ขั้นตอนการลงสกินแคร์ที่ถูกต้องเป็นยังไง ? พร้อมวิธีการเลือกประเภทสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิว

ขั้นตอนการลงสกินแคร์ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็มีลำดับขั้นตอนที่จะส่งเสริมให้สารออกฤทธิ์ในครีมแต่ละตัวทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ  ต่อไปนี้คือขั้นตอนการลงสกินแคร์ที่ถูกต้องพร้อมกับทริคเล็กๆในการเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิวค่ะ

ขั้นตอนการลงสกินแคร์ 9 Step เพื่อผิวสวย

Image Credit : cosmopolitan.com

ขั้นตอนที่ 1 : ล้างหน้า

วิธีลงสกินแคร์ แน่นอนว่าก่อนอื่นหน้าต้องสะอาด ปราศจากความมันและสิ่งสกปรก การล้างหน้าให้ถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ อยาลืมที่จะทำทั้งสองขั้นตอน คือหนึ่งการจัดการกับเมคอัพให้หมดจด และสองการล้างหน้าอย่างสะอาดแต่นุ่มนวลนะคะ

ขั้นตอนที่ 2 : โทนเนอร์

สมัยก่อนๆ โทนเนอร์ประกอบด้วยส่วนผสมแอลกอฮอล์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง และทิ้งความแห้งกร้านบนผิว แต่ทุกวันนี้โทนเนอร์ถูกพัฒนาให้อ่อนโยน มีทั้งสารให้ความชุ่มชื้นผิวและส่วนผสมในการผลัดเซลล์ผิวเพื่อรักษาสิว  จึงไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์เพื่อให้ดูมาก ดูเยอะเฉยๆ แต่เป็นขั้นตอนการลงสกินแคร์สำคัญที่จะเตรียมผิวเพื่อให้ครีมอื่นๆ ดูดซึมได้ดียิ่งขึ้น

หากเป็นสิวให้ใช้โทนเนอร์ที่ประกอบไปด้วยทั้ง  BHA (กรดเบต้าไฮดรอกซี เช่น กรดซาลิไซลิก) หรือ AHA (กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี เช่น กรดไกลโคลิก หรือกรดแลคติก) ซึ่งทำงานเพื่อปลดล็อกรูขุมขน ป้องกันการเกิดสิวอักเสบ และเร่งการหลุดของสิวหัวดำทุกคืน (หรือทุกเช้า หากวางแผนที่จะใช้เรตินอลในตอนกลางคืน) หลังจากทำความสะอาดผิว แล้วลงโทนเนอร์โดยการแท็ปลงบนผิวที่สะอาดและแห้งจากนั้นรอห้านาที แล้วจึงทาครีมตัวต่อไป เพื่อที่จะได้ไม่ไปเปลี่ยนกรดให้เป็นกลางโดยไม่ตั้งใจ ก่อนที่กรดจะออกฤทธิ์ค่ะ

หากมีผิวประเภทอื่นๆ ให้เลือกโทนเนอร์ให้ความชุ่มชื้น ซึ่งจะช่วยคืนความฉ่ำและเติมน้ำให้ชั้นเคลือบผิวแท็ปโทนเนอร์บนผิวที่สะอาดและแห้งทุกเช้าหรือทุกคืน  หรือทั้งสองอย่าง ไม่มีคำว่ามากไปสำหรับความชุ่มชื้นสำหรับทุกสภาพผิว ทั้งยังเป็นวิธีแก้หน้ามัน รูขุมขนกว้างอีกด้วย ความชุ่มชื้นจะทำให้ผิวสุขภาพดี อย่ารีรอที่จะทำตาม ขั้นตอนการลงสกินแคร์นี้นะคะ

