รวม 10 แบรนด์ สกินแคร์ ญี่ปุ่น ผิวสวยง่ายๆ แบบสาวญี่ปุ่น

สาวๆ กับความสวยงามนั้นเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้ความสำคัญกับการบำรุงผิวด้วยการใช้สกินแคร์แบบต่างๆ และถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวหน้าของเราดูสวยใสสุขภาพดีแล้ว คงหนีไม่พ้น สกินแคร์ ญี่ปุ่น เพราะสาวๆ ญี่ปุ่นนั้นล้วนมีผิวหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยกันแทบทั้งสิ้น แบรนด์สกินแคร์จากญี่ปุ่นก็มีให้เลือกมากมาย จะมีแบรนด์ไหนที่น่าสนใจ มีผลิตภัณฑ์ดีๆ ตัวไหนที่ควรใช้บ้าง เรามีมาแนะนำถึง 10 แบรนด์ด้วยกันค่ะ

บอกต่อ สกินแคร์ ญี่ปุ่น จัดเต็ม 10 แบรนด์ ผิวสวยใสสุขภาพดีตามแบบฉบับสาวญี่ปุ่น

ผลิตภัณฑ์ความงามจากประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางหรือสกินแคร์นั้น เป็นที่นิยมในบ้านเรามานาน ถ้าใครมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นก็คงไม่พลาดที่จะซื้อสกินแคร์ดีๆ ติดไม้ติดมือกันมาบ้าง เพราะผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากญี่ปุ่นนั้น ขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพดีแล้วก็เป็นที่นิยมมากๆ เลยทีเดียว แต่ถ้าใครอยากมีผิวสวยใสแบบชาวญี่ปุ่นก็ไม่ต้องบินไปถึงดินแดนอาทิตย์อุทัย ในประเทศไทยเองก็มีสกินแคร์ ญี่ปุ่นคุณภาพดีวางจำหน่ายอยู่ไม่น้อย และบางแบรนด์ก็วางขายทางช่องทางออนไลน์แบบ official สามารถเลือกช็อปได้แบบสะดวกมากๆ เลยค่ะ จะมีแบรนด์ไหนที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย

1. SK-II

ถ้าพูดถึงสกินแคร์ ญี่ปุ่นที่เป็นตำนานแล้วก็คงอยู่มานาน การันตีว่าคุณภาพดีระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ ก็ต้อง SK-II เลยค่ะ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่ออยู่หลายตัวด้วยกัน โดยเฉพาะน้ำตบยี่ห้อไหนดี อย่างน้ำตบพิเทร่าที่ขายดีตลอดกาล เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบน้ำตบเลยทีเดียว ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ปรับสมดุลให้ผิว ช่วยลดความมันส่วนเกิน ปราศจากแอลกอฮอล์ ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอม นอกจากน้ำตบตัวดังก็ยังมีมอยเจอร์ไรเซอร์ มีมาส์ก อายครีม เอสเซนส์ คลีนเซอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย

ไอเทมแนะนำ : Facial Treatment Essence PITERA

ราคาโดยประมาณ : 899 – 929 บาท (30 ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

2. KOSE

แบรนด์ KOSE ก็เป็นแบรนด์สกินแคร์ญี่ปุ่นที่โด่งดังเช่นกัน มีจุดเด่นคือ แพกเกจสีน้ำเงินเข้ม เป็นสกินแคร์ที่มีชื่อเสียงมานาน เพราะฉะนั้นไว้ใจในเรื่องของคุณภาพได้ ผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อก็เป็นน้ำตบอีกเช่นเดียวกัน ชื่อว่า Kose Sekkisei Lotion มีคุณสมบัติช่วยในเรื่องความขาวกระจ่างใส อุดมไปด้วยสารสกัดจากโสมและพืชพันธุ์ตะวันออกที่เป็นสูตรลับลิขสิทธิ์ของทางแบรนด์โดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น มาส์ก เซรั่ม และโฟมล้างหน้า เป็นต้น

ไอเทมแนะนำ : Kose Sekkisei Lotion

ราคาโดยประมาณ : 1,289 – 1,299 บาท (200 ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

3. DHC

ถ้าพูดถึงสกินแคร์ ญี่ปุ่น ที่มีความอ่อนโยนแล้วล่ะก็ ต้องแบรนด์ DHC เลยค่ะ เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น หาซื้อได้ไม่ยาก มาในคอนเซ็ปต์ “สินค้าคุณภาพสูงแต่ราคาไม่แพง” ไอเทมฮิตๆ ก็มีคลีนซิ่งออยล์ที่มีส่วนผสมหลักจากน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ล้างเครื่องลำอางได้หมดจด ลิปมันบำรุงริมฝีปากก็ใช้ดีเหมือนกัน นอกจากจะมีสกินแคร์แล้ว แบรนด์นี้ยังทำไลน์อาหารเสริมอีกด้วยนะคะ เรียกว่าสวยพร้อมทั้งภายนอกและภายในเลยทีเดียว

