็นเพียงมาตรวัดความงามชั่วคราวเท่านั้น ความงดงามและเปล่งประกายจากตัวตนของเราต่างหากที่ยั่งยืนและคงทนถาวรกว่า คิดเห็นอย่างไร มาคอมเมนต์กันได้นะคะ ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : miamihighnews.com, thedailystar.net
Featured Image Credit : freepik.com/lookstudio
ชวนเข้าใจ MBTI คืออะไร มีอะไรบ้าง บุคลิกภาพแบบเราทำงานยังไง เหมาะกับอาชีพแบบไหน มาเข้าใจตัวเรา และคนรอบข้างเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกัน
ชวนรู้จัก วิธีพัฒนาตนเอง แบบยั่งยืนด้วยการปรับ 8 Mindset พร้อมวิธีการฝึกที่ใช้ได้จริงที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
ชวนมารู้จักกับการ Self Compassion คือ การเมตตาต่อตัวเอง ฝึกแล้วดีกับชีวิตยังไง อยากมีความสุขได้ด้วยตัวเองต้องทำยังไง มาเข้าใจและฝึกไปด้วยกัน