คริสต์มาส เกิดขึ้นที่ไหน ? คริสต์มาสอีฟ คืออะไร ? มารู้จักคริสต์มาสให้สนุกกว่าเดิมกัน !

เข้าสู่เดือนธันวาคมกันแล้ว เชื่อว่าเทศกาลวันสำคัญที่หลายๆ คนต่างรอคอยก็ต้องเป็นวันคริสต์มาสอย่างแน่นอน วันคริสต์มาสนั้น เรียกได้ว่าเป็นวันแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองเลยก็ว่าได้ เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งในทางศาสนาคริสต์ ทั้งยังเป็นวันครอบครัวของหลายๆ คน เพราะคนที่ให้ความสำคัญกับวันคริสต์มาสนั้นก็จะเชิญสมาชิกในครอบครัวมากินข้าว – แลกของขวัญกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่เคยสงสัยมั้ยคะว่า คริสต์มาส เกิดขึ้นที่ไหน ? มีความเป็นมาอย่างไร มีการเฉลิมฉลองเทศกาลนี้มาเป็นเวลากี่ปีแล้ว วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกันค่ะ

คริสต์มาส เกิดขึ้นที่ไหน มีความเป็นมาอย่างไร ? มารู้จักให้มากขึ้นกันเลย !

ถ้าพูดถึงวันคริสต์มาส เชื่อว่าหลายๆ คนจะนึกถึงของขวัญ การเฉลิมฉลอง การประดับตกแต่งต้นสน หรือการตกแต่งอาคารสถานที่ ตกแต่งบ้านคริสต์มาส รวมถึงซานตาคลอส กวางเรนเดียร์ สีเขียวแดง และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ทราบมั้ยคะว่า จริงๆ แล้วนั้น คริสต์มาส เกิดขึ้นที่ไหน มีความเป็นมาอย่างไร ? ทั้งนี้ คำว่า “Christmas” หมายถึง พิธีมิสซาของพระเยซูคริสต์ หรือเป็นวันคล้ายวันประสูติขององค์พระเยซู ศาสดาของศาสนาคริสต์นั่นเองค่ะ ถือเป็นวันหยุดทางศาสนาและวัฒนธรรม วันคริสต์มาสเป็นวันหยุดราชการในหลายๆ ประเทศทั่วโลก เนื่องจากชาวคริสต์ถือว่า พระเยซูมิได้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาๆ ที่มาเกิดเหมือนเด็กทารกทั่วๆ ไป แต่เป็นบุตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าสูงสุด เสด็จมาบังเกิดยังโลกเพื่อเป็นการไถ่บาปให้มนุษย์เรา ต้นกำเนิดคริสต์มาส เกิดขึ้นที่ไหน มาดูกันต่อเลยค่ะ

เปิดประวัติพระเยซูคริสต์ จุดเริ่มต้นของวันคริสต์มาส

นานมาแล้วมีหญิงคนหนึ่งชื่อว่ามารีย์ และชายคนหนึ่งนามว่าโยเซฟกำลังจะแต่งงานกัน มารีย์กับโยเซฟเป็นคนดี ประพฤติตนดี วันหนึ่ง มีทูตสวรรค์มาหามารีย์และบอกว่าเธอจะตั้งครรภ์โดยที่ยังเป็นหญิงสาวพรหมจรรย์ ทูตสวรรค์บอกกับมารีย์ว่าให้ตั้งชื่อบุตรของตนว่า “เยซู” บุตรคนนี้คือบุตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ช่วยให้รอด ในเวลาต่อมา มารีย์ก็ตั้งครรภ์จริงๆ และในยุคนั้น จักรพรรดิออกัสตัส รับสั่งให้ราษฎรทุกคนในอาณาจักรโรมันไปลงทะเบียนสำมะโนประชากร โยเซฟและมารีย์ซึ่งกำลังท้องแก่ต้องเดินทางไปยังเมืองเบธเลเฮม (เมืองในปาเลสไตน์) ซึ่งเป็นเวลากำหนดคลอดพอดี ในวันที่คลอดบุตรนั้น ไม่มีโรงแรมแห่งไหนว่างเลย ในคืนนั้นมารีย์และโยเซฟจึงต้องนอนพักค้างคืนในคอกสัตว์ เธอคลอดบุตรชายในที่สุด มารีย์ได้เอาผ้าพันกายพระกุมารไว้ แล้ววางไว้ในรางหญ้า จึงเป็นที่มาของตำนานว่า พระเยซูนอนอยู่ในรางหญ้านั่นเองค่ะ

