จัดการความเครียด ยังไง ให้เห็นผล ?! แชร์วิธีง่ายๆ แต่ใช้ได้จริงทุกคน !

โอยยย!! เครียดดดดด! เป็นประโยคที่พวกเราเคยนึกในใจ หรือเคยตะโกนออกมาดังๆ ใช่ไหมคะ ? บางคนก็แค่พูดระบายออกมาเฉยๆ ไม่ได้จริงจังอะไร ส่วนบางคนก็แค่ติดนิสัย หรือบางคนก็เหมือนออกแนวขำๆ ด้วยซ้ำไป แต่ถ้าวันหนึ่งเราเกิดเครียดขึ้นมาจริงๆ ล่ะ ตะโกนออกมาดังๆ แบบนี้ช่วยจัดการความเครียดไหมนะ การจัดการความเครีดต้องทำยังไงกันบ้าง อยากรู้กันไหมคะ ในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะพาไป ค้นหาเทคนิค “จัดการความเครียด” ง่ายๆ แต่ได้ผลจริงกันค่ะ

จัดการความเครียด ให้เห็นผลต้องทำยังไง ?! มาดูวิธีจัดการกัน !

ความเครียดเป็นความรู้สึกของการถูกกดดันอย่างผิดปกติ แรงกดดันนี้อาจมาจากแง่มุมต่างๆ ของชีวิตประจำวัน  เช่น ภาระงานที่เพิ่มขึ้น ตกงาน  ช่วงระยะเปลี่ยนผ่านของชีวิต ข้อขัดแย้งในครอบครัว ความกังวลทางการเงิน หรือแม้แต่เรื่องที่เหมือนไม่มีอะไร อย่างเช่น การไปต่างถิ่น ย้ายที่ทำงาน พบปะผู้คนใหม่ๆ ในสถานการณ์เหล่านี้อาจทำให้เกิดความรู้สึกถูกคุกคามหรือความไม่พอใจ

ความเครียดมีผลกระทบต่อชีวิตสุขภาพและความเป็นอยู่ ทำให้เกิดอาการทางกายที่หลากหลายและการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่มีความเข้มข้นที่แตกต่างกันในไปในแต่ละบุคคล ถ้าเราพอมีหลักสังเกต ให้สำรวจได้ว่าเรามีความเครียดเกิดขึ้น  ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการความเครียดได้อย่างทันท่วงที อย่าลืมนะคะว่า ยิ่งทิ้งไว้นาน ปัญหายิ่งทับทวีคูณและทำให้รุนแรงขึ้นได้ ยิ่งจัดการความเครียดได้เร็วก็ยิ่งเป็นผลดี

อาการของความเครียด เป็นยังไง ?

1. ความรู้สึกกังวลอย่างต่อเนื่อง
2. ความรู้สึกของการถูกครอบงำ
3. ไม่จดจ่อ
4. อารมณ์แปรปรวน
5. หงุดหงิด
6. ผ่อนคลายยาก
7. เศร้าง่าย
8. ความนับถือตนเองต่ำ
9. กินมากหรือน้อยกว่าปกติ
10. นิสัยการนอนเปลี่ยนไป
11. ปวดเมื่อย ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อตึง
12. ท้องเสียและท้องผูก
13. ความรู้สึกคลื่นไส้หรือเวียนศีรษะ
14. ความรู้สึกทางเพศลดลง

7 วิธีจัดการความเครียด ทำยังไงให้เห็นผล ?

ลองวิธีง่ายๆ พวกนี้เพื่อจัดการความเครียด และป้องกันตัวเองจากภาวะเครียดที่รุนแรง ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ แค่ปรับอะไรเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องกังวลว่าจะรักษาอาการเครียดหรือไม่  ก็ทำให้เรื่องเครียดกลายเป็นเรื่องง่าย ทำให้เราสุขภาพจิตดี และหายจากเครียดได้อย่างรวดเร็วด้วยค่ะ

1. จัดการความเครียด ด้วยการกินเพื่อสุขภาพ

การกินเพื่อสุขภาพนั้น นอกจากลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับอาหารแล้ว ยังมีหลักฐานจำนวนมากที่แสดงความเชื่อมโยงของอาหารต่ออารมณ์ของเราอย่างใกล้ชิด และการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพจึงมีความสำคัญ ในการรักษาภาวะอารมณ์ และมีผลโดยตรงกับสุขภาพจิตด้วย เราสามารถปกป้องความรู้สึกของเราผ่านอาหารที่มีสารอาหารไปเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอ เช่น วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่างๆ และที่จะขาดไม่ได้คือการดื่มน้ำซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของเซลล์ให้เพียงพอในทุกๆ วัน