• Inspire แนะนำ ! : DERMA SKIN Onsen-Sui Prebiotic Cleanser

ขอแนะนำ ! โฟมทำความสะอาดผิวหน้าที่มีเนื้อโฟมละเอียดเนียนนุ่ม ทำความสะอาดสิ่งสกปรก และล้างเครื่องสำอางบนผิวหน้าได้อย่างหมดจด พร้อมบำรุงผิวหน้าในหลอดเดียว เหมาะกับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผู้มีปัญหาสิว ผิวมัน เพราะนอกจากจะขจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้าแล้วยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าด้วยส่วนผสมสำคัญอย่างน้ำแร่ออนเซน ปราศจากสี ปราศจากแอลกอฮอล์ คืนความสดใสเปล่งปลั่ง ให้ผิวเรียบเนียน กระชับ ลดปัญหาผิวหมองคล้ำเมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง

ราคา : 1 หลอด 100 กรัม 690 บาท (กรอกโค้ด HNBBDIY เพื่อรับราคาพิเศษ 390 บาท)

ช้อปออนไลน์เพื่อรับราคาพิเศษคลิกที่ : Shopee

[affegg id=1506]

Image Credit : skincare.com

ขั้นตอนที่ 3 : เซรั่ม

เซรั่มเป็นสารอาหารผิวที่มีความเข้มข้นสูง มีทั้งส่วนผสมของวิตามิน ตัวเติมน้ำ และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติทำให้สุขภาพผิวดีขึ้นทันทีที่ทาเลยทีเดียว ตอนเช้าให้เสริมผิวสวยด้วยวิตามินซีเซรั่ม ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวจากการอักเสบและความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระในระหว่างวันพร้อมทั้งยังทำให้ผิวสว่างขึ้น  ลบเลือนจุดด่างดำให้จางลง แต่ข้อเสียคือค่อนข้างระคายเคืองง่าย ดังนั้นถ้าหากเป็นคนผิวแห้งควรใช้วันเว้นวัน

ตอนกลางคืนให้เลือกใช้เซรั่มที่มีกรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งจะช่วยอุ้มน้ำให้เซลล์ ทำให้ผิวฉ่ำและให้ความชุ่มชื้นขณะหลับ หากกำลังใช้ทรีทเม้นต์รักษาสิวหรือผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยซึ่งอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ก็ยิ่งต้องการเตรียมผิวให้มีความชุ่มชื้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้  จึงไม่ควรข้ามขั้นตอนการลงสกินแคร์นี้เด็ดขาด

ขั้นตอนที่ 4 : ครีมบำรุงรอบดวงตา

ครีมบำรุงรอบดวงตามีน้ำหนักเบาและบางกว่าครีมบำรุงผิวหน้าดังนั้นควรที่จะทาก่อนครีมที่เข้มข้นอื่นๆ จำกฎการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ใช่ไหมคะ ที่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เบาที่สุดไปหาหนักที่สุด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่บางกว่าไม่สามารถซึมผ่านผลิตภัณฑ์ที่หนากว่าได้ ตอนเช้าให้ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีลูกกลิ้ง (ถ้าเป็นลูกเหล็กจะช่วยให้มีการกักเก็บของเหลวในเซลล์ดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเก็บไว้ในตู้เย็นระหว่างใช้งาน)เลือกสูตรที่มีคาเฟอีน ช่วยกระตุ้นผิวให้หดตัว ทำให้ลดบวมใต้ตา ผิวกระชับขึ้นภายใน 20 นาที

ตอนกลางคืน คนส่วนใหญ่คิดว่าครีมบำรุงรอบดวงตาตอนกลางคืนควรต้องมีเรตินอลเพื่อช่วยลดริ้วรอย แต่ในความเป็นจริงแล้วบริเวณรอบดวงตาค่อนข้างบอบบางและมีความเสี่ยงต่อการเกิดผื่นแดงและการระคายเคืองง่าย ดังนั้นจึงต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่นุ่มนวลมากๆ การใช้ครีมทารอบดวงตาที่ให้ความชุ่มชื่นซึ่งจะช่วยปกป้องใต้ตาและซ่อมแซมผิวในชั่วข้ามคืนเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าแต่ทางที่ดีควรใช้เรตินอลกับใบหน้าทั้งหมดแทนที่จะใช้เฉพาะจุดนะคะ

