ปลุกพลังคนอยากผอมแต่ไม่อยากออกกำลังกาย ด้วย 5 วิธี ที่เห็นผลจริง

ปัญหาใหญ่ๆ ของคนที่อยากลดน้ำหนักก็คือ อยากผอมแต่ไม่อยากออกกำลังกาย เพราะสาวๆ หลายคนอาจใช้เวลาและพลังงานไปกับการเรียน การทำงาน และการเดินทาง ความเร่งรีบในแต่ละวันทำให้เรายุ่งจนไม่มีพลังเหลือมาดูแลตัวเอง ถึงอยากผอมแต่ก็อยากหาวิธีลดน้ำหนักแบบไม่ออกกำลังกาย DIY INSPIRE NOW จึงมาช่วยตอบข้อสงสัยว่า อยากลดน้ำหนักแต่ไม่อยากออกกำลังกายได้ผลจริงไหม สามารถทำได้หรือเปล่า และจะมีวิธีไหนบ้าง พร้อมเหตุผลดีๆ ที่ช่วยให้อยากลุกมาออกกำลังกาย ใครอยากเริ่มดูแลรูปร่าง ลองตามไปดูกันได้เลยค่ะ

อยากผอมแต่ไม่อยากออกกำลังกาย ทำได้จริงไหม?

สำหรับคนที่อยากผอมแต่ไม่อยากออกกำลังกาย ไม่ว่าจะมีเหตุผลมาจากอะไรก็แล้วแต่นั้นเราขอบอกว่า “สามารถทำได้” แต่! มีคำกล่าวว่าการลดน้ำหนักให้ได้ผลดีที่สุดนั้นต้องใช้สูตร อาหาร 70% ออกกำลังกาย 30% นั่นก็คือคุมอาหารเป็นหลักและออกกำลังกายด้วยเพื่อให้รูปร่างกระชับ สวยงาม เนื้อไม่เหลว ดังนั้นอยากลดน้ำหนักแบบไม่ออกกำลังกายก็สามารถทำได้ค่ะ แต่หุ่นของเราก็จะไม่เฟิร์มนั่นเอง

5 ไอเดียสำหรับคนอยากผอมแต่ไม่อยากออกกำลังกาย

1. จดบันทึกตารางแคลอรี่

ถ้าอยากผอมแต่ไม่อยากออกกำลังกาย สิ่งสำคัญที่เราต้องทำก็คือรับรู้ว่าแคลอรี่ที่เรากินเข้าไปในแต่ละวันมีประมาณเท่าไรเพื่อให้สามารถวางแผนการกินได้อย่างเหมาะสม หากชีวิตประจำวันของเราไม่ได้ใช้พลังงานมาก เช่น ทำงานออฟฟิศ นั่งโต๊ะทั้งวัน การกินก็ต้องปรับลดแคลอรี่ลง รับเข้าน้อยกว่าใช้ออกและเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะช่วยให้น้ำหนักค่อยๆ ลดลงค่ะ

เคล็ดลับปลุกพลัง : เมื่อเห็นแคลอรี่ที่เรากินเข้าไปในแต่ละวัน จะสามารถนำมาคำนวณให้เหมาะสมกับปริมาณการออกกำลังกายได้ ถ้าไม่กินเยอะ ก็ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนักๆ ช่วยแก้ปัญหาคนไม่ชอบออกกำลังกายหรือคนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายทุกวันได้เป็นอย่างดี

2. กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ทุกวัน

เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าอาหารเช้าคือมื้อที่สำคัญที่สุด การกินอาหารเช้าที่มีประโยชน์และมีโปรตีนสูง เช่น ไข่ต้ม อกไก่หรือเนื้อไม่ติดมัน ปลา รวมถึงคารโบไฮเดรตดีๆ อย่างข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ หรือข้าวโอ้ต จะช่วยทำให้เราอิ่มนาน ไม่กินจุบจิบระหว่างวัน แถมยังช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานดีไปตลอดทั้งวันด้วย