และในคืนนั้น ทูตสวรรค์ก็ปรากฏกายให้คนเลี้ยงแกะเห็น ทูตสวรรค์ส่งข่าวบอกกับคนเลี้ยงแกะว่าพระผู้ช่วยให้รอดประสูติแล้ว พวกคนเลี้ยงแกะจึงไปหาพระกุมารเยซูและนมัสการพระองค์ ในขณะเดียวกัน ไกลออกไป นักปราชญ์ที่กำลังร่อนเร่เดินทางอยู่มองเห็นดาวดวงใหม่ พวกเขารู้ว่านั่นเป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่าพระผู้ช่วยให้รอดประสูติแล้ว เหล่านักปราชญ์เดินตามดาวดวงนั้นไปจนพบพระเยซู จากนั้นจึงถวายของขวัญและนมัสการพระองค์ เป็นที่มาของประวัติการประสูติของพระเยซู และถ้าถามว่าคริสต์มาส เกิดขึ้นที่ไหน ก็มีต้นกำเนิดมาจากการประสูติขององค์พระเยซูนั่นเองค่ะ

ทำไมถึงต้องเป็นวันที่ 25 ธันวาคม ?

บางคนอาจจะสงสัยว่าจุดเริ่มต้นการฉลองคริสต์มาส เกิดขึ้นที่ไหน ทำไมถึงต้องเป็นวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี หากอิงตามพระคัมภีร์แล้ว ก็ไม่ได้มีการระบุไว้ว่าพระเยซูคริสต์ประสูติวันใด เดือนอะไร แต่นักประวัติศาสตร์ได้อธิบายเอาไว้ว่า สาเหตุที่คริสตชนเลือกเอาวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส ตั้งแต่ราวๆ ศตวรรษที่ 4 เป็นต้นมา ก็เพราะว่าในปี ค.ศ. 274 จักรพรรดิออเรเลียน (จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันตกช่วงปี ค.ศ. 270 – 275 ) ได้กำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพผู้ทรงพลัง ชาวโรมันฉลองวันนี้อย่างยิ่งใหญ่และถือเสมือนว่าเป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย ทั้งนี้ คริสตชนที่อยู่ในจักรวรรดิโรมันก็รู้สึกอึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพตามประเพณีของชาวโรมัน จึงหันมาฉลองการบังเกิดขององค์พระเยซูเจ้าแทน จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 330 จึงเริ่มมีการฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการ และฉลองกันอย่างเปิดเผยมากขึ้น และกลายมาเป็นวันเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสมาจนถึงปัจจุบันค่ะ

คริสต์มาสอีฟ คืออะไร ทำไมถึงต้องมีวันนี้ ?

นอกจากวันคริสต์มาส ซึ่งก็คือวันที่ 25 ธันวาคมแล้ว ยังมีอีกวันหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ วันคริสต์มาสอีฟนั่นเองค่ะ วันคริสต์มาสอีฟ คืออะไร ? วันคริสต์มาสอีฟ (Christmas Eve) ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งทางฝั่งตะวันตก รวมถึงผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ วันคริสต์มาสอีฟเป็นวันเฉลิมฉลองการเฝ้ารอการประสูติขององค์พระเยซู อันเป็นความเชื่อดั้งเดิมของชาวยิวที่เชื่อกันว่า เป็นวันที่พระเจ้าสร้างโลก สร้างกลางวันและกลางคืน จึงกลายมาเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองการเฝ้ารอนั่นเองค่ะ วันคริสต์มาสอีฟจะตรงกับวันที่ 24 ธันวาคมของทุกปี โดยจะมีกิจกรรมสำคัญคือ

• การไปอธิษฐานสวดภาวนาที่โบสถ์
• การมอบของขวัญ แจกอาหารให้แก่ผู้มาโบสถ์ และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าภายในโบสถ์
• การตีระฆังโบสถ์ในช่วงเย็น เพื่อเป็นการส่งสัญญาณแห่งการเฉลิมฉลอง 
• การร้องเพลงคริสต์มาสเฉลิมฉลองตามบ้านต่างๆ 
• การกินข้าวร่วมกันภายในครอบครัวด้วยการทำเมนูคริสต์มาส เป็นอาหารมื้อพิเศษเพื่อการเฉลิมฉลอง
• การเล่นเกม เล่นบอร์ดเกม หรือชมภาพยนตร์เรื่องโปรดร่วมกันภายในครอบครัว 
• ในช่วงกลางคืน เด็กๆ จะนำถุงเท้าคริสต์มาสไปแขวนไว้บริเวณเตาผิง พร้อมทั้งเตรียมนมและคุ้กกี้ ไว้ให้ซานตาคลอส และแครอทสำหรับกวางเรนเดียร์ เพราะเชื่อว่าซานตาคลอสจะนำของขวัญมาใส่ในถุงเท้าในคืนคริสต์มาสอีฟนั่นเอง คริสต์มาสอีฟ คือวันแห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง และการใช้เวลาอยู่กับคนในครอบครัวเลยก็ว่าได้ค่ะ

