ปี 2567 ลอยกระทงวันที่เท่าไร ? มารู้จักประวัติวันลอยกระทงให้มากขึ้นกัน !
ลอยกระทงวันที่เท่าไหร่ ชวนลอยกระทงให้สนุก และเข้าถึงประเพณีไทยมากขึ้นด้วยการเข้าใจประวัติความเป็นมา มาเรียนรู้ เข้าใจ และสนุกกับเทศกาลนี้กัน
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่รุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมและปรัชญาการใช้ชีวิตที่มีความเฉพาะพิเศษของตัวเอง ทั้งยังมีประเพณีสำคัญต่างๆ ที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และบางประเพณีวัฒนธรรมนั้น ถูกนำเสนอออกมาในรูปแบบของเทศกาลสำคัญต่างๆ ที่ให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสสัมผัสถึงวัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตของชาวดินแดนอาทิตย์อุทัย ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลชมซากุระอันโด่งดังในช่วงเดือนเมษายน หรือเทศกาลหิมะซัปโปโรที่ฮอกไกโด มาสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นให้มากขึ้นผ่านการเที่ยวชม เทศกาลในญี่ปุ่น ทั้ง 8 ภูมิภาคกันเลยค่ะ
เหตุผลของการไปญี่ปุ่นของใครหลายๆ คนอาจจะแตกต่างกันไป บางคนอยากไปเพราะตั้งใจจะไปกินอาหารญี่ปุ่นแบบโลคอลต้นตำรับแท้ๆ บางคนอยากไปให้ครบทั้ง 47 จังหวัดในญี่ปุ่น บางคนอยากไปเพราะจะไปตามรอยหนัง – การ์ตูนแอนิแมะที่เคยดูตั้งแต่เด็กๆ บางคนอยากไปเพราะหลงใหลในความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ บางคนอยากไปสัมผัสกับวัฒนธรรมประเพณีให้ลึกซึ้งมากขึ้น โดยเฉพาะการไปเที่ยวในช่วงเทศกาลต่างๆ ที่จะทำให้ได้สัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และหลายๆ เทศกาลนั้นก็จัดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น ในแต่ละภูมิภาคก็มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย ความพิเศษจึงอยู่ตรงที่ว่า เราสามารถไปเที่ยวตามเทศกาลต่างๆ อย่างไม่ซ้ำกันได้ทั้ง 8 ภูมิภาคเลยทีเดียว เทศกาลญี่ปุ่น ในแต่ละภูมิภาคจะมีอะไรบ้าง ไปสำรวจกันเลยค่ะ
ถ้าพูดถึงการไปเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวละก็ จะพลาดเทศกาลหิมะที่ซัปโปโรไปได้อย่างไร เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลสุดฮิตที่ทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องมาเยือนยังซัปโปโรเพื่อชมประติมากรรมน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่แกะสลักจากหิมะและก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมา ไม่ว่าจะเป็นประติมากรรมน้ำแข็งรูปสถานที่สำคัญต่างๆ ในโลก หรือแกะสลักเป็นรูปต่างๆ จากการ์ตูนมังงะ โดยเฉพาะตอนกลางคืนที่จะสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษจากไฟหลากสีสัน ทำให้ประติมากรรมน้ำแข็งดูสวยงามอลังการมากขึ้นอีกหลายเท่า
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดิน Sapporo มาลงที่สถานี Odori ก็จะถึงที่จัดงาน
แผนที่ :