เคล็ดลับปลุกพลัง : การกินอาหารเช้าช่วยให้ระบบเผาผลาญของเราทำงานได้ดีตลอดวัน ยิ่งวันไหนกินอาหารเช้าควบคู่กับการหาเวลาออกกำลังกายประมาณ 20 นาที ยิ่งช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันเป็นสองเท่า! ทำให้การออกกำลังกายเห็นผลดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้เวลาเยอะเลยหล่ะ เพราะฉะนั้นวันไหนกินอาหารเช้าดีๆ แล้วก็อย่าลืมออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยจะได้สุขภาพดีแบบคูณสอง

[affegg id=1813]

3. เลือกกินอาหารไฟเบอร์สูง

การกินอาหารที่มีไฟเบอร์หรือเส้นใยสูงจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนาน เป็นตัวช่วยชั้นดีสำหรับคนที่อยากผอมแต่ไม่อยากออกกำลังกาย อาหารไฟเบอร์สูงที่ควรกินมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผักใบเขียว ผลไม้ เห็ด ไปจนถึงข้าวกล้อง อย่าลืมดื่มน้ำเยอะๆ ควบคู่กันไปด้วยเพื่อให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ

เคล็ดลับปลุกพลัง : ถึงจะกินอาหารไฟเบอร์สูงแต่ถ้าไม่ลุกมาขยับร่างกาย ลำไส้ไม่เคลื่อนไหว ไฟเบอร์ก็จะไม่ช่วยดีท็อกซ์ร่างกายเท่าที่ควร ดังนั้นลุกมายืดเหยียดกล้ามเนื้อหรือออกกำลังกายเบาๆ ควบคู่ไปด้วย รับรองว่าขับถ่ายคล่อง ช่วยดีท็อกซ์ผิวให้สวยพร้อมได้หุ่นเพรียวแน่นอนค่ะ

[affegg id=1814]

4. เลี่ยงการกินขนมและอาหารฟาสต์ฟู้ด

ขนมหวาน ขนมกรุบกรอบ และอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นเหมือนของต้องห้ามสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักและสุขภาพดี เพราะฉะนั้นพยายามเลี่ยงการกินอาหารเหล่านี้ให้มากที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องเลิกไปเลยนะคะ เพราะเราสามารถกินได้บ้างเล็กๆ น้อยๆ พอหายอยากค่ะ

เคล็ดลับปลุกพลัง : แค่ลดขนม น้ำหวาน และอาหารฟาสต์ฟู้ด ควบคู่กับการออกกำลังกายแบบที่เราชอบ ในเวลาที่สะดวกสักวันละ 20-30 นาที เท่านี้ก็ช่วยให้ลดน้ำหนักได้เร็ว แถมยังช่วยไขมันรอบเอวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการคุมอาหารอย่างเดียวโดยไม่ออกกำลังกาย

[affegg id=1815]

5. นอนหลับให้เพียงพอและเลี่ยงความเครียด

การนอนไม่พอและความเครียดคือสาเหตุหลักของความอ้วนและสุขภาพที่ไม่ดี เพราะยิ่งนอนดึกสมองก็ยิ่งหลั่งสารที่ทำให้เรารู้สึกหิวและอยากกินมื้อดึกออกมา ขณะที่ความเครียดจะทำให้ระบบเผาผลาญของเราประสิทธิภาพลดลง และทำให้ฮอร์โมนควบคุมความหิวแปรปรวน ดังนั้นหันมานอนให้พอวันละ 6-8 ชั่วโมง ทำจิตใจให้ร่าเริง ก็จะช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น ไม่ต้องกลัวเรื่องอยากกินจุบจิบแล้วค่ะ

เคล็ดลับปลุกพลัง : ใครเป็นคนหลับยาก พยายามนอนให้เพียงพอแต่ก็นอนไม่หลับ นอนดึกทุกที ลองโยคะหรือพีลาทิสเบาๆ ก่อนนอนสัก 1-2 ชั่วโมง รับรองว่าช่วยให้หายเครียด หลับสบาย แถมได้รูปร่างเฟิร์มกระชับด้วยนะคะ

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าหรือเปล่า ? มาลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กันและอย่าลืมมาแชร์ประสบการณ์ของเพื่อนๆ ให้เรารู้ที่ช่องคอมเมนต์ได้เลย ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : healthline.com, huffpost.com