How to บำรุงลูกในครรภ์ ต้องทำยังไงบ้าง ? คำแนะนำแบบ Step by Step

เมื่อคุณแม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์สิ่งแรกที่คิดนอกจากความตื่นเต้นดีใจแล้วก็คงเป็นเรื่องสุขภาพของลูกน้อย หลายคนเริ่มวางแผนการคลอด มองหาโรงพยาบาล ศึกษาวิธีเลี้ยงเด็ก ศึกษาว่าต้องห่อตัวทารกถึงกี่เดือน ฯลฯ เพราะคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนย่อมอยากให้ลูกเติบโตแข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุด แต่นอกจากนั้นแล้วเรายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องรู้นั่นคือการบำรุงครรภ์นั่นเองค่ะ ดังนั้นลองมาดู How to บำรุงลูกในครรภ์ ที่ DIY INSPIRE NOW นำมาฝากกันดีกว่า ต้องกินอะไร ทำกิจกรรมอะไรบ้างเพื่อให้ทั้งคุณแม่และคุณลูกแข็งแรงสมบูรณ์ ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ

7 แนวทาง บำรุงลูกในครรภ์ ให้แข็งแรง สุขภาพดี ให้คุณแม่แฮปปี้และสบายใจ

1. กินเนื้อ ไข่ และปลา

เรื่องอาหารการกินเป็นสิ่งแรกๆ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องนึกถึงค่ะ เมื่อรู้ตัวว่าเรามีลูก การปรับไลฟ์สไตล์เรื่องการกินควรเป็นสิ่งแรกที่ต้องศึกษา อาหารที่คุณแม่ต้องให้ความสำคัญอย่างแรกเลยก็คือโปรตีนจากเนื้อไม่ติดมัน ไข่ และปลา ทั้งสามเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดีที่คุณแม่ควรกินให้ได้ทุกมื้อเพื่อบำรุงครรภ์ ทำให้ทารกในครรภ์เติบโตตามปกติ

2. ผักและผลไม้อย่าให้ขาด

นอกจากโปรตีนแล้ว อย่าลืมเติมวิตามินและเกลือแร่ให้ร่างกายด้วยการกินผักและผลไม้สด เป็นอีกหนึ่งวิธีบำรุงลูกในครรภ์และบำรุงสุขภาพของคุณแม่เองด้วย ที่สำคัญนอกจากวิตามินและเกลือแร่ที่มีอยู่ในผักและผลไม้ น้ำตาลธรรมชาติยังมีส่วนช่วยให้คุณแม่สดชื่น แจ่มใส เป็นแหล่งพลังงานที่ดีต่อสุขภาพทั้งของคุณแม่และคุณลูก

3. เพิ่มน้ำหนักเพื่อลูก

การเตรียมตัวเป็นคุณแม่นั้นมีหลายสิ่งที่เราควรรู้ทั้งทารกคว่ำกี่เดือน พัฒนาการช่วงวัยต่างๆ ของทารก หรือสิ่งสำคัญที่สุดอย่างการดูแลพวกเขาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และการเพิ่มน้ำหนักก็เป็นวิธีการบำรุงลูกในครรภ์ที่หลายคนมองข้ามนะคะ แต่การเพิ่มน้ำหนักมีประโยชน์แน่นอน เพราะการที่คุณแม่เพิ่มน้ำหนักหมายถึงน้ำหนักตัวของทารกที่อยู่ในเกณฑ์ปกติด้วย หากคุณแม่น้ำหนักน้อยเกินไป ทารกอาจตัวเล็ก น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์และสุขภาพอ่อนแอ ดังนั้นลองคำนวณ BMI ของตัวเองว่าอยู่ในระดับไหนแล้วมาเพิ่มน้ำหนักให้ได้ตามที่สถาบันยาแห่งสหรัฐอเมริกาหรือ Institute of Medicine (IOM) แนะนำกันดีกว่า

• น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ : ควรเพิ่มน้ำหนัก 12 – 18 กก.
• น้ำหนักปกติ : ควรเพิ่มน้ำหนัก 11 – 15 กก.
• น้ำหนักเกิดเกณฑ์ : ควรเพิ่มน้ำหนัก 7 – 11 กก.
• น้ำหนักเกินเกณฑ์มากกว่าปกติ : ควรเพิ่มน้ำหนัก 4 – 9 กก.

