วิธีปลูกมะละกอฮอลแลนด์ 101 ปลูกกินเองก็ได้ ปลูกเป็นอาชีพก็เลิศ !

เมื่อพูดถึงมะละกอเราก็คงต้องนึกถึงผลไม้เนื้อนุ่ม สีส้ม รสหวานฉ่ำ ส่วนมะกอดิบก็ยังสามารถนำไปทำส้มตำรสแซ่บซึ่งเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน แต่รู้ไหมว่าสายพันธุ์มะละกอที่เรากินกันทั่วไปและได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือการปลูกมะละกอฮอลแลนด์นั่นเอง ใครอยากกินมะละกออร่อยๆ ไร้สารพิษ DIY INSPIRE NOW อยากชวนสาวๆ มาดู วิธีปลูกมะละกอฮอลแลนด์ ด้วยตัวเองกันค่ะ ไม่ยากอย่างที่คิดเพราะมะละกอเป็นพืชที่ปลูกง่ายมาก ปลูกแล้วรอกินผลอร่อยๆ กันได้เลย

ประวัติมะละกอฮอลแลนด์ มาจากไหน ฮิตในไทยได้อย่างไร ?

มะละกอฮอลแลนด์เป็นสายพันธุมะละกอที่นำเข้ามาจากประเทศฮอลแลนด์ตามชื่นของมัน โดยเริ่มนำมาปลูกในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2543 และกลายเป็นที่ต้องการของท้องตลาดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อผลสุกจะมีเนื้อสีส้มอมแดง รสชาติหวานฉ่ำ เปลือกหนา ทำให้ทนต่อแมลงศัตรูพืชและสัตว์ฟันแทะชนิดต่างๆ ให้ผลดก เนื้อแน่น มีความหวานที่วัดออกมาได้ถึง 11 – 13 องศาบริกซ์ (หน่วยวัดความหวานสากล)

สาเหตุที่การปลูกมะละกอฮอลแลนด์ได้รับความนิยมเป็นเพราะสามารถปลูกให้เติบโตได้ผลดีง่ายมากๆ หากให้น้ำและปุ๋ยอย่างเหมาะสม มะละกอฮอลแลนด์อาจให้ผลมากถึงต้นละ 100 กิโลกรัมตลอดอายุของมัน ที่สำคัญหลังเพาะต้นกล้าแล้วย้ายลงดินยังให้ผลเร็วมาก ภายใน 9 เดือนก็สามารถเก็บผลกินได้แล้ว ที่สำคัญยังสามารถปลูกได้ทุกพืน้ที่ แต่จะเติบโตได้ดีเป็นพิเศษในดินเหนียวปนทรายและไม่ชอบที่น้ำขังซึ่งจะต่างจากวิธีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ที่ชอบน้ำเป็นพิเศษ

[affegg id=3020]

ขั้นตอน วิธีปลูกมะละกอฮอลแลนด์ ฉบับมือใหม่เข้าใจง่าย

การปลูกมะละกอฮอลแลนด์ที่ง่ายที่สุดนั้นควรเลือกปลูกโดยใช้ต้นกล้าที่อยู่ในถุงเพาะ เพราะจะมีการรวมกล้ามาให้ 2 – 3  ส่วนขั้นตอนการปลูกจะต่างจากวิธีปลูกกุหลาบหิน เพราะเป็นพืชที่เติบโตได้ดีในดินทั่วไป ไม่ต้องประคบประหงมหรือดูแลมากก็สามารถเจริญเติบโตและให้ผลได้ดี

ขั้นตอนวิธีปลูกมะละกอฮอลแลนด์โดยใช้ต้นกล้า  

1. คัดเลือกต้นกล้าที่แข็งแรงโดยการเลือกซื้อจากเกษตรกรหรือร้านที่ขายกล้าของมะละกอฮอลแลนด์โดยเฉพาะ
2. เตรียมดินสำหรับปลูกโดยการไถหรือพรวนดินให้หน้าดินร่วนและป้องกันน้ำขัง
3. ขุดหลุมสำหรับปลูกโดยเว้นระยะห่างระหว่างต้น 2 เมตร อย่าปลูกชิดกันมากเกินไป
4. นำกล้ามะละกอไปปลูกโดยขุดหลุมลึกเท่าฝ่ามือ จากนั้นกลบดินให้ปิดโคนมะละกอ ไม่จำเป็นต้องนำต้นกล้าออกจากถุงเพาะ โดยการปลูกทั้งถุงเพาะจะช่วยป้องกันดินร้อนจนลวกต้นมะละกอ
5. การให้ปุ๋ยควรให้ปุ๋ยผสมน้ำทุกๆ 7 วัน ส่วนการใส่ปุ๋ยคอกบำรุงดินควรให้เดือนละ 1 ครั้ง
6. การรดน้ำสามารถรดได้ทุกวัน หรือ 2 วันต่อครั้ง มะละกอเป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมากแต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ดินแห้ง ไม่อย่างนั้นต้นอาจแคระแกร็นได้นะคะ
7. เมื่อเข้าสู่ช่วงติดผลควรหาไม้มาเป็นหลักเพื่อป้องกันต้นมะละกอล้ม

