เซเปียนส์ : เมื่อการทำงานเป็นทีมพามนุษย์สู่ความยิ่งใหญ่

“หนึ่งคนหัวหาย สองคนเพื่อนตาย” ไม่ว่าใครก็คงเคยได้ยินคำกล่าวประมาณนี้ หรือ To go fast, go alone. To go far, go together. ไปให้เร็วไปคนเดียว ไปด้วยกันไปได้ไกล สุภาษิตทั้ง 2 บท ล้วนแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการ ทำงานเป็นทีม ทั้งสิ้น แสดงว่ามนุษย์เรามองเห็นความสำคัญของการทำงานเป็นทีมมาช้านานแล้ว แต่นานแค่ไหนนั้น ลองจินตนาการดูไหมคะ ?

เรารู้จักทำงานเป็นทีมมาตั้งแต่เมื่อไหร่

  • 100 ปีก่อน?
  • 200 ปีก่อน?
  • หรือเป็นพันปีมาแล้ว!!

คำตอบของเรื่องนี้ซุกซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งหลายคนคงเคยได้ยินชื่อกันมาแล้ว หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า “เซเปียนส์” นั่นเองค่ะ เราลองมาทำความเข้าใจบริบทของการทำงานเป็นทีมผ่านมุมมองทางประวัติศาสตร์กันดูนะคะ

องค์ประกอบของการทำงานเป็นทีม, ทำงานเป็นทีม

Image Credit : readery.co

เซเปียนส์บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของมนุษยชาติ ตั้งแต่เริ่มต้นการเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สลักสำคัญอะไร จนมาถึงผู้ที่ครองโลกได้ในปัจจุบัน ก่อนมีเราโลกก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตต่างๆ มากมาย แต่ไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดใดเลยที่สามารถเปลี่ยนแปลงและครอบครองโลกได้เท่ากับที่มนุษย์ทำอยู่ คีย์เวิร์ดสำหรับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้มีใจความสำคัญเพียงประการเดียวนั่นคือ “การทำงานเป็นทีม” ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 ประการในการรวมเราไว้ด้วยกันนั่นก็คือ “การสื่อสาร” “ศาสนา” และ “เงินตรา”

  • การสื่อสาร 

สัตว์ทุกชนิดบนโลกมีการสื่อสารด้วยกันทั้งสิ้น บ้างใช้การปล่อยสารเคมี บ้างใช้การเคลื่อนไหวร่างกาย บ้างใช้เสียง และอีกหลายจำพวกใช้หลายอย่างประกอบกัน การสื่อสารด้วยเสียงมีหลายระดับตั้งแต่การใช้เสียงขั้นพื้นฐานไม่กี่เสียง จนไปถึงเสียงที่ซับซ้อนหลากหลายที่เราเรียกกันว่าภาษานั่นเอง

จากจำนวนทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตที่สามารถสื่อสารด้วยภาษาได้ มนุษย์สามารถสื่อสารได้ซับซ้อนที่สุด และนี่คือจุดเริ่มต้นของการทำงานเป็นทีมของพวกเรา ตั้งแต่ยุคที่เรายังเป็นพรานหาของป่าล่าสัตว์ในป่า ถึงแม้จะมีสัตว์หลายชนิดที่สามารถสื่อสารด้วยภาษาได้ แต่ก็ไม่สามารถสื่อสารในระดับที่ซับซ้อนเท่ามนุษย์ได้

[affegg id=3575]

องค์ประกอบของการทำงานเป็นทีม, ทำงานเป็นทีม

ลิงบางจำพวกสามารถสื่อสารเพื่อบอกถึงอันตรายที่ฝูงกำลังเจอ เช่น เสียงแบบที่ 1 เพื่อบบอกว่า ระวังงู!! เสียงแบบที่ 2 เพื่อบอกว่า ระวังสิงโต!! แต่ก็ไม่สามารถสื่อสารในระดับที่ซับซ้อนเท่ามนุษย์ เช่น เมื่อเจองู เราสามารถบอกได้ว่า “ระวัง!! มีงูเขียวหางไหม้อยู่ข้างหน้าเธอห่างไปประมาณ 2 ก้าว”