นอกจากการกินตามโภชณาการที่ดีเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้ตัวเองแล้ว อย่าลืมไปตรวจสุขภาพกับคุณหมอเพื่อเช็กร่างกายอย่างสม่ำเสมอว่าน้ำหนักของคุณแม่อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมแล้วหรือยังด้วยนะคะ

4. ดื่มน้ำให้มากเข้าไว้

นอกจากเรื่องอาหารแล้วคุณแม่ตั้งครรภ์ยังต้องการน้ำมากกว่าคนปกติประมาณ 50% เพื่อเติมออกซิเจนให้กับร่างกาย การดื่มน้ำจะช่วยให้ลำเลียงสารอาหารไปสู่ทารกได้มีประสิทธิภาพขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยขับของเสียและคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากครรภ์ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นน้ำนมในคุณแม่ที่ให้นมบุตร คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 10 แก้วต่อวันหรือจะดื่มน้ำเปล่าร่วมกับน้ำผลไม้สดก็ได้

5. ดื่มนมทุกวัน

แคลเซียมเป็นสารอาหารที่ขาดไม่ได้ระหว่างการตั้งครรภ์ มีคุณแม่มือใหม่หลายคนเจอปัญหากระดูกพรุนหรือปัญหาเรื่องการขาดแคลเซียมเพราะดื่มนมไม่มากพอ ดังนั้นอย่าลืมดื่มนมเป็นประจำทุกวันเพื่อเติมแคลเซียมให้กับร่างกาย เพราะนอกจากแคลเซียมจะช่วยบำรุงสุขภาพของคุณแม่ให้แข็งแรงแล้ว ยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการบำรุงสุขภาพฟันและกระดูกของทารกอีกด้วย และเพื่อให้การดื่มนมมีประสิทธิภาพสูงสุดอย่าลืมกินคู่กับอาหารที่มีวิตามินดีอย่างไข่แดง ตับ ปลาทะเล หรือน้ำผลไม้ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้นด้วยนะคะ

6. ออกกำลังกาย

อยากบำรุงลูกในครรภ์ไม่ใช่แค่การโฟกัสเรื่องอาหารการกินเท่านั้น แต่การออกกำลังกายเบาๆ ก็ช่วยบำรุงครรภ์ได้เพราะช่วยทำให้คุณแม่แข็งแรงแถมยังช่วยลดความเครียดซึ่งความเครียดนี่แหละส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อยโดยตรง คุณแม่ควรออกกำลังกายเบาๆ อย่างน้อย 15 – 20 นาทีทุกวัน อาจเลือกโยคะ พิลาทิส เดิน หรือว่ายน้ำก็ได้ อย่าลืมว่าไม่จำเป็นต้องหักโหม แค่ใช้เวลาเล็กน้อยในแต่ละวันลุกมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็ได้ค่ะ 

7. กินวิตามินบำรุงครรภ์

นอกจากปรับเรื่องโภชนาการ การดื่มน้ำ และการออกกำลังกายแล้ว คุณแม่ยังสามารถบำรุงลูกน้อยในครรภ์ด้วยการกินวิตามินสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ เพราะร่างกายของคุณแม่ในช่วงนี้ต้องการสารอาหารมากเป็นพิเศษ การกินอาหารตามปกติอาจทำให้เราได้รับวิตามินและเกลือแร่ไม่พอ อย่าลืมมองหาอาหารเสริมที่มีกรดโฟลิก แคลเซียม และสังกะสีเป็นหลัก และอย่าลืมเลือกอาหารเสริมที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะด้วยนะคะ

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันพร้อมที่จะเป็นคุณแม่ใช่ไหม ? คุณแม่ที่อ่านบทความนี้มีวิธีบำรุงลูกในครรภ์อย่างไรบ้าง ลองมาแชร์แนวทางของคุณกับเราได้เลยนะคะ

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : familydoctor.org, parents.com