หมดไฟในการเรียน ? แชร์วิธีปลุกพลังบวก ให้ก้าวต่อไปได้ทุกวัน

บางครั้งเมื่อเราเจอเรื่องยากที่ดูเหมือนผ่านไปไม่ได้หรือต้องทำเรื่องเดิมๆ วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ‘ภาวะหมดไฟ’ ก็ดูเหมือนจะมาทักทายแบบไม่ทันรู้ตัว โดยเฉพาะสาวๆ ที่ยังต้องเรียนหนังสืออยู่ ความเครียดและปัญหาต่างๆ ที่วนเวียนอยู่รอบตัวเราเงียบๆ อาจส่งผลให้เกิดภาวะ หมดไฟในการเรียน ไปเสียเฉยๆ แต่แน่นอนว่าเราจะปล่อยให้ตัวเองหมดไฟนานไปไม่ได้ เพราะยิ่งปล่อยไว้ก็ยิ่งส่งผลต่อการเรียนและชีวิตประจำวัน ดังนั้นลองมาดูวิธีปลุกพลังบวกให้ตัวเองอีกครั้งกับ DIY INSPIRE NOW กันดีกว่าค่ะ

หมดไฟในการเรียน ? แก้ไขได้แค่ปลุกพลังบวก เปลี่ยนตัวเองให้กลับมามีไฟอีกครั้ง

• เปลี่ยนบรรยากาศ

ภาวะหมดไฟในการเรียนอาจเกิดจากการทำกิจวัตรเดิมซ้ำไปซ้ำมา ออกจากบ้านไปเรียน กลับมาถึงบ้านก็อยู่ในห้องสี่เหลี่ยม ทบทวนบทเรียนหรือไม่ก็อยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อสมองและร่างกายขาดความท้าทาย ก็ทำให้เกิดความรู้สึกเบื่อจนหมดไฟได้เหมือนกันนะคะ เพราะฉะนั้นลองเปลี่ยนบรรยากาศ ให้เราได้พบกิจวัตรประจำวันใหม่ๆ บ้าง เช่น การจัดห้องใหม่ ตกแต่งมุมอ่านหนังสือ หรือแม้แต่การออกไปเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ การทำกิจกรรมใหม่ที่ต่างไปจากเดิมจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ช่วยเยียวยาวหัวใจที่เหนื่อยล้าให้มีสีสันอีกครั้ง

[affegg id=453]

• แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ

สำหรับใครที่รู้ว่าสาเหตุของภาวะหมดไฟในการเรียนเกิดจากอะไร ลองมาแก้ไขปัญหาเหล่านั้นตั้งแต่แรกเริ่มดีไหมคะ เช่น สาวๆ บางคนอาจรู้ตัวว่าเราเรียนหนักเกินไป อ่านหนังสือแบบไม่ได้หยุดพัก แต่ทั้งที่อ่านมากกลับไม่เข้าหัว ผลการเรียนก็ไม่ดีขึ้น สุดท้ายก็หมดไฟที่จะทำอะไรไปทั้งอย่างนั้น ถ้าเรารู้ว่าต้นเหตุมาจากอะไร ก็ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนให้ปัญหาเหล่านั้นดีขึ้น อาจจะจัดสรรเวลาอ่านหนังสือใหม่ ลดเวลาลงแต่อ่านให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้ามีปัญหาหรือข้อสงสัยก็ถามเพื่อนหรืออาจารย์ รวมถึงแบ่งเวลาพักผ่อน ทำสิ่งที่เราชอบ หรือให้เวลากับตัวเองบ้าง ทำแบบนี้ร่างกายและจิตใจที่อ่อนล้าต้องรู้สึกดีขึ้นแน่นอนค่ะ

• ขอเวลานอก

การขอเวลานอกก็คือการหยุดทุกอย่างที่ทำให้เรารู้สึกหมดไฟในการเรียน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การทำการบ้าน หรือการที่ต้องมานั่งทบทวนบทเรียนทุกวันๆ ลองหยุดพักดูซิ ไปเที่ยวในที่ๆ อยากไป หรืออาจเป็นแค่การไปดูหนังสักเรื่อง การไปเดินห้าง หรือแม้แต่การเดินเล่นในสวนสาธารณะ แต่ต้องพักแบบหยุดทุกอย่างจริงๆ นะคะ หลังจากเราให้เวลาร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนอย่างแท้จริงแล้ว พลังในตัวก็จะกลับมาอีกครั้ง เท่านี้ก็พร้อมไฟต์กับการเรียนต่อไปแล้วหล่ะ