ชื่อของเทศกาลฮาโกดาเตะโค อาจไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่นัก แต่เป็น เทศกาลในญี่ปุ่น ที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ โดยจะจัดขึ้นที่เมืองฮาโกดาเตะ ภูมิภาคฮอกไกโด ช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี โดยจะมีการจุดพลุดอกไม้ไฟกว่าหมื่นลูกบริเวณท่าเรือ รับประกันความอลังการตระการตา ใครที่ชอบการดูดอกไม้ไฟจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน ตามด้วยการชมขบวนพาเหรดและการแสดงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากของกินขึ้นชื่อของเมืองฮาโกดาเตะ ซึ่งก็คือปลาหมึกนั่นเอง เรียกกันว่า การแสดงรำวงปลาหมึก และนักท่องเที่ยวเองก็สามารถร่วมสนุกไปกับคนในท้องถิ่นได้ด้วยการร่วมรำวงปลาหมึกในขบวนพาเรด เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลสุดครึกครื้นเลยล่ะค่ะ
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : วันที่ 1 – 5 สิงหาคมของทุกปี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานีฮาโกดาเตะ และเดินเท้าอีก 5 นาที
แผนที่ :
เทศกาลญี่ปุ่นเนบูตะในเมืองอาโอโมริ เป็นเทศกาลแห่โคมไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุเลยทีเดียว โดยจะมีขบวนพาเหรดที่แห่ตุ๊กตาคาบูกิไซส์ยักษ์ พร้อมกับการแสดงของนักเต้นรำ ซึ่งเป็นเทศกาลที่จัดช่วงฤดูร้อน แสดงถึงความมีชีวิตชีวาในยามค่ำคืนของญี่ปุ่น ภายในงานจะมีโชว์โคมไฟรูปซามูไรขนาดใหญ่ มีการแสดงกลองไทโกะ พร้อมด้วยการเต้นรำอย่างสนุกสนาน โดยขบวนพาเรดนี้จะแห่ไปรอบใจกลางเมืองเป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตรทุกๆ คืน อันเป็นการเฉลิมฉลองการได้รับชัยชนะในสงครามสมัยก่อน และในวันสุดท้ายจะมีการแสดงดอกไม้ไฟอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการปิดเทศกาลอย่างสมบูรณ์ ใครไปญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อนก็สามารถไปเยี่ยมชมขบวนพาเรดกันได้นะคะ
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : วันที่ 2 – 7 สิงหาคมของทุกปี
การเดินทาง : สถานที่จัดงานเทศกาลเนบุตะจะอยู่บริเวณถนนชินมาจิ ฝั่งทิศตะวันออก จากสถานีรถไฟอาโอโมริ ของ JR หากขึ้นจากสถานีโตเกียว ให้ขึ้นชินคันเซ็นขบวนฮายุบุซะ ที่มุ่งหน้าไปยังชินฮาโกดาเตะโฮคุโตะ ลงที่สถานีชินอาโอโมริ และเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสายโออุ ขบวนที่มุ่งหน้าไปอาโอโมริ ลงที่สถานีปลายทางอาโอโมริ
แผนที่ :
ความจริงแล้ว เทศกาลทานาบาตะมักจะจัดขึ้นทั่วประเทศในญี่ปุ่น แต่เราขอแนะนำเทศกาลเซนไดทานาบาตะ ที่จัดขึ้นในเมืองมิยางิ ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดองภูมิภาคโทโฮคุเลยทีเดียว โดยนักท่องเที่ยวจะได้ชมความงดงามตระการตาของการจัดร้านรวงอาคารสถานที่ ทั้งโคมไฟและไฟประดับประดาอย่างสวยงาม มีกิจกรรมให้ทำของตกแต่งวันทานาบาตะ หรือเที่ยวชิมของอร่อยตามซุ้มอาหารที่เป็นอาหารท้องถิ่นขนานแท้ ที่ห้ามพลาดเลยก็คือ การชมพลุดอกไม้ไฟซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของเทศกาล
เทศกาลทานาบาตะขึ้นชื่อว่าเป็นเทศกาลโรแมนติกของคนญี่ปุ่น เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเทศกาลดวงดาว มาจากตำนานเรื่องเล่าหญิงทอผ้ากับชายเลี้ยงวัว นิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น ในช่วงเทศกาลจะมีการเขียนคำอธิษฐานต่างๆ บนกระดาษหลากสีสัน และนำไปแขวนประดับกิ่งไม้ไผ่เพื่ออธิษฐานขอพรจากดวงดาวโอริฮิเมะ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้คำอธิษฐานเป็นจริง เป็นอีกหนึ่งเทศกาลในญี่ปุ่นที่ต้องไปให้ได้สักครั้งค่ะ