2. ระวังเรื่องการสูบบุหรี่ และดื่มสุรา

น่าแปลกใช่ไหม ที่นักจิตวิทยาแนะนำว่า อย่าพยายามลดปริมาณบุหรี่ที่สูบและอย่างดแอลกอฮอล์ ถึงแม้ว่ามันเหมือนจะเป็นวิธีที่จัดการความเครียดโดยตรง แต่การลดปริมาณลงจากที่เคยใช้ประจำ จะทำให้อาการเครียดยิ่งแย่ลงหนักมากในตอนท้ายๆ ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงบุหรี่และแอลกอร์ฮอล์ให้เป็นปกติวิสัยตั้งแต่แรกจะดีกว่า

3. ออกกำลังกาย

หาวิธีออกกำลังกายที่เราชอบ และทำให้เป็นกิจวัตรประจำวันตั้งแต่วันนี้  ทดลองหาวิธีออกกำลังกายให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเรา อาจจะซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายติดบ้านไว้ด้วยก็ได้ จนได้วิธีที่ลงตัว กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน  เพราะมันจะมีประสิทธิภาพมากในการบรรเทาความเครียด การขยับร่างกายแม้เพียงเล็กน้อยอย่างการออกไปข้างนอกรับอากาศบริสุทธิ์และการออกกำลังกายแบบเบาๆ  หรือ การออกไปเดินเล่นตามร้านค้า ข้อปปิ้ง เดินดูของ ก็ช่วยได้จริงๆ

4. ให้เวลานอกกับตัวเอง

หาเวลาเพื่อไปผ่อนคลายบ้าง สร้างสมดุลระหว่างความรับผิดชอบต่อผู้อื่นและความรับผิดชอบต่อตัวเองสามารถลดระดับความเครียดได้อย่างแท้จริง บอกตัวเองว่ามันโอเคที่จะให้ความสำคัญกับการดูแลตนเอง ทุกคนต้องการเวลานอก แต่มักพูดว่า ‘ฉันไม่มีเวลา’ การให้เวลาตัวเอง ได้พักหายใจหายคอบ้าง มีความสำคัญต่อสุขภาพจิตที่ดีและทำให้ทนแรงกดดันได้ดีขึ้นมาก

5. จัดการความเครียด ด้วยการอยู่กับปัจจุบัน

ฝึกสติ มีสมาธิอยู่กับปัจจุบัน รู้สึกถึงสภาวะร่างกายและจิตใจที่เชื่อมโยงกัน การฝึกเจริญสติแบบนี้สามารถเพิ่มศักยภาพในการจัดการสถานการณ์ที่ยากลำบากและช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด พยายามฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ อาจฝึกผ่านการทำสมาธิ การวิปัสสนา หรือโปรแกรม mindfulness อื่นๆ ที่เหมาะกับเรา งานวิจัยแนะนำว่าสามารถลดผลกระทบของความเครียดความวิตกกังวลหรือปัญหาที่เกี่ยวข้อง เช่น นอนไม่หลับ สมาธิไม่ดี และอารมณ์แปรปรวน ได้ดีอีกด้วย

6. นอนหลับอย่างมีคุณภาพ

แน่นอนความเครียดทำให้ไม่หลับ สุขภาพกายหรือสุขภาพจิตส่งผลต่อความสามารถในการนอนหลับโดยตรง เราสามารถแก้ไขสภาพแวดล้อมเพื่อช่วยปรับปรุงการนอนหลับหรือเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเล็กน้อยเพื่อช่วยให้นอนหลับพักผ่อนได้ดีขึ้น เช่น ไม่เล่นโทรศัพท์ก่อนนอน  ใช้เสียงผ่อนคลายเพื่อเข้าสู่การหลับลึก ออกกำลังกายเบาๆ

7. อย่าเคร่งเครียดกับตัวเองเกินไป

ใช้เวลาสองสามนาทีในแต่ละวันเพื่อชื่นชมตัวเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะผิดพลาดไม่ได้ จำไว้ว่าการมีวันที่แย่คือประสบการณ์ของมนุษย์ที่เป็นสากล หากเราสะดุดหรือรู้สึกว่าล้มเหลวอย่าโทษตัวเอง ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง ให้อภัย มีน้ำใจและสนับสนุนตัวเองเสมอ  รักตัวเราเองก่อนแล้วโลกจะรักเราค่ะ

Inspire Now ! : แม้การวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าความเครียดบางครั้งเป็นไปในแง่บวก  มันสามารถทำให้ตื่นตัวมากขึ้นและช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้นในบางสถานการณ์ อย่างไรก็ตามมันจะเป็นประโยชน์กรณีมีอยู่ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ว่าการปล่อยให้ความเครียดเกาะกุมเป็นเวลานานมีแต่จะเกิดผลเสีย ลองนำวิธีการเหล่านี้ไปใช้จัดการความเครียดและป้องกันความเครียดที่จะเกิดขึ้นกันดูนะคะ

DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าได้มากแค่ไหน ? ลองมาแชร์ และส่งต่อทิปส์ดีๆ ด้วยกันนะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : mentalhealth.org.uk