[affegg id=3021]

ขั้นตอนวิธีปลูกมะละกอฮอลแลนด์โดยการเพาะเมล็ด

วิธีปลูกมะละกอฮอลแลนด์โดยการเพาะเมล็ดก็สามารถทำได้ แต่อาจไม่สะดวกสบายสำหรับมือใหม่เท่าไร อย่างไรก็ตามใครอยากเริ่มเพาะเมล็ดเองเราก็มีขั้นตอนและวิธีแบบทำตามได้ง่ายๆ เพื่อเพิ่มอัตราการเกิดต้นกล้ามะละกอมาฝากแล้วค่ะ

1. นำเมล็ดมะละกอมาแช่น้ำเป็นเวลา 3 คืน โดยเราต้องหมั่นเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง
2. เตรียมถุงเพาะ จากนั้นรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก นำดินปลูกใส่ลงในถุง รดน้ำพอชุ่ม
3. นำเมล็ดมะละกอที่เตรียมไว้มาปลูกลงในถุงเพาะ โดยใส่ 3 – 4 เมล็ดต่อหนึ่งถุง
4. รดน้ำให้ชุ่ม ทิ้งไว้ 9 – 10 วันเมล็ดจะเริ่มงอกกลายเป็นต้นกล้า จากนั้นรดน้ำวันละครั้ง
5. รดน้ำให้ชุ่ม ประมาณ 9-10 วัน เมล็ดก็จะงอก ทำการรดน้ำพอชุ่มวันละ 1 ครั้ง เมื่อต้นกล้าอายุได้ 30 วันก็สามารถย้ายลงแปลงปลูกได้เลย

เคล็ดลับ : รู้ไหมว่าวิธีปลูกมะละกอฮอลแลนด์แบบปลูกหลายต้นในถุงเพาะเดียวจะทำให้เกิด “ต้นกะเทย” ขึ้นมา ซึ่งวิธีสังเกตก็คือแหวกกลีบดอกออกดู หากพบว่าต้นไหนมีเกสรทั้งตัวผู้และตัวเมียก็ให้เก็บไว้ ส่วนต้นที่มีเฉพาะเกสรตัวผู้หรือตัวเมียเพียงอย่างเดียวให้ทำการตัดทิ้งได้ เนื่องจากต้นกะเทยจะให้ผลดกและมีโอกาสติดผลง่ายกว่านั่นเอง

[affegg id=3022]

ประโยชน์ของมะละกอ

1. รสชาติอร่อย อุดมด้วยสารอาหาร

มะละกอเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหอมมัน เมื่อสุกแล้วจะมีเนื้อฉ่ำหวาน กินแล้วช่วยดับกระหาย คลายร้อนได้ดี อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี แคลเซียม โซเดียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และโปรตีน

2. อุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์

นอกจากสารอาหารที่มีประโยชน์แล้ว มะละกอสุกยังอุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งและช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายถูกทำลายจากอนุมูลอิสระด้วย

3. ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ

การกินมะละกอเป็นประจำมีส่วนช่วยลดไขมัน LDL และเพิ่มไขมันดีหรือ HDL ทำให้ดีต่อสุขภาพหัวใจของเรา (แต่ควรกินในปริมาณที่เหมาะสมนะคะ เพราะมะละกอจัดเป็นผลไม้น้ำตาลสูง)

4. ช่วยบำรุงลำไส้และระบบขับถ่าย

ในมะละกอมีเอนซ์ที่ช่วยย่อยอาหาร อีกทั้งยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยลดอาการท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายและลำไส้ทำงานได้เป็นปกติ

5. ช่วยบำรุงผิว

มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณ ชะลอริ้วรอย ปกป้องผิวให้แข็งแรงและยังช่วยให้ผิวของเราสดใส เปล่งปลั่ง แลดูอ่อนเยาว์

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่มีความสุขใช่ไหม ? ใครชอบกินมะละกอบ้างคะ สาวๆ มีเมนูจากมะละกอในดวงใจบ้างไหม ลองมาแชร์กับเราได้เลย

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : hrover.com, shibainuhq.com, dogsnet.com, myfirstshiba.com