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : เดือนกรกฎาคม – สิงหาคมของทุกปี
การเดินทาง : หากเดินทางโดยรถไฟ ให้นั่งรถไฟโทโฮคุชินคังเซ็นไปยังสถานีเซนไดจากโตเกียว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
แผนที่ :
เทศกาลในญี่ปุ่น ที่ยิ่งใหญ่อีกเทศกาลหนึ่งก็คือ เทศกาลซันจะ หรือเทศกาลเฉลิมฉลองศาลเจ้าอาซากุสะ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ศาลเจ้าอาซากุสะ กรุงโตเกียว เป็นประเพณีที่มีมานานกว่า 700 ปีแล้ว ซึ่งเทศกาลนี้ จัดขึ้นเพื่อบูชาดวงวิญญาณของบุรุษสามรายที่ได้พบพระพุทธรูป และนำเอาพระพุทธรูปองค์นั้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดเซ็นโซจิ อันเป็นการส่งเสริมพุทธศาสนาในญี่ปุ่น ส่วนงานเทศกาลที่จัดขึ้นในปัจจุบันนั้น มีต้นกำเนิดในสมัยเอโดะ โดยโชกุนโทคุงาวะ อิเอมิตสึ ได้สั่งให้สร้างศาลเจ้าอาซากุสะรอบๆ วัดเซ็นโซจิเพื่อถวายบูชาแก่ดวงวิญญาณของผู้ก่อตั้งวัดเซ็นโซจิทั้ง 3 ท่าน
ในช่วงเทศกาลจะมีการแห่ขบวนแสดงศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอย่างมากมาย มีการแสดงระบำบินซาซาระที่ศาลเจ้าอาซากุสะเพื่อขอพรให้มีความเจริญรุ่งเรืองและเก็บเกี่ยวพืชพรรณได้อย่างอุดมสมบูรณ์ ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ก็คือ ขบวนหาบเกี้ยวขนาดใหญ่ 3 เกี้ยวจากศาลเจ้าอาซากุสะในช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า ซึ่งเกี้ยวทั้ง 3 จะถูกหาบเดินขบวนรอบแขวงอาซะกุสะ ก่อนจะนำกลับมาที่ศาลเจ้าดังเดิม เป็นอีกหนึ่งเทศกาลในญี่ปุ่นที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวัฒนธรรมประเพณีแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ค่ะ
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : ช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงสถานี Asakusa โดยใช้รถไฟใต้ดินสาย Ginza หรือสาย Tsukuba Express มายังศาลเจ้าอาซากุสะ
แผนที่ :
อีกหนึ่งเทศกาลในญี่ปุ่นที่ต้องไปเห็นให้ได้สักครั้งก็คือ เทศกาลดอกไม้ไฟในโตเกียว ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นเองจะพากันมาชมดอกไม้ไฟที่สวนริมทะเลโอไดบะ ซึ่งเป็นดอกไม้ไฟสไตล์ยุคเอโดะ ผสมผสานไปด้วยความทันสมัยและกลิ่นอายดั้งเดิมของประเพณีในสมัยก่อน รับรองว่าโชว์ดอกไม้ไฟนี้จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก นอกจากความงดงามของดอกไม้ไฟนับหมื่นลูกแล้ว ยังได้สัมผัสความตื่นตาตื่นใจจากดนตรีประกอบที่เพิ่มความอลังการให้กับโชว์ดอกไม้ไฟสุดพิเศษนี้ด้วย ใครที่รักการดูดอกไม้ไฟจะต้องห้ามพลาดค่ะ
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : ในเดือนสิงหาคมของทุกปี
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟ JR Yamanote Line หรือ Ueno – Tokyo Line แล้วลงสถานี Shimbashi ต่อด้วยรถไฟ Yurikamome Shimbashi Station ลงสถานี Odaiba – kaihinkoen เพื่อไปยังสวนริมทะเลโอไดบะ
แผนที่ :