ไอเทมแนะนำ : DHC Deep Cleansing oil

ราคาโดยประมาณ : 743 – 805 บาท (200 ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

4. Hada Labo

ถ้าพูดถึงสกินแคร์ราคาย่อมเยาแต่คุณภาพดีจากญี่ปุ่น จะไม่พูดถึง Hada Lobo ก็คงไม่ได้ โดยเฉพาะน้ำตบตัวดังที่มีอยู่หลายสูตรด้วยกัน ครอบคลุมทุกสภาพปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมันเป็นสิว ต้องการความกระจ่างใส ช่วยเรื่องการชะลอวัย หรือจะเป็นสูตรพรีเมี่ยมสีทองที่ช่วยกู้ผิวหน้าของเราให้กลับมาอิ่มฟูดูสุขภาพดี จะใช้ตบๆ ที่ผิวหน้าก่อนบำรุงผิวขั้นต่อไป หรือจะเทใส่สำลีแล้วเอามามาส์กหน้าก็ได้เช่นกัน ใช้ได้แบบไม่ต้องกลัวเปลืองเลยค่ะ นอกจากน้ำตบก็ยังมีคลีนเซอร์ โฟมล่างหน้า มอยเจอร์ไรเซอร์ และอื่นๆ ให้ได้เลือก ถ้าใครยังไม่เคยใช้แบรนด์นี้ บอกเลยว่าพลาดค่ะ

ไอเทมแนะนำ : hada labo premium lotion สีทอง

ราคาโดยประมาณ : 459 – 499 บาท (170ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

5. ANESSA

ถ้าพูดถึงครีมกันแดดจากญี่ปุ่น เชื่อว่าแบรนด์ ANESSA จะต้องติดอันดับอย่างแน่นอน เป็นแบรนด์ครีมกันแดดยอดขายอันดับ 1จากญี่ปุ่น 21 ปีซ้อน คนที่เคยใช้รีวิวกันว่าเกลี่ยง่าย ซึมง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ ใช้ก่อนแต่งหน้าก็ไม่มีปัญหา เมคอัพไม่ไหล แล้วก็กันแดดได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ ยังฟื้นบำรุงผิวให้แลดูสุขภาพดีจากส่วนผสมของสกินแคร์ 50% ช่วยดูแลผิวจากการโดนทำลายโดยรังสี UV ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยอีกด้วย ซึ่งการทาครีมกันแดดนั้น เป็นสกินแคร์ รูทีนของชาวญี่ปุ่นที่ห้ามละเลยเด็ดขาดเลยค่ะ นอกจากครีมกันแดดแล้ว ทางแบรนด์ก็ออกไลน์เมคอัพมาด้วย เป็นคุชชั่นที่มี SPF สูงถึง 50 PA+++ แล้วก็เป็นไพรเมอร์และรองพื้นในตัวเดียว ใครสนใจก็ไปลองกันได้ค่ะ

ไอเทมแนะนำ : ANESSA Perfect UV Sunscreen Skincare Milk N SPF50

ราคาโดยประมาณ : 875 – 890 บาท (60 ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

6. Curel

มาดูในหมวดเวชสำอางกันบ้างค่ะ ซึ่งแบรนด์นี้ เป็นเวชสำอางสกินแคร์ ญี่ปุ่นอันดับ 1 เลยทีเดียว เน้นการพัฒนาสูตรจากสารประกอบของเซราไมด์ ซึ่งเป็นเคล็ดลับการบำรุงผิวของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 1993 ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้อ่อนโยนต่อผิวมากๆ ใครที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ก็สามารถใช้ได้ ทั้งยังบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก เน้นที่การกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟูนุ่มเนียน มีทั้งมอยเจอร์ไรเซอร์ คลีนเซอร์ ครีมกันแดด โลชั่น แฮนด์ครีม และอื่นๆ อีกมากมาย

ไอเทมแนะนำ : Curel Intensive Moisture Care Intensive Moisture Cream

ราคาโดยประมาณ : 800 – 950 บาท (40 g)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

7. MELANO

สกินแคร์ ญี่ปุ่น อีกหนึ่งแบรนด์ราคาเข้าถึงได้ง่าย มีขายทั่วไปตาม Drugstore ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีก็เป็นไลน์ Vit C ที่ช่วยในเรื่องความกระจ่างใส ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและความหมองคล้ำ ใครที่มีรอยดำรอยสิวเยอะๆ แนะนำเลยค่ะ มีทั้งน้ำตบวิตามินซี มอยเจอร์ไรเซอร์วิตามินซี เอสเซนส์ เจลครีม เป็นต้น ถ้าใครกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีแบบจัดเต็มก็ต้องแบรนด์นี้เลย

ไอเทมแนะนำ : Melano CC Vitamin C Brightening Essence

ราคาโดยประมาณ : 480 บาท (20 ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