Image Credit : skincare.com

ขั้นตอนที่ 5 : การรักษาเฉพาะจุด

ตามหลักการไม่ว่าจะเป็นยาทาเฉพาะจุด สำหรับสิว แผลเป็น หรือจุดด่างดำ ควรใช้ในเวลากลางคืน เพราะเป็นเวลาแห่งเพื่อซ่อมแซมตัวเอง แต่ถ้ากำลังใช้โทนเนอร์สำหรับสิวหรือใช้เรตินอลอยู่ อาจเปลี่ยนมาเป็นตอนเช้า เพื่อลดการระคายเคืองผิว ให้ทาก่อนทาครีมบำรุงผิว เพื่อให้ประสิทธิภาพในการซึมซาบได้เต็มที่ ใช้ตบเบาๆ บางๆ บนจุดที่ต้องการ ทิ้งไว้อย่างน้อยหนึ่งนาทีรอให้แห้ง ทามอยเจอร์ไรเซอร์รอบจุดก่อน โดยแตะมอยเจอร์ไรเซอร์หลายๆ ชั้นเหนือจุด เพื่อประทับไม่ให้ยาที่ทาไว้โดนเกลี่ยออกไปโดนไม่ตั้งใจ

[affegg id=1507]

ขั้นตอนที่ 6 : มอยซ์เจอร์ไรเซอร์

ใช้ครีมบำรุงผิวเสมอ ไม่ว่าจะมีผิวแบบไหน ครีมบำรุงผิวไม่เพียงแต่เติมความชุ่มชื้นให้ผิว แต่ยังช่วยให้ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่ทาไปมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ตอนเช้าให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบาอ่อนโยนและมีไฮยาลูโรนิคซึ่งจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นโดยไม่รู้สึกหนักหรือมัน ถ้าไม่ได้วางแผนที่จะใช้ครีมกันแดดแยกต่างหาก  ควรเลือกสูตรที่มีสารกันแดดอย่างน้อย SPF 30 โดยทาแล้วปล่อยไว้อย่างน้อยห้านาทีก่อนแต่งหน้า

ตอนกลางคืน เป็นเวลาที่ผิวจะเข้าสู่โหมดการซ่อมแซมในเวลากลางคืน เพื่อแก้ไขความเสียหายและเพิ่มการฟื้นฟูมอยเจอร์ไรเซอร์ในเวลากลางคืนจึงควรเติมเต็มทุกสิ่งที่ร่างกายผลิตขึ้นตามธรรมชาติเพื่อร่างกายจะได้มีใช้ให้พอ เช่น กรดไฮยาลูโรนิก ไขมันและโปรตีน  นอกจากนี้ยังสามารถใช้ ครีมกลางคืนต่อต้านริ้วรอย ซึ่งมีเรตินอยด์ในรูปที่อ่อนโยนแม้ผิวที่บอบบาง

• Inspire แนะนำ ! : DERMA SKIN Super Serum 3 in 1

ขอแนะนำ ! ซีรั่มบำรุงผิวสูตรเข้มข้น เนื้อบางเบาที่ช่วยดูแลปัญหาผิว 3 ชนิด เอาไว้ในหนึ่งเดียว (Anti-Aging, Moisturizing, Whitening) ผสานคุณค่า Galactomyces, Skin Barrier Enhancer และ สารสกัดจากข้าว 3 สี ช่วยให้ผิวอิ่มฟู ริ้วรอยที่มีแลดูจางลง พร้อมด้วยสารให้ความสดชื่นอย่างน้ำแร่ ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับใบหน้า อีกทั้งสารสกัดอัลฟ่า อาร์บูติน ยังช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งรอยสิว รอยดำ รอยแดง จะแลดูจางลงเมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง คืนความสดใส เปล่งประกายให้กับผิวของคุณอีกครั้ง