ภูมิภาคชูบุนั้น ก็มีเทศกาลที่น่าสนใจหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือ เทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสีในหุบเขาโครังเค เมืองโตโยต้า จังหวัดไอจิ เรียกกันว่า Korankei Momiji Festival เนื่องจากชาวญี่ปุ่นนั้น ให้ความสำคัญกับฤดูกาลและธรรมชาติมากๆ เมื่อถึงคราวที่มีใบไม้เปลี่ยนสี ก็จัดเป็นเทศกาลอย่างยิ่งใหญ่ ภายในหุบเขาแห่งนี้มีต้นเมเปิ้ลมากกว่า 11 ชนิด และมีมากกว่า 4,000 ต้น เมื่อถึงช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ใบเมเปิ้ลจะมีสีส้มไปทั่วทั้งหุบเขา แซมด้วยสีเหลืองและสีทอง จุดชมวิวที่เป็นไฮไลท์คือ สะพานสีแดงข้ามแม่น้ำ ซึ่งจะได้เห็นทัศนียภาพอันสวยงาม เห็นใบเมเปิ้ลสีส้มสีทองไปทั่วทั้งหุบเขา ถ้าใครชอบช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นพิเศษ หวังจะได้เห็นภาพทิวทัศน์อันงดงามตระการตาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ต้องมาเที่ยวที่เทศกาลโครังเคโมมิจิให้ได้ค่ะ
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : ช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟไปลงที่สถานี Nagoya แล้วนั่งรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ไปลงที่สถานี Fushimi จากนั้นเปลี่ยนไปขี้นรถไฟใต้ดินสาย Tsurumai ไปลงที่สถานี Toyota – shi และนั่งรถ Meitetsu Bus Yamani Line ไปลงที่ป้าย Korankei ก็จะถึงที่หมาย
แผนที่ :
เทศกาลไฟประดับในฤดูหนาวที่ยิ่งใหญ่อลังการแห่งเมืองมิเอะ จัดในสวนดอกไม้ที่มีชื่อว่า Nabata no sato ใครเป็นสายถ่ายรูปไฟสวยๆ ต้องห้ามพลาดเลยค่ะ ไฮไลท์อยู่ที่อุโมงค์ประดับไฟสีทองทอดยาวกว่า 200 เมตร เป็นจุดที่ทุกคนต้องมาถ่ายภาพให้ได้ อีกจุดหนึ่งก็คือ การประดับประดาไฟเป็นรูปภูเขาไฟฟูจิ เรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ ภายในเทศกาลยังมีดอกไม้ให้ชมอีกด้วย ทั้งดอกทิวลิป ดอกบ๊วย ดอกกุหลาบ ดอกซากุระ ไฮเดรนเยีย ฯลฯ ซึ่งในบริเวณสวนดอกไม้นั้นก็ประดับประดาด้วยไฟหลากสีสัน ส่องแสงในค่ำคืนอย่างดงาม ดูระยิบระยับคล้ายกับดวงดาวบนท้องฟ้าเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นเองตั้งตารอในทุกๆ ปีค่ะ
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : ช่วงตุลาคม – พฤษภาคม
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Nagoya จากนั้นขึ้นรถบัสที่ Meitetsu Bus Center มาลงที่สวนจัดแสดงงาน
แผนที่ :
ภาพอุโมงค์เสาโทริอิสีแดง เป็นภาพจำของศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริในเกียวโตของใครหลายคน ทั้งยังเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากมาเยือนศาลเจ้าแห่งนี้สักครั้ง ซึ่งในช่วงฤดูร้อน ที่ศาลเจ้าแห่งนี้จะมีการจัดเทศกาลญี่ปุ่นโยอิมิยะและโมโตยะขึ้น อันเป็นเทศกาลแห่งการบูชาเทพเจ้าอินาริ เทพเจ้าแห่งการเพาะปลูกและการค้า และในตลอดช่วงเทศกาลนั้นจะมีการประดับตกแต่งศาลเจ้าไปจนถึงอุโมงค์เสาโทริอิด้วยโคมไฟอย่างงดงาม ทั้งยังมีลานเต้นรำวงบงโอโดริบริเวณหน้าศาลเจ้า ซึ่งผู้ที่มาเยี่ยมชมเทศกาลแห่งนี้จะได้เห็นการแสดงพื้นเมืองโดยเฉพาะ ทั้งยังมีการออกร้านรวงขายของและขายอาหารท้องถิ่นมากมาย เป็นเทศกาลที่สามารถร่วมสนุกได้ทุกเพศทุกวัย พร้อมได้สัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟ JR สายนาราแล้วไปลงที่สถานี Inari ซึ่งศาลเจ้าจะตั้งอยู่หน้าสถานี Inari หรือขึ้นรถไฟสายเคฮันไปลงที่สถานี Fushimi Inari แล้วเดินต่อประมาณ 7 นาที ก็จะถึงที่หมาย
แผนที่ :