กิจกรรมวันคริสต์มาส มีอะไรบ้าง

ตอนนี้ก็ได้ทราบกันแล้วว่า คริสต์มาส เกิดขึ้นที่ไหน มีความเป็นมาอย่างไรและมีความสำคัญอย่างไร เรามาดูกันดีกว่าว่า กิจกรรมในวันคริสต์มาสหรือในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เค้าทำอะไรกันบ้าง จะได้อินกับเทศกาลกันให้มากขึ้นนะคะ

• เดินตลาดคริสต์มาส : หรือ Christmas Market ในช่วงเดือนธันวาคมนั้น หลายๆ พื้นที่ในยุโรปจะมีงานแฟร์ที่เรียกว่า ตลาดคริสต์มาสหรือ Christmas Market  ขายทั้งของกิน ของใช้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นงานคราฟต์ งานฝีมือ หรือของกินท้องถิ่น เป็นที่ชื่นชอบทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวมากๆ ค่ะ 
• มอบของขวัญให้กันและกัน : ในวันคริสต์มาส เป็นวันหยุดราชการในหลายๆ ประเทศ บางคนก็อาจจะเดินทางไปเยี่ยมญาติ และมอบของขวัญให้กับสมาชิกครอบครัวแต่ละคน
• ทำอาหาร / อบขนมร่วมกัน : เป็นกิจกรรมที่ทำได้ทั้งครอบครัว อาจจะเป็นการทำอาหารเพื่อรับประทานกันในบ้าน หรืออบเค้ก คุ้กกี้ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับเพื่อนบ้าน เป็นต้น
• เล่นดนตรี : หากสมาชิกในบ้านสามารถร้องเพลงและเล่นดนตรีได้ กิจกรรมวันคริสต์มาสภายในบ้านก็จะมีการร้องเพลง / เล่นดนตรีเพลงคริสต์มาสเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองกันค่ะ 
• เล่นเกมสนุกๆ ในครอบครัว : เนื่องจากวันคริสต์มาสเป็นวันรวมสมาชิกครอบครัว มีการกินข้าวร่วมกัน ร้องเพลง เล่นดนตรี รวมถึงการเล่นเกมสนุกๆ ในบ้านด้วย ไม่ว่าจะเป็นบอร์ดเกม เกมปาร์ตี้ เกมล่าสมบัติในบ้าน เป็นต้น เป็นการใช้เวลาร่วมกับสมาชิกใครครอบครัวนั่นเองค่ะ 
• การถ่ายรูปร่วมกัน : เรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมในวันคริสต์มาสเลยก็ว่าได้ ที่จะต้องมีการถ่ายรูปครอบครัวในวันคริสต์มาส เพราะเป็นวันที่สมาชิกภายในครอบครัวอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา มีความสุขร่วมกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากๆ สำหรับการถ่ายรูปโมเมนต์แห่งความสุขเหล่านี้เก็บเอาไว้ค่ะ 
• การแบ่งปันสิ่งของให้กับผู้อื่น : เทศกาลคริสต์มาส – ปีใหม่ เป็นเทศกาลแห่งการให้และการแบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่น ในประเทศทางฝั่งตะวันตกนั้นมีการเฉลิมฉลองกันอย่างจริงจัง และมักจะมีการจัดกิจกรรมการกุศลเช่นการแจกอาหารและการแบ่งปันสิ่งของให้กับคนไร้บ้าน หรือการจัดซุ้มที่ให้ผู้คนมาเอาอาหาร – เครื่องดื่มอุ่นๆ ได้ฟรี ถือเป็นความสุขทางใจของผู้ให้ และเป็นการส่งต่อความสุขให้กับผู้รับนั่นเองค่ะ

ชวนดูประเทศที่มีการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสอย่างยิ่งใหญ่