[affegg id=455]

• เข้าสังคม พบปะเพื่อนฝูง

ถึงจะเป็นคนแบบ Introvert แบบสุดขั้วยังไงก็ต้องมีเพื่อน ไม่ว่าจะหมดไฟในการเรียนหรือเจอปัญหาอะไร บางครั้งแค่เราลองโทรหาเพื่อนสนิทสักคน พูดคุยสารทุกข์สุขดิบกัน เท่านี้ก็ช่วยให้ความรู้สึกหดหู่ลดลงไปบ้าง ดังนั้นถ้ารู้ตัวว่าเริ่มเหนื่อยล้าจากการเรียน ลองเจอเพื่อนให้มากขึ้น นัดกินข้าวกลางวัน ไปดูหนัง หรือนั่งชิลล์ที่คาเฟ่ก็ได้ การได้เจอและพูดคุยกับเพื่อนนอกจากจะช่วยให้อารมณ์แจ่มใสขึ้นแล้ว ยังช่วยให้สมองของเราได้ทำสิ่งใหม่ๆ และยังได้บริหารสมองจากการเข้าสังคมด้วยนะคะ

• อยู่ห่างจากเทคโนโลยี

เทรนด์ Social Detox กำลังมา การอยู่ห่างจากคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนบ้างจะช่วยให้เรามีสมาธิมากขึ้น จิตใจสงบและผ่อนคลายขึ้น ลองกำหนดกับตัวเองดูว่าเราจะไม่เข้าเฟซบุ๊ก 1 วัน ไม่แตะสมาร์ทโฟน 1 ชั่วโมง หรืออาจจะไม่อ่านข่าวดราม่าต่างๆ เป็นต้น ลองให้เวลาตัวเองได้ฟื้นฟูพลังโดยไม่ต้องอยู่ติดกับหน้าจอสี่เหลี่ยมดูนะคะ สาวๆ จะพบว่าวิธีนี้ช่วยให้เรากลับมารู้สึกดีได้อีกครั้งจริงๆ

• ทบทวนเป้าหมายของตัวเอง

เมื่อเรารู้สึกเหนื่อยหรือท้อกับการเรียนในแต่ละวัน ลองถอยออกมาจากจุดที่เราเดินวนซ้ำเพื่อมองภาพรวมอีกครั้ง อาจลองถามตัวเองว่า เราเรียนไปเพื่ออะไร เราวางแผนอนาคตใน 1 ปีนี้อย่างไร และอนาคตในอีก 5 ปีต่อจากนี้หล่ะ? ทบทวนเป้าหมายโดยเริ่มจากเป้าหมายขนาดเล็กที่สามารถเป็นไปได้ก่อน จากนั้นจึงค่อยขยับไปเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น การได้เห็นเป้าหมายที่ชัดเจนอีกครั้งจะช่วยให้เราเรียกพลังในการเรียนกลับมาค่ะ

[affegg id=454]

• เพิ่มความท้าทายอย่างเป็นระบบ

บางครั้งสาเหตุที่เราเบื่อการเรียนขึ้นมาเป็นเพราะสมองขาดความท้าทาย ลองมาเล่นเกมกับสมองกันหนอ่ยดีกว่าค่ะ โดยปรับแผนการอ่านหนังสือใหม่ ทุกครั้งที่จบบทเรียนลองทำแบบทดสอบเพื่อประเมินความรู้ของตัวเองดูบ้าง ให้สมองของเราได้เจอเรื่องยากๆ บ้าง นอกจากจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองแล้วยังช่วยลดความเบื่อ เหนื่อย เฉา จากการเรียนได้เป็นอย่างดี การทดสอบตัวเองแบบนี้ไม่จำเป็นต้องรอสอบไฟนอลกับทางโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเท่านั้น หรืออาจจะใช้เวลาจับคู่ผลัดกันถาม-ตอบกับเพื่อนก็ได้ ยิ่งช่วยกันเรียนก็ยิ่งสนุกค่ะ

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันได้ไอเดียในการค้นหาตัวเองหรือเปล่า ? มาแชร์ไอเดียการปลุกพลังบวกในตัวเองที่เพื่อนๆ ชอบกับเราได้เลยนะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : abc.net.au, bustle.com, womenshealthmag.com