ราคา : 1 ขวด 30 ml. 1,290 บาท (กรอกโค้ด HNBBDIY เพื่อรับราคาพิเศษ 750 บาท)

ช้อปออนไลน์เพื่อรับราคาพิเศษคลิกที่ : Shopee

ขั้นตอนที่ 7 : เรตินอล

เรตินอล ช่วยเร่งการหมุนเวียนของเซลล์ทำให้ผิวเรียบเนียนและลดรอยเหี่ยวย่น  เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจะเห็นผลลัพธ์ภายใน 4-6 เดือน ถึงแม้จะใช้เวลากว่าครึ่งปีที่จะเห็นรอยย่นเรียบเนียนขึ้นแต่ทุกครั้งที่ทาก่อให้เกิดการผลิตคอลลาเจนและการผลัดเซลล์ จึงมีฤทธิ์ในการลบเลือนจุดด่างดำ รอยแผลเป็นเรียบขึ้น รูขุมขนเล็กลง ป้องกันการเกิดสิวและผิวขาวขึ้น

วิธีใช้งาน :

การเริ่มใช้ให้ค่อยๆ ปรับเริ่มช้าๆ เพื่อการปรับตัวโดยให้ใช้ขนาดเท่าเม็ดถั่วทาให้ทั่วหน้า เริ่มจากหนึ่งคืนต่อสัปดาห์เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ จากนั้นสองคืนต่อสัปดาห์เป็นเวลาสองสัปดาห์ จากนั้นสามคืนต่อสัปดาห์เป็นเวลาสามสัปดาห์  หลังจากนั้นค่อยทาทุกคืน

ข้ามขั้นตอนการลงสกินแคร์นี้ได้เลย ถ้ากำลังใช้ไนท์ครีมที่มีเรตินอยด์ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นสองเท่าไม่ทำให้ประสิทธิผลการต่อต้านริ้วรอยเพิ่มขึ้นแต่จะทำให้เกิดการระคายเคืองและผลข้างเคียงที่มากขึ้น และถ้าผิวแพ้ง่ายเป็นพิเศษให้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์สองชั้นคือก่อนและหลังการใช้เรติน ทิ้งให้แห้งรอบละ 10 นาทีเพื่อลดการระคายเคือง โดยไม่ไปเจือจางสารออกฤทธิ์ในการรักษา

[affegg id=1508]

ขั้นตอนที่ 8 : ออยล์

ออยล์ไม่ได้ให้เป็นตัวหลักในการให้ความชุ่มชื้นแต่เมื่อทาทับผลิตภัณฑ์อื่นๆ จะช่วยปิดผนึกส่วนผสมและความชุ่มชื้นทั้งหมดที่ทาลงไปเพื่อไม่ให้ระเหยออกและยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของครีมให้ทำงานได้เต็มที่ ขณะเดียวกันก็ทำให้ผิวเนียนนุ่มด้วย

ขั้นตอนที่ 9 : ครีมกันแดด

ครีมกันแดดเป็นขั้นตอนสุดท้ายในทุกๆ เช้าเพื่อปกป้องใบหหน้าเสมือนเกราะป้องกันผิวจากโลกภายนอก SPF ควรไม่ต่ำกว่า SPF 30 ถึงจะมี  SPF 15 ในรองพื้นหรือมอยเจอร์ไรเซอร์แล้วก็ยังจำเป็นต้องใช้กันแดดกันนะคะ

Image Credit : peachandlily.com

DIY INSPIRE NOW ให้ไอเดียทำให้ฉันสวยขึ้นจริงมากน้อยแค่ไหน ? ต้องลองพิสูจน์แล้วมาคอมเมนต์บอกกันบ้างนะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลจาก : cosmopolitan.com