เทศกาลเท็นจิน จัดขึ้นที่เมืองโอซาก้า ซึ่งเทศกาลนี้ ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเลยทีเดียว อันเป็นเทศกาลประจำศาลเจ้าเท็นมังกู ศาลเจ้าสำคัญประจำเมืองโอซาก้า จัดขึ้นเพื่อบูชาและเฉลิมฉลองให้กับเทพเจ้าสุงาวาระ มิจิซาเนะ ซึ่งชาวดินแดนอาทิตย์อุทัยให้ความเคารพบูชาในฐานะเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้ (หรือเทพเจ้าแห่งปัญญา) ภายในเทศกาลเต็มไปด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจ ใครอยากมาสัมผัสกับวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นจะต้องมาเทศกาลนี้ให้ได้ มีทั้งการจัดพิธีบวงสรวงเทพเจ้า ทั้งยังมีขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ที่มีคนมาร่วมขบวนมากถึง 3 พันคน มีการอัญเชิญดวงวิญญาณเทพเจ้าไปตามท้องถนนในเมืองโอซาก้า และไปสิ้นสุดที่แม่น้ำโอกะวะ หลังจากนั้นจะมีการจุดดอกไม้ไฟหลายพันดวงเพื่อปิดเทศกาล ใครอยากชมความยิ่งใหญ่ของเทศกาลนี้ ก็ไปเที่ยวที่โอซาก้ากันได้นะคะ
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : ทุกวันที่ 24 – 25 กรกฎาคมของทุกปี
การเดินทาง : สามารถเดินทางไปบริเวณที่จัดงานด้วยรถไฟและแท็กซี่ หากเป็นรถไฟ JR ให้ลงที่สถานีโอซาก้าเท็นมังกู และสถานีมินามิ – โมริมาจิบนเส้นทางรถไฟใต้ดินสายทานิมาจิและซาไคสึจิ
แผนที่ :
เทศกาลมิฮะระ ยัสสะ ในฮิโรชิมา เป็นเทศกาลโบราณที่มีมานานกว่า 400 ปี เป็นเทศกาลเต้นรำช่วงฤดูร้อนที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ในญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยเทศกาลนี้ จะจัดขึ้นที่หน้าสถานนีมิฮะระในช่วงวันหยุดโอะบง โดยจะมีนักเต้นมากกว่า 6,000 คนมาเต้นรำแบบโบราณที่เรียกกันว่า การเต้นรำยัสสะ ซึ่งเป็นการเต้นรำที่มีมาแต่ดั้งเดิม โดยขบวนเต้นรำจะจัดขึ้นในวันศุกร์แล้วก็วันเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์จะเป็นการแสดงดอกไม้ไฟ และในช่วงเทศกาลยังมีการจำหน่ายอาหารท้องถิ่นมากมาย โดยการเบิดร้านเรียงรายไปตามถนน เป็นเทศกาลที่สนุกสนานแล้วก็มีเอกลักษณ์มากๆ ค่ะ
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : กลางเดือนสิงหาคม
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ไปลงที่สถานี Mihara โดยใช้สาย Sanyo Main Line/Kure Line/Sanyo Shinkansen
แผนที่ :
เทศกาลดอกไม้ เป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฮิโรชิม่า รู้จักกันในชื่อ Hiroshima Flower Festival จัดขึ้นที่สวนสันติภาพในเมืองฮิโรชิมา เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยความงดงามของดอกไม้นานาชนิด มาพร้อมกับความสนุกสนานที่เต็มไปด้วยเสียงเพลง มีขบวนพาเรดดอกไม้และมีการแสดงกว่า 30 เวที ทั้งการเต้นรำประเภทต่างๆ เช่น การเต้นรำพื้นบ้านคากุระ การเต้นโยซาโกย แล้วก็มีการแสดงคอนเสิร์ตภายในงานอีกด้วย ทั้งนี้ จุดประสงค์หลักของการจัดเทศกาลนี้ขึ้นมา ก็เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณูช่วงสงครามโลกทั้งที่ 2 และเป็นการสร้างความตระหนักรู้ให้มนุษย์เราเห็นถึงความสำคัญของสันติภาพอีกด้วย
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : 3 – 5 พฤษภาคม
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟฮิโรชิม่า ให้ต่อรถรางสาย 2 หรือสาย 6 ไปลงที่สถานี Gengaku – Domu mae ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