ด้วยภาษาที่ซับซ้อนทำให้มนุษย์มีเรื่องราวต่างๆไว้บอกเล่าพูดคุยระหว่างบุคคลและกลุ่มจนทำให้เรามีความเข้าใจกันมากพอที่จะทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่ มนุษย์จะมีศักยภาพที่แตกต่างจากสัตว์อื่นอย่างเห็นได้ชัดก็ต่อเมื่อเราทำงานร่วมกันเป็นหมื่นๆ แสนๆ คนขึ้นไป การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพของเราทำให้เกิดสิ่งนั้น ซึ่งการสื่อสารที่ดีนี้เองเป็นองค์ประกอบของการทำงานเป็นทีมที่มีความสำคัญมาก

  • ศาสนา

การสื่อสารทำให้เรารวมกันเป็นหมื่นเป็นแสนคนได้ แต่ในระดับล้านคนล่ะ มนุษย์จะรวมตัวกันเพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในระดับล้านๆ คนได้อย่างไร เราต้องไม่ลืมว่าจุดแข็งที่สุดของมนุษย์อยู่ที่การทำงานเป็นทีมในปริมาณมาก เพราะฉะนั้นถ้าหากจะมีสิ่งใดมารวมใจมนุษย์เป็นล้านคนเข้าไว้ด้วยกัน สิ่งนั้นก็คงมีชื่อเรียกว่าศาสนานั่นเอง

ในหนังสือเซเปียนส์ได้กล่าวไว้ว่า มนุษย์มีความเชื่อตามจินตนาการที่แข็งแกร่งมากกว่าสัตว์ชนิดอื่น เราสามารถจินตนาการถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงได้อย่างซับซ้อน และสามารถส่งต่อจินตนาการนั้นออกไปได้อย่างกว้างขวางผ่านการสื่อสาร เช่น เมื่อผู้เผยแพร่ศาสนาได้เล่าถึงเรื่องราวการสร้างโลกของพระผู้เป็นเจ้าให้แก่ผู้คนจำนวนมากได้รับฟัง จากนั้นก็จะมีพ่อแม่ผู้ศรัทธาบางกลุ่มนำเรื่องเล่านั้นกลับไปเล่าต่อให้ลูกน้อยของพวกเขาฟังในรูปแบบของนิทานก่อนนอน เพื่อเป็นวิธีทำให้นอนหลับสบายในยามค่ำคืน และลูกของพวกเขาก็ได้บอกเล่าความเชื่อเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าสืบต่อกันมาจนมาถึงปัจจุบัน นั่นคือจุดเริ่มต้นของศาสนา

[affegg id=3576]

องค์ประกอบของการทำงานเป็นทีม

เมื่อคนจำนวนมากมีความเชื่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างเหนียวแน่น พวกเขาก็พร้อมที่จะร่วมมือกันทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งตามความเชื่อของตัวเองร่วมกัน แม้จะต้องร่วมมือกับคนไม่รู้จัก แต่กลับเชื่อใจกันได้เหมือนพี่น้องเพราะมีความเชื่อทางศาสนาแบบเดียวกันนั่นเอง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในประวัติศาสตร์คงหนีไม่พ้นสงครามครูเสดและการสร้างศาสนสถานอันยิ่งใหญ่ทั่วโลก

มนุษย์รวมตัวกันทำงานเป็นทีมในระดับแสนคนล้านคนในยุคแรกเริ่มผ่านการสื่อสารและความเชื่อตามจินตนาการในเรื่องเหนือธรรมชาติซึ่งก็คือศาสนาในปัจจุบัน แต่ถ้าเราไม่ใช่คนที่เชื่อในศาสนาแบบเดียวกันหล่ะ จะมีสิ่งใดที่รวมคนต่างความเชื่อ ต่างภาษา ให้มาทำงานร่วมกันได้ ? คำตอบสำหรับคำถามนี้มีชื่อที่ค่อนข้างจะธรรมดาสามัญว่า “เงินตรา”