8. d program

แบรนด์ d program อาจจะไม่ค่อยคุ้นตาเท่าไหร่ แต่แบรนด์นี้เป็นแบรนด์สกินแคร์จากญี่ปุ่นเพื่อดูแลผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ได้รับการพัฒนาและวิจัยเรื่องผิวที่แพ้ง่ายในห้องแลปของ Shisedo มามากกว่า 50 ปี ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวถูกพัฒนาให้ไม่ก่ออาการแพ้ มีความอ่อนโยนมากๆ ใครที่มีผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ ปราศจากสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองอย่างแอลกอฮอล์ พาราเบน น้ำหอม สารแต่งสี เป็นต้น ผลิตภัณฑ์เด่นๆ ก็จะเป็น d program lotion series โลชั่นน้ำตบที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวค่ะ

ไอเทมแนะนำ : d program Vital Act Lotion MB

ราคาโดยประมาณ : 950 บาท (125 ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

9. LuLuLun

มาดูในหมวดมาส์กหน้ากันบ้างค่ะ ถ้าเป็นในกลุ่มของแผ่นมาส์กหน้าญี่ปุ่น เชื่อว่าหลายคนจะต้องรู้จักแบรนด์ LuLuLun ซึ่งเค้าทำแผ่นมาส์กหน้าออกมาหลายสูตรมากๆ ตอบโจทย์ทุกการบำรุงผิว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว การเพิ่มความกระจ่างใส ช่วยลดเลือนริ้วรอย ช่วยประโลมผิว ฯลฯ ที่สำคัญคือ มีราคาย่อมเยาแล้วก็เป็นที่นิยมมากๆ ค่ะ หลังจากมาส์กหน้าเสร็จแล้ว แนะนำว่าให้นวดหน้าด้วยวิธีนวดหน้าผ่อนคลาย เพื่อให้เนื้อมาส์กซึมเข้าผิวได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

ไอเทมแนะนำ : LuLuLun Premium Yamanashi Peach Face mask

ราคาโดยประมาณ : 599 บาท (35 แผ่น)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

10. SENKA

สกินแคร์ ญี่ปุ่นอีกแบรนด์หนึ่งที่ผลิตภัณฑ์ไลน์ทำความสะอาดผิวทำออกมาได้ดีมากๆ โดยเฉพาะโฟมล้างหน้าเนื้อวิปขึ้นชื่อ ล้างหน้าได้สะอาดหมดจด เป็น favorite item ของใครหลายๆ คน นอกจากนี้ ทางแบรนด์ก็มีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบำรุงผิวอย่างเจลครีมที่ได้รับความนิยมอีกเช่นกัน เนื้อเจลซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยเก็บล็อกความชุ่มชื่นให้กับผิวเหมือนการมาส์กหน้า แล้วก็มีในกลุ่มของโลชั่น อีมัลชั่นที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกเหมือนกัน

ไอเทมแนะนำ : Senka Deep Moist Gel Cream

ราคาโดยประมาณ : 339 บาท (50 g)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

เคล็ดลับ สกินแคร์ รูทีน เพื่อผิวสวยแบบสาวญี่ปุ่น

ถ้าใครอยากมีผิวสวยใส ดูอ่อนวัยแบบสาวๆ ญี่ปุ่น ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ตามนี้เลยค่ะ

• กลางวัน หรือ Day Routine : ใช้โฟมล้างหน้าล้างความมันและสิ่งสกปรกออกไป จากนั้นตามด้วยเอสเซนส์หรือน้ำตบ มอยเจอร์ไรเซอร์ และครีมกันแดด แล้วถึงจะตามด้วยเมคอัพ 
• กลางคืน หรือ Night Routine : ล้างเครื่องสำอางออกก่อนด้วยคลีนเซอร์ จากนั้นจึงตามด้วยโฟมล้างหน้า เอสเซนส์ เซรั่ม มาสก์หน้า (ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกวัน) เสร็จแล้วตามด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ และอายครีมก่อนนอน อย่าลืมทาลิปมันบำรุงก่อนนอนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากของเราด้วยนะคะ

Inspire Now ! : สาวๆ ญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับความชุ่มชื้นมาเป็นอันดับ 1 โดยจะเน้นผิวที่นุ่มเนียน ดูสุขภาพดี ไม่แห้งกร้าน สกินแคร์ ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จึงเน้นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหรือเน้นการเติมน้ำให้ผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นเป็นพิเศษด้วยการมาส์กหน้า ที่สำคัญคือ อย่าลืมทาครีมกันแดดเด็ดขาด เพราะแสงแดดนั้นเป็นตัวการที่ทำร้ายผิวและทำให้ผิวเหี่ยวย่นและมีริ้วรอยได้ และยังทำให้เกิดฝ้า กระ ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำได้อีกด้วย แม้ว่าจะทำงานในร่มหรืออยู่แต่ในบ้านก็อย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นอันขาดเลยค่ะ

DIY INSPIRE NOW ให้ไอเดียทำให้ฉันสวยขึ้นใช่ไหม ? ใครอยากบอกต่อสกินแคร์แบรนด์ญี่ปุ่นตัวไหน คอมเมนต์ได้เลยนะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : jw-webmagazine.com, japanobjects.com, vogue.co.uk

Featured Image Credit : freepik.com