แผนที่ :
เทศกาลร่ายรำแห่งฤดูร้อน อาวะโอโดริ ในจังหวัดโทคุชิมะ เป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในจังหวัดโทคุชิมะ ทั้งยังเป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอย่างหนึ่งของญี่ปุ่นด้วย มีผู้คนกว่า 1 ล้านคนหลั่งไหลมายังท้องถนนของเมืองโทคุชิมะเพื่อเข้าร่วมงานเต้นรำพื้นบ้านดั้งเดิมนี้ สิ่งที่นักท่องเที่ยวจะพลาดไม่ได้ก็คือ การชมการแสดงของนักเต้นรำกลุ่มเร็น ตื่นตาตื่นใจไปกับฮัปปิ และยูคาตะ เครื่องแต่งกายดั้งเดิมของเหล่านักเต้นที่ได้รับมรดกตกทอดกันมายาวนาน และยังมีเวทีการแสดงอื่นๆ อีกหลายเวที ใครที่ชอบดูการแสดงพื้นบ้านท้องถิ่นของญี่ปุ่น นี่เป็นเทศกาลที่จะทำให้เราได้สัมผัสกับวัฒนธรรมประเพณีแบบดั้งเดิมขนานแท้เลยค่ะ
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : วันที่ 12 – 15 สิงหาคมของทุกปี
การเดินทาง : หากเดินทางโดยรถไฟ ให้ขึ้นชินคันเซนสายโทไคโดะซันโยมายังสถานีโอคะยะมะ และต่อรถไฟ JR สายเซโตะโอฮาชิโคโตกุมายังสถานีโทคุชิมะ และมีรสบัสด่วนที่ให้บริการจากสถานีโอซาก้าไปยังสถานีโทคุชิมะได้เช่นกัน
แผนที่ :
ตื่นตาตื่นใจไปกับเทศกาลกลองไทโกะแห่งนีฮะมะ หรือ Niihama Taiko Festival เป็นเทศกาลที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีราวๆ เดือนตุลาคมที่เมืองนีฮะมะ จังหวัดเอะฮิเมะ ในงานจะมีการแห่กลองซึ่งตกแต่งอย่างสวยงามตระการตาเคลื่อนที่ไปรอบเมือง เทศกาลนี้ เรียกกันอีกชื่อว่า โอะโตะโกะมัตสึริ หรือ “เทศกาลของผู้ชาย” เนื่องจากในงานมีไฮไลท์คือ การแข่งขันแบกแท่นกลองซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 3 ตันโดยผู้ชายจำนวนกว่า 150 คน สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก ใครชอบงานเทศกาลที่มีความครึกครื้น เต็มไปด้วงพลังความยิ่งใหญ่อลังการ เทศกาลนี้ก็เป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : ช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี
การเดินทาง : หากเดินทางจากสถานีรถไฟโอคะยะมะ จะต้องขึ้นรถไฟด่วนพิเศษไปลงที่สถานีนีฮะมะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นขึ้นรถหรือต่อรถแท็กซี่ไปยัง Yamane Park สถานที่จัดงาน
แผนที่ :
มากันที่เทศกาลในญี่ปุ่นของภูมิภาคคิวชู เทศกาลแรกที่อยากจะแนะนำคือ เทศกาลชมดอกบ๊วยนั่นเองค่ะ ในช่วงเดือนมีนาคมนั้น ต้นบ๊วยกว่า 6,000 ต้นในศาลเจ้าจะออกดอกกันอย่างพร้อมเพรียง นับว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของศาลเจ้าแห่งนี้เลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ ยังเต็มไปด้วยร้านขายของฝากและร้านขนมเรียงรายหน้าทางเข้าดะไซฟุเทมมังกู เช่น ขนมอูเมกาเอะโมจิซึ่งเป็นขนมท้องถิ่นที่ทำจากเค้กข้าวสอดไส้ถั่วแดงหวาน และยังมีการจำหน่ายไอศกรีมหลากรสชาติที่มีขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น อาทิ รสชาเขียว รสงาดำ รสคินาโกะ นอกจากจะได้มาเที่ยวเทศกาลชมดอกบ๊วยแล้ว ในช่วงเวลาเดียวกันยังมีเทศกาลอูเมชู หรือเทศกาลเหล้าบ๊วยที่จัดขึ้นช่วงฤดูดอกบ๊วยบานพอดี ใครที่ตั้งใจจะมาเที่ยวฟุกุโอกะช่วงมีนาคมอยู่แล้ว ก็อย่าลืมมาเที่ยวชมความงดงามของเทศกาลชมดอกบ๊วยกันด้วยนะคะ