  • เงินตรา

ถ้าพูดถึงสิ่งที่คนทั้งโลกต่างให้ความเชื่อถือเหมือนๆ กันไม่ว่าจะมีความเชื่อทางศาสนาแบบใด พูดภาษาอะไร คงหนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า “เงินตรา” ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตอลีบัน เกาหลีเหนือ หรือสหรัฐอเมริกา ต่างก็เชื่อถือในเงินดอลลาร์และทองคำด้วยกันทั้งสิ้น ต่อให้มีอุดมการณ์ทางการเมือง ศาสนา ภาษาต่างกันขนาดไหนทุกคนต่างก็ทำเพื่อเงินที่สามารถใช้ในการดำรงชีวิตของพวกเขาได้ บริษัทข้ามชาติ หรือแม้แต่องค์กรณ์สหประชาติเอง สามารถจ้างลูกจ้างหลายชนชาติที่ต่างกันทั้งความเชื่อและภาษาให้มาทำงานร่วมกันได้โดยการจ่ายเงินให้พวกเขา

ถ้าศาสนาสามารถเชื่อมโยงคนเป็นล้านให้ทำงานร่วมกันเพื่อความเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง เงินตราก็สามารถเชื่อมคนต่างศาสนาให้ทำงานร่วมกันได้ จนสุดท้ายมันสามารถเชื่อมคนทั้งโลกให้หันมา ทำงานเป็นทีม ร่วมกัน เพราะพวกเขามีสิ่งหนึ่งที่ต้องการเหมือนกันนั่นก็คือ เงิน!!! คนเหล่านั้นล้วนต้องปรับตัวและหาวิธีพัฒนาตนเองเพื่อให้ทำงานร่วมกับผู้อื่นซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมากได้ พวกเขายอมทุ่มเททั้งเวลาและการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ เพื่อแลกมาให้ได้ซึ่งเงินตรา ศาสนารวมคนต่างภาษา ส่วนเงินตรารวมคนทั้งโลก!

[affegg id=3577]

องค์ประกอบของการทำงานเป็นทีม

เซเปียนส์ช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของจุดเริ่มต้นความร่วมมือกันของมนุษย์ทั้งหมดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เราเริ่มต้นผูกสัมพันธ์กันอย่างไร อะไรคือข้อได้เปรียบที่เรามีเหนือสัตว์ทุกชนิดบนโลก รวมทั้งขยายขอบเขตความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการทำงานเป็นทีม ผ่านข้อพิสูจน์ทางประวัติศาสตร์อย่างชัดเจน ดังนั้น “หนึ่งคนหัวหาย สองคนเพื่อนตาย” คงเป็นสุภาษิตที่ไม่ได้เกินจริงไปเท่าใดนัก

Inspire Now ! : แม้การ ทำงานเป็นทีม อาจเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับใครหลายๆ คน แต่โปรดอย่าลืมว่าเราทำสิ่งยิ่งใหญ่ได้เพราะรู้จักร่วมมือกัน มนุษย์เป็นสัตว์สังคมโดยธรรมชาติ การรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา ลดอัตตาของตัวเองลง พูดคุยทำความเข้าใจกันจะสามารถพาทีมฝ่าฟันปัญหาต่างๆ ไปได้ เพื่อนๆ คิดแบบเดียวกันไหมคะ ?

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมกันบ้างไหมคะ ? ใครเคยมีประสบการณ์การทำงานเป็นทีมทั้งดีและแย่ แล้วคุณแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร มาบอกเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันนะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : The Secret Sauce ถอดรหัส Sapiens ประวัติย่อมนุษยชาติ

Facebook Comments

หนอนหนังสือตัวน้อยๆ ที่ชอบหมกตัวอยู่กับป่ากระดาษมากกว่าไปเจอป่าจริงๆ หลงรักนิยายแฟนตาซีตั้งแต่ ป.3 ช่างฝัน และเป็นนักเลี้ยงแมวมืออาชีพ