1. ประเทศอังกฤษ

ประเทศอังกฤษนั้น มีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับศาสนาคริสต์มาอย่างยาวนาน โบสถ์ที่มีความสวยงามหลายๆ แห่งก็มีความเชื่อมโยงกับคริสตศาสนา จึงเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสเป็นอย่างยิ่ง มีการจัดห้างร้านอย่างสวยงาม ประดับประดาไฟตามสถานที่ต่างๆ ที่สำคัญคือ เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับประเพณีการทำอาหารมื้อพิเศษในวันคริสต์มาสมากๆ โดยจะต้องมีไก่งวงอบแทบทุกบ้านในวันคริสต์มาสเลยค่ะ

2. ประเทศฟินแลนด์

ประเทศฟินแลนด์ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับเทศกาลคริสต์มาสเพราะเป็นประเทศที่มีความเชื่อกันว่ามีหมู่บ้านซานตาคลอสอยู่ที่เมือง Rovaniemi ในแลปแลนด์ ซึ่งเชื่อกันว่ามีซานตาคลอสตัวจริงอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนั้น จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ประกอบกับความสวยงามของตัวหมู่บ้านพร้อมอากาศที่หนาวเย็นและหิมะตก ทำให้เป็นประเทศที่มีบรรยากาศงดงามในช่วงคริสต์มาส ราวกับมีมนตร์ขลังเลยทีเดียวค่ะ

3. เยอรมนี

เมืองนูเรมเบิร์กในเยอรมนี ถือเป็นเมืองที่มีการจัดเทศกาลคริสต์มาสอย่างอลังการเป็นอันดับ 1 ในเยอรมนี และจะมีตลาดคริสต์มาสอย่างยิ่งใหญ่ บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นซินนามอน เหล้าองุ่น อัลมอนด์คั่ว และไส้กรอกสูตรเฉพาะของนูเรมเบิร์ก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนจะได้จับจ่ายซื้อของเพื่อการเฉลิมฉลอง และเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้รู้จัก ถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปในตัวค่ะ

4. ฝรั่งเศส

เมือง Colmar ประเทศฝรั่งเศสนั้น เป็นเมืองในแคว้น Alsace ได้รับฉายาว่า Little Venice ซึ่งมีสถาปัตยกรรมของเมืองที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์มากๆ ให้บรรยากาศราวกับว่าเป็นเมืองในดินแดนแห่งเทพนิยาย และในช่วงคริสต์มาสนั้น ทั้งเมืองก็จะพร้อมใจกันตกแต่งอาคารสถานที่ในตีมคริสต์มาสที่ขอบอกเลยว่าสวยงามน่ารักมากๆ เพื่อดึงดูดในนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมเมืองนี้ มีการประดับไฟตกแต่งตามต้นไม้และสะพาน ร้านค้าในเมืองก็จะพากันนำเสนอผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่น เช่น ขนมปังขิงรูปทรงน่ารักๆ เหล้าพื้นเมือง ขนมหวานและลูกอมต่างๆ และอีกมากมาย ถ้าอยากจะไปสัมผัสบรรยากาศคริสต์มาสในยุโรปละก็ ขอบอกว่าเมืองนี้เป็นหมุดหมายที่ต้องไปให้ได้สักครั้งเลยค่ะ

Inspire Now ! : การที่ได้รู้ว่า คริสต์มาส เกิดขึ้นที่ไหน มีประวัติและความเป็นมาอย่างไร ก็จะทำให้เราอินกับเทศกาลได้มากขึ้น สำหรับชาวคริสตชนแล้ว เทศกาลคริสต์มาสถือเป็นเทศกาลแห่งการให้และเป็นเทศกาลแห่งความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักที่มีต่อสมาชิกในครอบครัว เพื่อน เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะชาวคริสต์ถือว่า เป็นเพราะพระเจ้ารักมนุษย์ จึงส่งบุตรชายองค์เดียวของพระองค์มาประสูติบนโลกเพื่อช่วยเหลือและไถ่บาปให้กับมนุษย์ทุกคน ภายใต้การเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในเทศกาลนี้ คือการให้มนุษย์เราส่งมอบความรักและความสุขให้กันและกัน เพื่อระลึกถึงความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้าและการมาประสูติของพระเยซู พร้อมส่งต่อความรักให้กับคนอื่นๆ สำหรับชาวศาสนาคริสต์นั่นเองค่ะ

DIY INSPIRE NOW คือแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? ชอบอะไรเกี่ยวกับวันคริสต์มาสเป็นพิเศษ มาคอมเมนต์บอกเราได้นะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับเทศกาลนี้ค่ะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : churchofjesuschrist.org, brightlinestranslation.com, goodhousekeeping.com, britannica.com

Featured Image Credit : freepik.com