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : ช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี
การเดินทาง : สามารถเดินทางไปดะไซฟุเทมมังกูด้วยบริการขนส่งสาธารณะจากเมืองฟุกุโอกะ ด้วยการขึ้นรถไฟสายนิชิเท็ตสึ – ฟุกุโอกะเท็นจินไปสถานีดะไซฟุ โดยเปลี่ยนสายที่ฟุทสึไคจิ ใช้เวลาเดินจากสถานีดะไซฟุไปดะไซฟุเทมมังกูประมาณ 5 นาที
แผนที่ :
ชมขบวนแห่เทพเจ้ามังกรสุดอลังการที่เทศกาลโอมุตะไดจะยามะ ในเขตโอมุตะ ฟุกุโอกะ ไฮท์ไลท์สำคัญของเทศกาลนี้คือ ขบวนแห่เทพเจ้ามังกร “ไดจะยามะ” ที่จัดขึ้นอย่างอลังการ ซึ่งขบวนแห่นั้นมีความยาวมากกว่า 10 เมตร และมีอยู่หลายขบวนจากแต่ละเขต โดยแต่ละขบวนจะมาเดินอวดโฉมความยิ่งใหญ่อลังการพร้อมโชว์พ่นไฟ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ทั้งนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ ซึ่งโครงสร้างของขบวนมังกรนั้น ทำจากวัสดุท้องถิ่นธรรมชาติอย่างไม้ไผ่ กระดาษวะชิ หรือฟาง ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ในขบวนยังมีการแสดงเต้นรำประกอบเพลงประจำเทศกาล ที่ผู้เข้าร่วมเทศกาลจะมาต่อแถวและร่วมเต้นรำไปด้วยกัน ซึ่งแถวนั้นมีความยาวถึง 2 กิโลเมตรเลยทีเดียว เรียกว่าเทศกาลแห่เทพเจ้ามังกรนี้ สร้างความครึกครื้นและความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
ระยะเวลาในการจัดเทศกาล : ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม โดยจัดขึ้น 2 วัน วันที่ขึ้นอยู่กับแต่ละปี
การเดินทาง : หากเดินทางโดยรถไฟ ให้นั่งรถไฟสาย Kagoshima Main Line มาลงที่สถานี JR Omuta หรือนั่งรถไฟสาย Tenjin – Omuta มาลงที่สถานี Nishitetsu เดินจากสถานีประมาณ 5 นาที ก็จะถึงที่จัดงาน
แผนที่ :
Inspire Now ! : นอกจากจะเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ แล้ว หากอยากทำความรู้จักกับประเทศนั้นๆ อย่างถ่องแท้มากขึ้น การมาเที่ยวชมเทศกาลวันสำคัญต่างๆ ก็จะทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมที่มีมาแต่เนิ่นนาน ทำให้ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตและความเชื่อของชนชาตินั้นๆ ได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น ถ้าใครชอบการท่องเที่ยวแบบเรียนรู้ศึกษาวัฒนธรรมของชนชาติต่างๆ การไปเที่ยวเทศกาลวันสำคัญ ก็ดป็นอะไรที่ห้ามพลาดเลยค่ะ |
---|
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันอยากออกเดินทางใช่ไหม ? เที่ยวญี่ปุ่นครั้งต่อไป ลองเปลี่ยนเป็นการไปเที่ยวเทศกาลต่างๆ ดูบ้างนะคะ แล้วเราจะทั้งรู้จัก ทั้งหลงรักความเป็นญี่ปุ่นมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : jw-webmagazine.com, timeout.com, japan-guide.com, japan.travel
Featured Image Credit : freepik.com/tawatchai07
ลอยกระทงวันที่เท่าไหร่ ชวนลอยกระทงให้สนุก และเข้าถึงประเพณีไทยมากขึ้นด้วยการเข้าใจประวัติความเป็นมา มาเรียนรู้ เข้าใจ และสนุกกับเทศกาลนี้กัน
รวมทั้งผัก และ ผลไม้บำรุงสายตา อยากบำรุงให้สายตาของเราใช้ได้ไปนานๆ ต้องทำกินอะไรบ้าง มีผักหรือผลไม้อะไรบ้างที่เรากินอยู่แล้วเป็นประจำแล้วดีกับตาบ้าง มาดูกัน
ผลไม้น้ำตาลสูงมีอะไรบ้าง ชวนรู้จักน้ำตาลในผลไม้เทียบกับน้ำตาลเติมแต่ง พร้อมแนะนำผลไม้ 10 อย่างที่ควรกินให้น้อยเพื่อสุขภาพที่ดี และคนเป็นเบาหวานควรเลี่ยง